17 มีนาคม 2552

กลยุทธ์การลงทุน (17/3/52)

กลยุทธ์การลงทุน (17/3/52) by ZMICO

แกว่งตัวแคบ...รอปัจจัยบวกใหม่

ภาวะ ตลาดวานนี้ SET พยายามประคองตัวช่วงเปิดตลาด แม้จะมีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังผิดหวังโอเปคไม่ยอมปรับลดกำลังการผลิต และกดให้ SET ไปแตะระดับต่ำสุดที่ 420.61 จุด ในช่วงท้ายตลาดภาคเช้า ก่อนจะดีดตัวกลับมาปิดที่ระดับใกล้เคียงกับวันก่อนหน้าที่ 424.61 จุด ลดลง ลดลง 0.18 จุด ด้วยมูลค่าการ ซื้อขาย 6.4 พันล้านบาท

ภาวะตลาด วันนี้ SET มีโอกาสแกว่งตัวแคบ (420 – 430 จุด) ตามภาวะตลาดต่างประเทศที่ไปคนละทิศทาง ในลักษณะประคอง ตลาดกำลังรอดูมาตรการใหม่ของเฟดในการแก้ปัญหาภาคการเงินสหรัฐ หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแตะระดับ 0% ดังนั้น หากราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน และธนาคารอ่อนตัว ถือเป็นจังหวะในการสะสมหุ้น เพื่อเก็งกำไรระยะสั้น

เก็บเอามาเล่า

เก็งกำไร TT&T หากได้เป็นผู้บริหารแผนฯ วันนี้ ศาลล้มละลายกลางนัดฟังคำสั่งแต่งตั้งผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการระหว่าง TT&T เอง กับพีแพลนเนอร์ของฝ่ายเจ้าหนี้ เราแนะนำให้ “เก็งกำไร” TT&T (แนวต้าน 0.90 – 0.95 จุด) หากบริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บริหาร เพราะแนวทางการฟื้นฟูกิจการ (น่าจะประกอบไปด้วยการลดหนี้ ยืดระยะเวลาชำระคืนหนี้ หรือแปลงหนี้เป็นทุน) น่าจะเอื้อประโยชน์กับผู้ถือหุ้นมากกว่ากรณีที่เจ้าหนี้เป็นผู้บริหารแผนฯ ซึ่งคาดว่าคงใช้เวลาประมาณ 6 เดือนในการจัดทำแผน

ประเด็นสำคัญ

ตลาด หุ้นสหรัฐเริ่มแตะเบรค จากแรงขายทำกำไร ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 7.01 จุด ปิดที่ 7,216.97 จุด จากแรงขายทำกำไร โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับขึ้นแรง (13%WoW) ทำให้ดัชนีแนสแดกร่วงถึง 1.9%

  • สหรัฐ: อเมริกัน เอ็กเพรส เปิดเผยอัตราการผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตในเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้นเป็น 8.7% กดหุ้นกลุ่มการเงินร่วง 19%
  • สหรัฐ: หลังปิดตลาด อัลโค อิงค์ ผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ ประกาศปรับลดเงินปันผล ออกหุ้น และหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่ารวมกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งลดค่าใช่จ่ายในปี 53 เพื่อรับมือกับอุปสงค์ที่ชะลอตัว
  • อังกฤษ: บาร์เคลย์ส ธนาคารยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ เป็นรายล่าสุดที่ประกาศว่า เริ่มดำเนินธุรกิจในปี 52 นี้ได้อย่างเข้มแข็ง และยังเร่งระดมทุนเพื่อเลี่ยงการตกเป็นของรัฐบาล โดยคาดว่า ธนาคารจะขายหุ้น iShares บริษัทบริหารหลักทรัพย์ในสหรัฐ ซึ่งอาจระดมทุนได้ถึง 1.53 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ความเชื่อมั่นในภาค ธนาคาร หนุนราคาน้ำมันดิบ ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 2.4% หรือ 1.10 ดอลลาร์สหรัฐ มาปิดที่ 47.35 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล สวนทางราคาน้ำมันเบรนท์ที่อ่อนตัวลง แรงหนุนมาจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในภาคธนาคาร การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ข่าวสารรัฐยิงเครื่องบินลำหนึ่งของอิหร่านที่บินล้ำน่านฟ้าประเทศอิรัก และการโจมตีสถานีส่งน้ำมันในไนจีเรีย

