08 มิถุนายน 2552

ทองคำปิดร่วง $19.70 หลังดอลล์แข็งค่า

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก:
ทองคำปิดร่วง $19.70 หลังดอลล์แข็งค่า

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 19 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งทะยานขึ้นและตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐในเดือนพ.ค.ออกมาดีกว่าคาดการณ์ ส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นเรื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดร่วงลง 19.70 ดอลลาร์ หรือ 2% แตะที่ 962.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 953.80 - 985 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินเดือนก.ค.ปิดที่ 15.388 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 50.7 เซนต์ หรือ 3.2% และสัญญาโลหะทองแดงเดือนก.ค.ร่วง 1.7 เซนต์ ปิดที่ 2.2840 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินั่มเดือนก.ค.ปิดที่ 1,286.20 ดอลลาร์/ออนซ์ อ่อนตัวลง 7.10 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมเดือนก.ย.ปิดที่ 259.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 4.40 ดอลลาร์

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขขอรับสวัสดิการระหว่างงานเดือนพ.ค.อยู่ที่ 345,000 ราย ต่ำกว่าการคาดการณ์ 500,000 ราย และนับเป็นเดือนที่ 4 แล้วที่ อัตราขอรับสวัสดิการระหว่างงานลดลง นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ตลาดงานกำลังจะมีเสถียรภาพขึ้น

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขขอรับสวัสดิการที่ออกมาดีกว่าคาดการณ์ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องความผันผวนทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้นลง ส่งผลให้ความต้องการลงทุนในทองคำลดลงตามไปด้วย



บล. ธนชาตชี้หุ้นไทยมีลุ้น 630 จุด

บล. ธนชาตชี้หุ้นไทยมีลุ้น 630 จุด หากต่างชาติยังซื้อต่อเนื่อง

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า การที่นักลงทุนต่างชาติยังเข้ามาลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงาน ซึ่งมีน้ำหนักในการคำนวณดัชนีหุ้นไทยค่อนข้างมาก ประกอบกับการที่ราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ทำให้หุ้นไทยสามารถทะลุแนวต้านจิตวิทยาที่ระดับ 600 จุดไปได้ในวันศุกร์

นายพิชัยกล่าวอีกว่า การที่สภาพคล่องส่วนเกินทั่วโลกยังมีอยู่มาก ทำให้หุ้นไทยในสัปดาห์หน้ายังมีโอกาสวิ่งขึ้นไปยืนเหนือระดับ 630 จุดได้ และหากนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง ก็มีโอกาสที่จะเห็นปริมาณการซื้อขายยืนเหนือ 2.5 หมื่นล้านบาทต่อไปได้

สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตามองในสัปดาห์หน้า คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ก็อาจกดดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับลดลงได้ ซึ่งอาจทำให้นักวิเคราะห์ต้องแนะนำขายทำกำไร เพราะกังวลว่าจะมีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน แต่ในขณะนี้ยังสามารถถือลงทุนไปก่อนได้ (Let Profit Run)


หลังตัวเลขจ้างงานลดลงน้อยเกินคาด

นักวิเคราะห์คาดตลาดหุ้นนิวยอร์กเดินหน้าต่อสัปดาห์นี้ หลังตัวเลขจ้างงานลดลงน้อยเกินคาด

นักวิเคราะห์ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวกสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือพ.ค.ปรับตัวลดลง 345,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่คาดว่าจะร่วงลง 520,000 ตำแหน่ง สะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐกำลังทุเลาลง

อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงานเดือนพ.ค.ของสหรัฐที่พุ่งขึ้น 9.4% มากกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 9.2% ทำให้นักวิเคราะห์บางคนมองว่ายังเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นในเร็วๆนี้ และอัตราว่างงานที่อยู่ในระดับสูงเช่นนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

จอห์น ซิลเวีย หัวหน้านักวิเคราะห์จากวาโชเวีย คอร์ป กล่าวว่า "แม้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐเริ่มบรรเทาลงเนื่องจากจำนวนคนตกงานในสหรัฐเริ่มลดน้อยลง ประกอบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์และภาคอุตสาหกรรมเริ่มฟื้นตัวขึ้น แต่ชาวอเมริกันก็ยังคงจับจ่ายน้อยลงและออมเงินมากขึ้น นอกจากนี้ มูลค่าบ้านหดตัวลงและบริษัทหลายแห่งรวมถึงเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ปลดพนักงานจำนวน ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะทำให้กระบวนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจช้าลง"

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน


อินโฟเควสท์

ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ

ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย
จำกัด
รายงานบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (1-5 มิ.ย.) ว่า ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 604.57 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.88 จาก 560.41 จุดในสัปดาห์ก่อน และพุ่งขึ้นร้อยละ 34.36 จากสิ้นปี 2551 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้นร้อยละ 63.88 จาก 91,018.71 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 149,160.49 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นจาก 18,203.74 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 29,832.10 ล้านบาท

โดยภาพรวมตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 8,020.07 ล้านบาท และ 732.18 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 8,743.26 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 179.31 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.97 จาก 174.13 จุดในสัปดาห์ก่อน และพุ่งขึ้นร้อยละ 10.05 จากสิ้นปีก่อน

ในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ตลาดหุ้นไทยมีแรงซื้อที่มีเข้ามาอย่างหนาแน่นในหุ้นกลุ่มหลักอย่างพลังงานและธนาคาร หนุนให้ดัชนีหุ้นไทยปิดปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นถึงร้อยละ 3.49 ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 เดือนในวันจันทร์ โดยการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบและค่าระวางเรือเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นเดินเรือ และแม้จะมีแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานออกมาระหว่างสัปดาห์ วันศุกร์ ดัชนียังคงปิดบวก ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ดีดตัวขึ้น โดยแรงซื้อที่มีเข้ามาอย่างหนาแน่นในหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร ช่วยหนุนให้ดัชนีสามารถปิดยืนเหนือระดับ 600 จุด ได้เป็นครั้งแรกในปีนี้

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารยังได้ปัจจัยหนุนจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ว่า พ.ร.ก.ให้อำนาจคลังกู้เงินเพิ่ม 4 แสนล้านบาท ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ อีกด้วย ขณะที่การปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันสิ้นปีของโบรกเกอร์ต่างชาติ ได้ช่วยหนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน

สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์นี้ (8-12 มิ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยและบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีอาจผันผวนขึ้นต่อได้ จากแรงหนุนการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศ และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งทำให้นักลงทุนอาจยังมีความสนใจลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ การรายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค. ในวันที่ 11 มิ.ย. โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

ส่วนปัจจัยในต่างประเทศที่สำคัญ คงจะต้องติดตามความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งการปรับตัวของตลาดหุ้นภูมิภาค ตลอดจนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด

คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 585 และ 570 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 620 และ 666 จุด ตามลำดับ.

ที่มา:สำนักข่าวไทย

Template by - Abdul Munir | Blogging4