16 กรกฎาคม 2552

รฟม.คาดต่อรองสายสีม่วงสัญญา 3 เสร็จสัปดาห์นี้

รฟม.คาดต่อรองสายสีม่วงสัญญา 3 เสร็จสัปดาห์นี้
กระทรวงคมนาคมรายงานว่า ภายในสัปดาห์นี้ คณะกรรมการต่อรองราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ที่มีนายชัยสิทธ์ คุรุรัตน์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นประธาน จะเจรจาต่อรองราคากับเอกชนในสัญญาที่ 3 กับกลุ่มพีเออาร์จอยท์เวนเจอร์ได้เสร็จสิ้นภายนในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าจะต่อรองได้ใกล้เคียงกับสัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 หรือมากกว่า 12% จากที่เอกชนเสนอราคาต่ำสุดที่ 6,399 ล้านบาท



สำหรับ กลุ่มพีเออาร์จอยท์เวนเจอร์ ประกอบด้วย บมจ. แอสคอน คอนสตรัคชั่น ,บมจ. เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง และบริษัท รวมนครก่อสร้าง โดยสัญญาที่ 3 จะเป็นงานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดรถซึ่งมีพื้นที่รองรับการก่อสร้างไว้แล้ว

ด้านนายชูเกียรติ โพธยานุวัตร ผู้ว่าการ รฟม.เชื่อว่าหลังจากที่ได้มีการต่อรองเจรจาทั้ง 3 สัญญา จะทำให้วงเงินการก่อสร้างงานโยธา ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ อยู่ในกรอบประมาณ 32,000 ล้านบาท และเมื่อรวมกับระบบวางราง อีก 4,000 ล้านบาท ก็ยังอยู่ในกรอบที่ ครม.อนุมัติไว้ที่ 36,055 ล้านบาท

โดยในวันที่ 22 กรกฎาคมนี้ รฟม.เตรียมเสนอให้คณะกรมการ รฟม.อนุมัติผลการประกวดราคารถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ สัญญาที่ 2 และ สัญญาที่ 3 จากนั้นส่งให้กระทรวงคมนาคมนำเสนอให้ครม.อนุมัติทั้ง 3 สัญญาต่อไป




ธปท.คงดอกเบี้ย 1.25% ชี้ ศก.เริ่มฟื้น

ธปท.คงดอกเบี้ย 1.25% ชี้ ศก.เริ่มฟื้น


แบงก์ชาติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% หลังเห็นสัญญาณเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ไม่มีแรงกดดันทั้งเงินเฟ้อและเงินฝืด ในขณะที่ขอบเขตความรุนแรงไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งสถานการณ์การเมือง ระบุ 24 ก.ค.นี้ รู้ผลว่าปรับหรือไม่ปรับจีดีพี


นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่า ที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะเวลา 1 วันไว้ที่ 1.25% เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจโลกและสถานการณ์การเงินระหว่างประเทศปรับตัวในทิศทางดีขึ้น หลังจากที่หลายประเทศใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายและนโยบายกระตุ้นทางการคลังทำให้เศรษฐกิจโลกเริ่มขยายตัว ซึ่งในส่วนของไทยมีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้น เห็นได้จากมาตรการการคลังของรัฐบาลเริ่มเห็นผลมากขึ้น ส่วนนโยบายการเงินยังคงผ่อนคลาย ขณะที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยขยายตัวในอนาคต

สำหรับปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจไทยคือ เรื่องไข้หวัดใหม่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งไม่รู้ว่าขอบเขตการแพร่ระบาดจะรุนแรงแค่ไหน รวมทั้งปัญหาการเมืองภายในประเทศอาจทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่น ซึ่งจะกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ว่าจะฟื้นตัวในปีหน้า

อย่างไรก็ตาม กนง.จะติดตามสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะใช้นโยบายการเงินที่เหมาะสม เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวในอนาคต ส่วนการปรับผลิตภัณฑ์มวลรวมรายได้ในประเทศ หรือจีดีพี ในปีนี้หรือไม่ ต้องรอประกาศตัวเลขเงินเฟ้อในวันที่ 24 ก.ค.นี้ก่อน ซึ่งขณะนี้เงินเฟ้อก็ยังติดลบ 4%

