26 กุมภาพันธ์ 2552

แบงก์ชาติ หั่น ดบ. 0.50%


แบงก์ชาติ หั่น ดบ. 0.50% แตะ 1.50% ตามคาด อสังหาฯ ยิ้มหวาน กระตุ้นยอดขายคึก

ไม่เซอร์ไพร์สตลาดหุ้นไทย หลัง ธปท. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% แตะ 1.50% ตามคาด งานนี้หุ้นอสังหาฯ - แบงก์คึกไม่ออก ฉุด SET Index ไม่ซู่ซ่า ฟากนายแบงก์ออกโรงหั่นดอกเบี้ยตาม SCB ถือธงนำร่องหั่นทั้งขาฝาก-ขากู้ลง 0.25% มีผลศุกร์นี้ ส่วนผู้ประกอบการอสังหาฯ ยืนยิ้มแฉ่ง เชื่อกระตุ้นยอดขายบ้านได้อีกอื้อซ่า เซียนหุ้นแนะเลือกเล่นหุ้นอสังหาฯ ปันผลงาม ยกนิ้วให้ AP - SPALI

วานนี้ (25 ก.พ.52) คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระดับ 0.50 - 075% หลังจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีโอกาสปรับลดลงต่ำกว่าเป้าหมายในบางช่วงของปี ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศยังชะลอตัวหลังงบประรแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาร์/พี 1 วันลงอีก 0.50% มาอยู่ที่ระดับ 1.50% ซึ่งเป็นตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ โดยส่วนใหญ่คาดว่าจะมีกามาณการคลังยังไม่เบิกจ่ายเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเต็มที่ ธปท. ยังแสดงความเป็นห่วงถึงตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นว่าตัวเลขอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายเดิมที่ ธปท.ตั้งไว้ที่ 0-2% และมีโอกาสสูงที่จีดีพีจะโตต่ำกว่า 0% จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ซึ่งมองว่าใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2552 จีดีพีของไทยจะยังติดลบและน่าจะฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่ 4/2552 ตามที่สหรัฐฯ ออกมาประกาศว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ น่าจะฟื้นตัวได้ในช่วงปลายปีนี้

นักวิชาการแวดวงเศรษฐกิจประเมินว่า ธปท. จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้จะได้เห็นอัตราดอกเบี้ยลดลงแตะระดับ 1% โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. ครั้งนี้ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ระดับ 1.5% ส่วนเงินเฟ้ออยู่ที่ 0.4% ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่ 1.1% ขณะที่ประเทศไต้หวัน อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 1.25% ส่วนเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.60% ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบ โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 0.10% ส่วนเงินเฟ้ออยู่ที่ 0.40% ส่วนประเทศสหรัฐฯ อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำที่ 0 - 0.25%

ที่มา : efinancThai.com

"มูดี้ส์"ไม่ได้ชี้ศก.ไทยเลวร้ายสุด

โต้"มูดี้ส์"ไม่ได้ชี้ศก.ไทยเลวร้ายสุด บอกแค่ปีนี้ติดลบ2.4%

สคศ.เปิดรายงาน"มูดี้ส์" ฉบับเต็มไม่ได้บอก ศก.ไทยแย่สุดในเอเชีย บอกแค่ปีนี้หดตัว 2.4% ก.คลังชง ครม.ขอกู้หนี้เพิ่มอีก 1.17 แสนล้าน กองทุนฟื้นฟูฯ เยอะสุด ดันยอดรวม ปท.สูงสุดในประวัติศาสตร์ เทียบจีดีพีพุ่งสูงเฉียด 43% ธปท.ลดดอกเบี้ยอีก 0.5% ระบุเศรษฐกิจเสี่ยงสูง

คลังยัน "มูดี้ส์" ไม่ได้ชี้ไทยแย่สุด

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าว เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ถึงรายงานเศรษฐกิจของมูดี้ส์ เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทย ว่า สศค.ได้ศึกษารายงานของมูดี้ส์ เรื่อง Thailand Outlook: Worse Than the 1997 Crisis? ของนักวิเคราะห์ Mr.Alastair Chan เห็นว่ามูดี้ส์ไม่ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะแย่ที่สุดในเอเชีย แต่ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 2552 จะหดตัว 2.4% ซึ่งยังมีประเทศอื่นในภูมิภาคที่มีอัตราการหดตัวมากกว่า เช่น เกาหลีใต้หดตัว 3.89% ไต้หวันหดตัว 5.23% สิงคโปร์หดตัว 4.37% ฮ่องกงหดตัว 4.01% และญี่ปุ่นหดตัว 4.8%

ทำนายศก.โลกฉุดไทยติดลบ2.4%

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดมูดี้ส์จึงมองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะหดตัวถึง 2.4% มากกว่าที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะไม่ขยายตัว (0%) หรือติดลบ 1% นายเอกนิติกล่าวว่า น่าจะเป็นเพราะเศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวนต่อเนื่อง ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจหรือการเมืองในประเทศไทย เพราะในบทความระบุชัดเจนว่า รัฐบาลมีเสถียรภาพและแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ถูกทาง

นายเอกนิติกล่าวว่า นอกจากนี้ในบทความดังกล่าวได้ประเมินอัตราการเติบโตของประเทศคู่แข่งทางการค้าของไทย เช่น มาเลเซีย ว่าปีนี้จะเติบโต 1.5% อินโดนีเซีย 3.9% อินเดีย 5.65% ฟิลิปปินส์ 3.31% และจีน 7.02% ขณะที่ไทยติดลบ ซึ่ง สศค.มองว่าน่าจะเป็นผลจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ ทำให้การผลักดันโครงการลงทุนภาครัฐทำได้ไม่มากเท่าที่ควร แต่เชื่อว่านักลงทุนที่ติดตามสถานการณ์ของไทยมาโดยตลอด จะเข้าใจว่าประเทศไทยยังมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและพร้อมรับการลงทุนอย่างแน่นอน

ที่มา : นสพ.มติชน

Template by - Abdul Munir | Blogging4