เรายังคงเชื่อว่า ราคาน้ำมันน่าจะแกว่งตัวในกรอบ 40 – 50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในระยะนี้ จึงไม่น่าจะมีผลลบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานมากนัก ผนวกกับเชื่อว่า ค่าการกลั่นน่าจะฟื้นตัวได้ในระยะ 2 เดือนข้างหน้า จากปริมาณการกลั่นที่ลดลง ขณะที่ความต้องการจะเร่งตัวขึ้นใสช่วงฤดูการขับขี่ เรายังคงชอบ PTTEP และ TOP ในกลุ่มนี้





BANKING - ปานกลาง
แนวโน้มธุรกิจเช่าซื้อไม่ค่อยสดใส (ปานกลาง)


THAI - THAI: คาดย้ายเที่ยวบิน ช่วยดันรายได้ปี 52 โตตามเป้า
OISHI - OISHI: ปรับราคาสินค้า หากเพิ่มภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มชาและกาแฟ
SOLAR - SOLAR: เปิดทาง Direct Capital ถือหุ้น

เรียกคืนโบนัสผู้บริหารเอไอจี

โอบามา จะเรียกคืนโบนัสผู้บริหารเอไอจี



วอชิงตัน 17 มี.ค.-ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ จะหาทางเรียกคืนโบนัสที่เอไอจีจ่ายแก่ผู้บริหารและแสดงความไม่พอใจที่เอไอจี นำเงินภาษีประชาชนไปตบรางวัลให้ผู้บริหาร

จนถึงขณะนี้เอไอจีได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐแล้ว 180,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.48 ล้านล้านบาท) และได้จ่ายโบนัสให้ผู้บริหารไป 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5,940 ล้านบาท) ประธานาธิบดีโอบามา กล่าวที่ทำเนียบขาวว่า เอไอจีเป็นบรรษัทที่มีปัญหาทางการเงินเพราะความเลินเล่อและความโลภ จึงยากจะเข้าใจได้ว่านักค้าหุ้นของเอไอจีสมควรได้รับโบนัสได้อย่างไร และเอไอจีจะอธิบายเรื่องนี้ต่อประชาชนผู้เสียภาษีที่ช่วยพยุงให้บริษัทอยู่ รอดได้อย่างไร เขาได้สั่งการให้นายทิโมธี ไกธเนอร์ รัฐมนตรีคลัง ใช้ช่องทางทางกฎหมายทุกช่องทางหาทางยกเลิกการจ่ายโบนัสดังกล่าว ด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงคลังเผยว่า กระทรวงจะปรับแก้ไขเงินกู้ก้อนใหม่ที่เตรียมอัดฉีดให้เอไอจี 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.08 ล้านล้านบาท) เพื่อหาทางเรียกคืนโบนัส


ผู้นำสหรัฐกล่าวด้วยว่า จะต้องปฏิรูประเบียบกำกับการเงินครั้งใหญ่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเช่น นี้อีก รัฐบาลจะต้องมีกลไกบางอย่างในการจัดการกับสถาบันการเงินที่มีปัญหาเพื่อให้ มีอำนาจมากขึ้นในการคุ้มครองชาวอเมริกันผู้เสียภาษีและระบบการเงิน เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลยังไม่มีอำนาจการควบคุมที่จำเป็น เขาเตรียมหารือเรื่องนี้กับรัฐสภาในเร็ว ๆ นี้


ที่มา:สำนักข่าวไทย

หุ้นสหรัฐปรับลงครั้งแรก

หุ้นสหรัฐปรับลงครั้งแรก หลังดัชนีพุ่งต่อเนื่องมา 4 วัน

นิวยอร์ก 17 มี.ค.-ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลงเป็นครั้งแรก หลังจากที่ดัชนีพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องมา 4 วัน

ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีมีแรงซื้อเข้ามาอย่างคึกคัก หลังนักลงทุนพอใจความเห็นของนายเบน เบอร์นานกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ที่ระบุว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐอาจสิ้นสุดลงในสิ้นปีนี้ หากมาตรการกระตุ้นภาคธนาคารและสถาบันการเงินของรัฐบาลประสบความสำเร็จ จนผู้บริโภคและเจ้าของธุรกิจสามารถกู้ยืมเงินได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ดี มีแรงเทขายออกมาในหุ้นกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงิน เพื่อทำกำไรระยะสั้น ทำให้ดัชนีกลับมาเคลื่อนไหวในแดนลบ



ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.9 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.15 พันล้านหุ้น

เดฟ โรเวลลี นักวิเคราะห์จากบริษัท Canaccord Adams ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มการเงิน หลังจากเอเม็กซ์เปิดเผยว่า อัตราการผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตในเดือนก.พ.พุ่งขึ้นเป็น 8.7% ส่งผลให้หุ้นอเมริกัน เอ็กซเพรสร่วง 3.3%

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดการณ์ว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะสิ้นสุดลงในปีนี้



เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดกล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ "60 Minutes" ทางสถานีโทรทัศน์ CBS ว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐจะสิ้นสุดลงในปีนี้หากรัฐบาลประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาระบบการธนาคาร พร้อมระบุว่าการจะปลดปล่อยเศรษฐกิจออกจากภาวะถดถอยได้นั้นไม่เพียงแต่จะต้องแก้ไขปัญหาในระบบการธนาคารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการกระตุ้นอัตราการปล่อยกู้ในระบบและฟื้นฟูกลไกตลาดการเงินให้กลับมาทำงานตามปกติ



อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้มองว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจบสิ้นลงในปีนี้ แต่อัตราว่างงานจะพุ่งขึ้นแตะ 10% ซึ่งสูงกว่าระดับปัจจุบันที่ 8.1% และเมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่าอะไรคือปัญหาที่ส่งผลคุกคามเศรษฐกิจมากที่สุดในขณะนี้

เบอร์นันเก้ตอบว่า "ปัญหาในขณะนี้คือการเมือง หากสหรัฐใช้นโยบายเศรษฐกิจที่ปลอดการเมือง
จะช่วยแก้วิกฤตการณ์การเงินได้อย่างแน่นอน"

นักวิเคราะห์มองว่า ไม่บ่อยนักที่จะเห็นประธานเฟดให้สัมภาษณ์เพื่อแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์ แต่การที่เบอร์นันเก้ตัดสินใจให้สัมภาษณ์ทางรายการ 60 Minutes ครั้งนี้อาจเป็นเพราะสหรัฐกำลังเผชิญสถานการณ์ที่ไม่ปกติ จึงทำให้เบอร์นันเก้เลือกที่จะสื่อสาร
โดยตรงกับชาวอเมริกันเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา





นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐ ซึ่งเป็นอดีตประธานเฟดสาขานิวยอร์กวางแผนที่จะเพิ่มสิทธิอำนาจให้กับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อลดความเสี่ยงในระบบเศรษฐกิจและเพิ่มข้อกำหนดด้านเงินทุนที่เข้มงวดขึ้นสำหรับธนาคารพาณิชย์รายใหญ่

หุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลง 10.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าจะปรับลดเงินปันผลและลดการใช้จ่ายในปีหน้าเพื่อรับมือกับอุปสงค์อะลูมินั่มที่ชะลอตัวลง

ชื่อ:  ScreenHunter_208.gif ครั้ง: 391 ขนาด:  15.0 กิโลไบต์

ด้านราคาน้ำมันดิบ
ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ระดับ 47.35 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 7,216.97 จุด ลดลง 7.01 จุด หรือ 0.10%
ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 1,404.02 จุด ลดลง 27.48 จุด หรือ 1.92%
และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 753.89 จุด ลดลง 2.66 จุด หรือ 0.35%

ด้านตลาดหุ้นสำคัญของยุโรปปิดบวกต่อไป
ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ 3,863.99 จุด เพิ่มขึ้น 110.31 จุด หรือ 2.94%
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นปารีส ปิดที่ 2,791.66 จุด เพิ่มขึ้น 86.03 จุด หรือ 3.18%
ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 4,044.54 จุด เพิ่มขึ้น 90.94 จุด หรือ 2.30%

ส่วนราคาน้ำมันดิบ
แหล่งเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 43.98 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 95 เซนต์

ขณะที่ราคาทองคำ
ตลาดนิวยอร์ก ปิดที่ออนซ์ละ 921.60 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 8.20 ดอลลาร์สหรัฐ


ที่มา : สำนักข่าวไทย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์

โกงหุ้น SCC บานปลาย!!

