28 เมษายน 2552

WHOเล็งยกระดับเตือนภัย!

WHOเล็งยกระดับเตือนภัย!



วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552 05:45

ชื่อ:  ScreenHunter_709.gif ครั้ง: 506 ขนาด:  55.0 กิโลไบต์


องค์การอนามัยโลกอาจยกระดับเตือนภัยไข้หวัดเม็กซิโก เป็นระดับ4หรือ5


นายเกรกอรี ฮาร์ทเทิล โฆษกขององค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงที่กรุงเจนีวา เมื่อคืนที่ผ่านมา(27เม.ย)ว่า คณะกรรมการฉุกเฉินของ WHO ที่มีกำหนดประชุมกัน ในวันนี้ (28 เม.ย.) อาจยกระดับการเตือนภัยไข้หวัดเม็กซิโก จากระดับ 3 เป็นระดับ 4 หรือ 5 เพราะการระบาดยังไม่มีท่าทีลดน้อยถอยลง ซึ่งการปรับการเตือนภัยเป็นระดับ 4 หมายความว่า ไวรัสไข้หวัดสายพันธ์ใหม่นี้ สามารถติดต่อจากคนสู่คน และมีศักยภาพแพร่ระบาดครั้งใหญ่ไปทั่วโลกได้ ส่วนการปรับเป็นระดับ 5 หมายความว่า ไข้หวัดหมูแพร่ระบาดจากคนสู่คน อย่างกว้างขวางแล้ว

อย่างไรก็ตาม นายฮาร์ทเทิลเน้นย้ำว่า จนถึงขณะนี้ WHO ยังไม่ออกคำแนะนำใดๆ ให้นานาประเทศทั่วโลก ใช้มาตรการจำกัดการเดินทางเขาเผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐฯ เริ่มต้นผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดเม็กซิโกอย่างเร่งรีบแล้ว พร้อมทั้งแถลงยอดผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ที่ได้รับการยืนยันแน่ชัดแล้วทั่วโลกแล้ว ในเม็กซิโกมี 26 ราย ในจำนวนนี้ เสียชีวิต 20 ราย จากยอดผู้เสียชีวิตที่มีรายงานทั้งหมด 103 ราย ในสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อ 40 รายใน 5 หรือ 6 รัฐ รวมทั้งในนิวยอร์ค 28 ราย ในแคนาดามีผู้ติดเชื้อ 6 ราย และสเปน 1 ราย ซึ่งเป็นชาติแรกในยุโรปที่มีผู้ติดเชื้อ แต่นอกจากในเม็กซิโกแล้ว ยังไม่พบผู้เสียชีวิต ส่วนอีกหลายประเทศ รวมทั้งอังกฤษ นิวซีแลนด์ เปรู และกัวเตมาลา กำลังตรวจเชื้อผู้ต้องสงสัยติดไวรัสไข้หวัดหมู

นายโฮเซ แองเจิล คอร์โดวา รมว.สาธารณสุขเม็กซิโกแถลงว่า ยอดผู้เสียชีวิตที่ทั้งได้รับการยืนยัน และสงสัยว่าเกิดจากไวรัสไข้หวัดหมูในเม็กซิโก พุ่งขึ้นเป็น 149 รายแล้ว ในอย่างน้อย 10 รัฐ ผู้เสียชีวิตมีอายุระหว่าง 20-50 ปี และแนวโน้มผู้เสียชีวิตหรือติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่รู้ว่าจะบรรเทาลงเมื่อใด ขณะที่รัฐบาลได้สั่งปิดโรงเรียนทั่วประเทศแล้ว จนถึงวันที่ 6 พ.ค.

นายบัน กี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงเตือนว่า ไวรัสไข้หวัดหมูอาจระบาดครั้งใหญ่ไปทั่วโลก เหมือนไข้หวัดใหญ่สเปนในอดีต ที่มีผู้เสียชีวิตหลายสิบล้านคน ขณะนี้ ยูเอ็นยังไม่ทราบว่า สถานการณ์ระบาดจะเป็นไปอย่างไร แต่น่าวิตกกังวลยิ่ง ที่พบว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ในเม็กซิโก เป็นผู้ใหญ่วัยหนุ่มสาว ที่สุขภาพแข็งแรง


นักวิเคราะห์คาดเฟดคงดบ.

นักวิเคราะห์คาดเฟดคงดบ.

โบรกเกอร์คาดประชุมเฟดพรุ่งนี้คงดอกเบี้ย0-0.25%เกาะติดการกำจัดหนี้เสีย

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่า การประชุมของธนาคากลางสหรัฐฯ(เฟด) วันนี้ (28 เม.ย.) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยเป็นหลักอยู่ที่ระดับ 0-0.25% ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำมากแล้ว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่นักลงทุนจะติดตามคือแนวโน้มผลการทดสอบการกำจัดหนี้เสียในสถาบันการเงินที่เฟดจะประกาศออกมาว่าจะเป็นอย่างไร ส่วนกรณีของโรคระบาดไข้หวัดใหญ่แม็กซิโกขณะนี้ไม่น่าจะมีนัยสำคัญต่อการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ แต่อย่างใด

ขณะที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ จำกัดประเมินผลการประชุมเฟดวันนี้ในทิศทางเดียวกันคาดว่าไม่น่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากอยู่ในขณะนี้ถือว่าต่ำมาก แต่หากเฟดจำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกรอบ เชื่อว่าไม่น่าจะลดลงไปมากกว่านี้แน่นอน.



