23 กรกฎาคม 2552

คาดอสังหาริมทรัพย์ไทยฟื้นต้นปีหน้า

คาดอสังหาริมทรัพย์ไทยฟื้นต้นปีหน้า
แต่ปีนี้ยอดขายลด 10%

นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เห็นด้วยกับแนวทางที่รัฐบาลเตรียมนำเสนอร่างพระราชบัญญัติ หรือ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง มาบังคับใช้ และเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่น่าจะให้การตอบรับ



เนื่องจากร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว จะนำมาใช้แทน พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน และพ.ร.บ.ภาษีบำรุงท้องถิ่น ซึ่งมีการจัดเก็บที่ไม่เหมาะสมและไม่สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน อีกทั้งยังทำให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมีความกระตือรือล้นในการจัดเก็บรายได้เพิ่มเติมด้วย เพราะรายได้จะเข้าสู่ระบบท้องถิ่นโดยตรง

นอกจากนี้ พ.ร.บ.ดังกล่าว น่าจะทำให้มีการกักตุนที่ดินน้อยลง และทำให้การเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินมีความสมเหตุสมผลมากขึ้น เนื่องจากที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จะมีการจัดเก็บภาษีในระดับที่สูง นอกจากนี้ยังทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงที่ดินได้ง่ายขึ้น และน่าจะทำให้ราคาที่ดินถูกลง

สำหรับแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เชื่อว่า จะเริ่มกระเตื้องขึ้นในช่วงไตรมาส 4/52 และจะฟิ้นตัวชัดเจนในช่วงไตรมาส 1/53 ส่วนการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ส่งผลให้คนไม่กล้าเข้าร่วมงานมหกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ประกอบกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางการเมืองนั้น ส่งผลให้ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ลดลง โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ราคาแพงในเมืองท่องเที่ยวที่เจาะตลาดชาวต่างชาติ เช่น ภูเก็ต สมุย คาดว่ายอดขายจะลดลงจากปีที่ผ่านมากว่า 30%

ขณะที่ยอดขายในกรุงเทพและปริมาณฑลซึ่งเจาะกลุ่มลูกค้าชาวไทยนั้น คาดว่า ยอดขายในปีนี้จะลดลงจากปีที่ผ่านมากว่า 120,000 ล้านบาท หรือลดลงประมาณ 10 % และมียอดจดทะเบียนบ้านใหม่อยู่ที่ 70,000 หน่วย



คาดใช้เวลา 5 ปี กว่า ศก. อังกฤษจะฟื้น

คาดใช้เวลา 5 ปี กว่า ศก. อังกฤษจะฟื้น

บีบีซี รายงานว่า สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของอังกฤษ (NIESR) คาดการณ์ว่า
อาจต้องใช้เวลาอีก 5 ปี กว่าที่รายได้ต่อหัวของคนอังกฤษจะฟื้นกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับก่อน
เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2551


โดย NIESR คาดว่า ในปี 2555 เศรษฐกิจของอังกฤษจะฟื้นกลับมาสู่ระดับเดียวกับไตรมาสแรก
ของปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

NIESR ประเมินว่า ในปี 2552 จีดีพีของอังกฤษจะลดลง 4.3% ก่อนที่จะกลับมาโต 1%
ในปี 2553 และ 1.8% ในปี 2554

นอกจากนี้ อาจต้องใช้เวลาถึงเดือนมีนาคม 2557 กว่าที่รายได้ต่อหัว (GDP per capita)
จะฟื้นกลับมาสู่ระดับเดียวกับไตรมาสแรกของปี 2551 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ขณะที่ประเมินว่ารัฐบาลอังกฤษจะกู้ยืมเงินคิดเป็นมูลค่า 165.7 พันล้านปอนด์ในปีนี้
หรือราว 12% ของจีดีพี ลดลงจาก 175 พันล้านปอนด์
และจะลดลงมาอยู่ที่ 121.6 พันล้านปอนด์ในปี 2556-2557