โกงหุ้น SCC บานปลาย!!
[17 มี.ค. 52 - 04:40]


ดัชนีหุ้นวันที่ 16 มี.ค.52 ปิดที่ 426.61 จุด ลดลง 0.18 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 6,400 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ชี้ว่าหุ้นพลังงานปรับลงหลังกลุ่มโอเปกยังคงกำลังการผลิตไว้เท่าเดิม โชคดีได้หุ้นแบงก์ช่วยพยุงดัชนีไม่ให้ลงแรง แต่ก็สวนทางกับตลาดในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับขึ้น

มองตลาดระยะสั้นว่า ตลาดหุ้นต่างประเทศ ราคาน้ำมัน และมาตรการให้ความช่วยเหลือภาคการเงินของสหรัฐฯ รอบใหม่ ยังมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งไทย ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ประเด็นส่วนใหญ่ยังไม่น่ากังวล ยกเว้นเรื่องเงินบริจาค 250 ล้านบาท

ขณะที่สมาคมนักวิเคราะห์เผย ผลสำรวจนักวิเคราะห์ล่าสุด ได้ปรับลดประมาณการดัชนีหุ้นปีนี้ลงเป็นเฉลี่ย 495 จุด จากเดิม 547 จุด โดยคาดว่าจุดสูงสุดจะอยู่ที่ 527 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 348 จุด

โดยคาดว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะแตะต่ำสุดภายในปีนี้ และเริ่มฟื้นตัวปีหน้า นักวิเคราะห์ยังได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้เป็นติดลบ 1.8% จากเดิมที่คาดว่าจะโต 0.7%

ปิดท้ายยังวุ่นวายไม่จบ และเรื่องท่าจะบานปลายอีกยาว หลัง “พิบูลศักดิ์ สุขพงษ์” ทนายความกองมรดกของนายวรรโณทัย อมาตยกุล ที่โดนพนักงานฉ้อฉลของปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ปลอมใบหุ้นโกงหุ้นไปดื้อๆ 6.7 แสนหุ้น ว่า ทาง SCC ได้ปฏิเสธให้กองมรดกเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นที่จะมีขึ้น 25 มี.ค.นี้ โดยให้เหตุผลว่าหุ้นที่นายประพันธ์ ชูเมือง พนักงาน SCC ลักไปได้ถูกขายไปแล้ว กองมรดกจึงไม่ใช่ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมอีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ทางกองมรดกจะเข้าไปใช้สิทธิประชุมผู้ถือหุ้นในหุ้นที่ยังเหลืออยู่ และจะเสนอวาระให้พิจารณาว่าจะเยียวยาความเสียหายแก่กองมรดกอย่างไร รวมทั้งมาตรการปกป้องผู้ถือหุ้นรายย่อย แต่การเสนอให้เป็นวาระได้ต้องมีเสียงหนุน 1 ใน 3 ของผู้ถือหุ้นที่เข้าประชุม

ดังนั้น จึงได้ยื่นหนังสือถึงผู้ถือหุ้นใหญ่ SCC เช่น สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์, บริษัททุนลดาวัลย์ และสำนักงานประกันสังคม เพื่อให้ ร่วมลงมติให้เพิ่มวาระนี้ และให้สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยช่วยกระจายข่าว ไปยังรายย่อยให้ช่วยลงมติผลักดันเรื่องนี้ด้วย

ที่สำคัญ หลังประชุมผู้ถือหุ้นจะแถลงข่าวว่าจะฟ้องร้องผู้เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง!!

อินเด็กซ์ 51

หุ้นไทยปีนี้แบบ W-Shape

บล. ทิสโก้มองหุ้นไทยปีนี้เคลื่อนไหวแบบ W-Shape เริ่มมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนแล้ว

นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการบริหารและหัวหน้าสายงานวิจัย บล. ทิสโก้ กล่าวในรายการก้าวทันตลาดทุน ว่า ตัวเลขการส่งออกเดือนกุมภาพันธ์ที่จะประกาศในวันที่ 20 มีนาคม 2552 ยังมีแนวโน้มลดลงอีก 38-40% ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันตลาดในระยะสั้น โดยบล. ทิสโก้ยังคงมองว่า ดัชนีในไตรมาส 2/52 จะเป็นการปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่อยู่ในภาวะตลาดหมี (Bear Market Rally) และดัชนีในปีนี้จะเคลื่อนไหวในรูป W (W Shape) โดยเชื่อว่าแม้ว่าจะมีการขายทำกำไรออกมาอีก ดัชนีก็ไม่น่าจะหลุดระดับ 400 จุด หรือมีช่วงขาลงจำกัดแล้ว