ลุ้นเด้งต่อ!!

ลุ้นเด้งต่อ!!

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ว่า ช่วงต้นสัปดาห์ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นในแดนบวกได้ต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน แต่ช่วงปลายสัปดาห์จะมีแรงทำกำไรหรือลดความเสี่ยงออกมาทำให้ดัชนีอ่อนตัวลง

ขณะที่การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่ไม่มีเหตุรุนแรงถือเป็นเรื่องดี แต่อย่างไรก็ตามมองว่าสถานการณ์การเมืองที่คลี่คลายลงตลาดได้รับข่าวบวกนี้ไปบ้างแล้ว เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเฉพาะประเด็นการยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

จึงมองว่าประเด็นการเมืองไม่มีผลต่อการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญมากนักในขณะนี้ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ ให้น้ำหนักไปที่ปัจจัยต่างประเทศ

ทั้งนี้ แนะกลยุทธ์ลงทุน ให้นักลงทุนขายทำกำไรในช่วงที่ดัชนีปรับตัวขึ้น ประเมินกรอบแนวรับสัปดาห์นี้อยู่ที่ 485-480 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 490 จุด

ปิดท้าย นายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างประเทศ "ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่" ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ซิตี้ คอร์ป ระบุว่า การที่รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติให้กลับคืนมาได้

โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ เพราะกองทุนต่างชาติหลายแห่งมีระเบียบห้ามลงทุนในประเทศที่มีความไม่สงบทางการเมือง จึงมีการหยุดการลงทุนไปชั่วคราว และบางกองทุนก็ได้ขายหุ้นไทยออกมาในช่วงก่อนหน้านี้ จึงมีโอกาสที่จะกลับเข้ามาซื้อหุ้นคืน

ทั้งนี้ ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่จะปรับตัว ขึ้นได้ หลังสถานการณ์การเมืองคลี่คลายลง โดยมีลุ้นว่าดัชนีมีโอกาสขึ้นไปได้ถึงระดับ 475-500 จุด.


อินเด็กซ์ 51


แนะจับตาสถานการณ์โรคไข้หวัดหมู

บล. แอ๊ดคินซันแนะจับตาสถานการณ์โรคไข้หวัดหมูอย่างใกล้ชิด

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซัน กล่าวว่า การปรับขึ้นของราคาหุ้นในวันนี้ ถือเป็นจังหวะในการขายหุ้น เพราะเชื่อว่าราคาหุ้นหลัก ๆ ในตลาดหุ้นไทยได้ปรับเพิ่มขึ้นไปมากแล้ว

ส่วนแนวทางการลงทุนในขณะนี้ ควรลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอาหารแช่แข็งและอาหารกระป๋อง เพราะยังมีโอกาสที่จะได้รับประโยชน์การบริโภคที่จะเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มนี้ก็ยังไม่สูงมากนัก ทำให้ราคาหุ้นยังสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้ ขณะที่หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์หรือกลุ่มอื่น ๆ ก็ยังสามารถใช้ข่าวผลประกอบการไตรมาส 1/52 เข้ามาประกอบการตัดสินใจลงทุนได้เช่นกัน แต่ควรเลือกหุ้นที่ยังไม่ปรับขึ้นตามปัจจัยบวกที่มีอยู่

สำหรับสถานการณ์ไข้หวัดหมู จะเข้ามีผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนค่อนข้างมาก และหากดัชนีดาวโจนส์ในวันพรุ่งนี้ปิดร่วงลงจากความกังวลที่มากขึ้น จะทำให้หุ้นไทยผันผวนเช่นกัน นักลงทุนจึงไม่ควรประมาท นอกจากนี้ นักลงทุนยังต้องติดตามข่าวความรุนแรงของการแพร่ระบาดโรคด้วย ซึ่งหากสถานการณ์เลวร้ายที่สุด คือ มีผู้เสียชีวิตมากขึ้น ก็อาจทำให้ดัชนีร่วงลงไปแตะที่ระดับแนวต้านสำคัญรอบนี้ที่ 404 จุดได้


ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ ปิดเพิ่มขึ้น 0.92 จุด หรือ 0.19% มาอยู่ที่ 474.99 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 14,505.88 ล้านบาท

- นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 406.47 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 708.04 ล้านบาท
- นักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 301.56 ล้านบาท


- Money Channel โดยวาสิฏฐี อนุกูล Email: wasittee@set.or.th



Template by - Abdul Munir | Blogging4