ทั้งนี้ หนี้ของรัฐบาลอยู่ที่ระดับ 799 พันล้านปอนด์ หรือ 56.6% ของจีดีพีอังกฤษ
ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับจากปี 2517



หุ้นไทยวันสุริยคราสติดลบ 11.61 จุด

หุ้นไทยวันสุริยคราสติดลบ 11.61 จุด
จากแรงขายทำกำไรจากตลาดหุ้นต่างประเทศ

วิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บล.เกียรตินาคิน กล่าวในรายการ Trading Hour (Afternoon) ว่า ความกังวลที่นักลงทุนมีต่อการขายทำกำไร หลังดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกัน 7 วันทำการ จากการขานรับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีเกินคาด ได้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในตลาดหุ้นหั่งเส็งของฮ่องกง และส่งผลต่อเนื่องมายังตลาดหุ้นไทยในที่สุด

วิริยามองว่า ตลาดหุ้นไทยในระยะนี้ยังไร้ทิศทาง ขาดปัจจัยหนุนนำไม่ว่าจะเป็นในด้านบวกหรือลบ จึงผันผวนตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและกระแสการลงทุนของโลก จึงแกว่งตัวแบบ Sideway แต่ค่อนข้างกว้าง โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ 580-620 จุด



ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 598.22 จุด ลดลง 11.61 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 22,032.08 ล้านบาท

- นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 583.58 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 668.68 ล้านบาท
- นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 85.10 ล้านบาท




ขายทำกำไรกลุ่ม ปตท.!!

ขายทำกำไรกลุ่ม ปตท.!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 22 ก.ค. 52 ปิดที่ 598.22 จุด ลดลง 11.61 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 22,056 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 674.10 ล้านบาท

หุ้นกลุ่ม ปตท.เดี้ยงยกแผง หลังช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นเด้งเกินหน้าเกินตาชาวบ้าน จนนักลงทุนที่เข้าไปซื้อก่อนหน้านี้ฟันกำไรตุงกระเป๋าไปหลายเปอร์เซ็นต์

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 226 บาท ลดลง 7 บาท, PTTEP ปิด 134 บาท ลบ 4 บาท, PTTAR ปิด 19 บาทลบ 0.70 บาท, TOP ปิด 34.75 บาท ร่วง 1.50 บาท และ TTA ปิด 21.70 บาท ลดลง 0.90 บาท


ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง มองดัชนีปรับตัวลดลงหลุด 600 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยนักลงทุนกลับมาเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีปรับตัวขึ้นต่อเนื่องถึง 7 วันทำการ

ขณะที่มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นว่า มีโอกาศรีบาวด์ขึ้นได้จากปัจจัยภายนอกประเทศที่ยังแกร่ง โดยแนะให้นักลงทุนติดตามปัจจัยจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะ "เบน เบอร์นันกี" ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟด จะประกาศตัวเลขเศรษฐกิจรอบ 2 ต่อกับสภาฯคองเกรส

ขณะที่ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากเม็ดเงินไหลเข้าในตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้เข้าซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัวในหุ้น PTTEP, BANPU, QH, SPALI และ HANA คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2 จะดีขึ้น

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.บัวหลวง คาดว่าตลาดจะยังคงได้รับผลกระทบจากแรงขายต่อและอาจมีการพักฐาน จากนั้นจะแกว่งตัวในกรอบ 580-620 จุด

ขณะที่มองว่าดัชนีมีโอกาสปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 560 จุด หากแนวโน้มตัวเลขเศรษฐกิจยังไม่สามารถฟื้นตัวได้จริง ซึ่งผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่มีความชัดเจน

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ขายทำกำไรและมารอซื้อในช่วงที่ดัชนีปรับตัวลง โดยหุ้นกลุ่มที่มีความโดดเด่นยกให้หุ้นอสังหาริมทรัพย์!!


อินเด็กซ์ 51



Template by - Abdul Munir | Blogging4