นายวิศิษฐ์กล่าวว่า การลงทุนวันนี้อาจมีการสลับลงทุนในหุ้นกลุ่มอื่น ๆนอกเหนือจากพลังงาน มากขึ้น เช่น อสังหาริมทรัพย์ และธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากยังเป็นหุ้นที่มีมูลค่าต่ำ ปันผลสูง และยังมีราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าเลิกกิจการ (Liquidation Value) เช่น บมจ. เอเชี่ยนพร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (AP) และบมจ. แลนด์แอนด์ เฮ้าส์ (LH) และ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK)

สำหรับปัจจัยที่บ่งชี้ว่านักลงทุนสามารถยอมรับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้น ดังนี้

- ส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลปรับ ลดลง แสดงให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มเข้ามาลงทุนในหุ้นกู้มากขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่เป็นขาลง

- สภาพคล่องของสถาบันการเงินทั่วโลกเพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน ซึ่งอาจทำให้มีเงินไหลเข้ามาในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น

- ราคาน้ำมันในตลาดโลก แม้ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะตัดสินใจคงกำลังการผลิต แต่ราคาน้ำมันดิบโดยภาพรวมก็ยังเพิ่มขึ้นประมาณ 20% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/51

- ค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้นประมาณ 160% จากไตรมาส 4/51 แม้ว่าหุ้นในหลายประเทศจะแตะระดับต่ำสุด

- ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น สังกะสี และทองแดงที่ใช้ทำวัตถุดิบต่าง ๆ ได้ปรับเพิ่มขึ้น

- แบบสำรวจภาคสนามพบว่า แนวโน้มธุรกิจของบริษัทต่าง ๆ ในเดือนมีนาคม 2552 เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เช่น ธุรกิจโรงแรมที่เริ่มมีอัตราการเข้าพักสูงขึ้น ส่วนธุรกิจขนส่ง หรือธุรกิจอื่น ๆ ก็มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/51

- นักลงทุนต่างชาติเริ่มเข้ามาในตลาดเงิน และเริ่มเปิด Long Position ในตลาดอนุพันธ์มากขึ้น ซึ่งคาดว่าตลาดน่าจะตอบสนองในทางบวก

- Money Channel โดยวาสิฏฐี อนุกูล Email: wasittee@set.or.th

หุ้นไทยสัปดาห์นี้ที่ 410 - 435 จุด

บล. เอเซียพลัสให้กรอบหุ้นไทยสัปดาห์นี้ที่ 410 - 435 จุด ชี้อาจยังต้องถือยาว

ภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล. เอเซียพลัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในวานนี้ปรับร่วงลงจากแรงขายทำกำไร หุ้นบมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ส่วนหุ้นที่ยังสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ คือ หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะธนาคารกสิกรไทย (KBANK) หลังจากมีข่าวการซื้อหุ้นของบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต เพื่อขยายฐานธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่ากิจการได้ในระยะยาว

ภรณีกล่าวว่า สถานการณ์การเมืองในประเทศในขณะนี้ แม้ว่าจะเข้ามามีอิทธิพลต่อตลาดพอสมควร แต่ก็เชื่อว่าจะไม่กระทบกับตลาดมากนัก โดยหุ้นไทยในสัปดาห์นี้อาจยังเคลื่อนไหวที่ระดับ 410 - 435 จุด และยังคาดการณ์ว่าสามารถลงทุนได้ยาก โดยอาจต้องลงทุนข้ามสัปดาห์หรือข้ามเดือน และอาจต้องเลือกหุ้นตามกับข้อมูลในแต่ละช่วงด้วย


ดัชนีหุ้นไทยในวานนี้ปิดที่ 424.61 จุด ร่วงลง 0.18 จุด หรือ 0.04% ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ 6,400.43 ล้านบาท

- นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 17.25 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 231.50 ล้านบาท
- นักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 214.25 ล้านบาท

- Money Channel โดยวาสิฏฐี อนุกูล Email: wasittee@set.or.th

Template by - Abdul Munir | Blogging4