นายไพบูลย์ กล่าวย้ำว่า เศรษฐกิจไทยเริ่มมีสัญญาณเป็นบวก เห็นได้จากตัวเลขการผลิต การอุปโภคบริโภค ที่อยู่อาศัยหดตัวลดลง ซึ่งเห็นว่าการที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ต้องมีจุดต่ำสุดก่อน ส่วนภาวะเศรษฐกิจโลกกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่าจะฟื้นตัวในปีหน้า และทุกฝ่ายเห็นว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มดีขึ้น แต่จะยั่งยืนหรือไม่ต้องดูกันต่อไป โดยเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐ และยุโรปเริ่มดีขึ้น แต่ยอมรับว่าปัญหาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะกระทบต่อการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของประชาชน และพร้อมจะลดดอกเบี้ยนโยบายหากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงและเกิดปัจจัยเสี่ยงกระทบเศรษฐกิจไทย

“ตอนนี้ยังไม่มีแรงกดดันเรื่องเงินเฟ้อ เงินฝืด เพราะเงินเฟ้อยังติดลบ 4% อยู่ ซึ่ง กนง.ไม่ได้ตกใจ เพราะส่วนใหญ่มาจากมาตรการรัฐ และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ กนง.ไม่ปรับดอกเบี้ยนโยบาย บวกกับภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณที่มีเสถียรภาพมากขึ้น หากเศรษฐกิจโลกยังมีแรงเหวี่ยงไปได้ก็ยิ่งไม่มีแรงกดดัน”

เขากล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ติดลบ และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย 0-3.5% ในขณะนี้ เป็นผลจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนของรัฐบาล ซึ่งหากไม่มีมาตรการดังกล่าว เชื่อว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับที่เป็นบวก ดังนั้นเศรษฐกิจไทยขณะนี้ จึงยังไม่มีประเด็นทั้งในเรื่องเงินเฟ้อและเงินฝืด

"เรายังไม่จำเป็นต้องส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ หรือว่าดอกเบี้ยต่ำสุดแล้ว และไม่ต้องปรับดอกเบี้ยนโยบาย เพราะไม่มีประเด็นทั้งเรื่องเงินเฟ้อและเงินฝืด" นายไพบูลย์กล่าว

ส่วนการออกพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาลวงเงิน 80,000 ล้านบาทนั้น ไม่ทำให้สภาพคล่องเกิดความตึงตัว เพราะนำเงินมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ แต่ถ้ามีปัญหาเงินตึงตัวจริง ธปท.พร้อมจะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ ส่วนกรณีธนาคารพาณิชย์ระดมเงินฝากด้วยการจ่ายดอกเบี้ยในอัตราสูงนั้น เป็นเรื่องปกติของการแข่งขันตามกลไกตลาด

ด้าน น.ส.เกวลิน หวังพิชญาสุข เจ้าหน้าที่วิจัยอาวุโส ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ให้ความเห็นผ่านรอยเตอร์ กรณี กนง.คงอัตราดอกเบี้ยอาร์พีว่า แม้จะเชื่อว่าเศรษฐกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แต่การฟื้นตัวยังคงจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่ยังคงต้องจับตาต่อไป

"เรายังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นมากๆ ของการฟื้นตัว และถ้าคุณมองถึงความเสี่ยง เช่น ไข้หวัด และความไม่แน่ใจต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังมาก ทั้งนี้ เราคาดว่า อาจจะได้เห็นการปรับขึ้นของดอกเบี้ยได้ในช่วงกลางปีหน้าหรือในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า"

ด้าน น.ส.นุชจรินทร์ ปัณรส นักเศรษฐศาสตร์ บล.พัฒนสิน มองว่า อาจจะมีความเอนเอียงในทางผ่อนคลายมากขึ้นในนโยบายการเงิน ถ้ามีความเสี่ยงขาลงใดๆ เพิ่มขึ้น เช่น การแพร่ระบาดของไข้หวัด และสถานการณ์การเมืองในประเทศ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อน่าจะยังคงติดลบต่อไปในช่วงไตรมาส 3

"ในมุมมองของเรา ถ้าหากมีการปรับลดดอกเบี้ยลงในระยะอันใกล้ ดอกเบี้ยนโยบายน่าจะลดลงอีก 0.25% เนื่องจากระดับปัจจุบันถือว่าใกล้จุดต่ำสุดแล้ว และที่สุดแล้ว อัตราเงินเฟ้อจะเริ่มกลับมาเป็นบวกอีกครั้งในไตรมาส 4 การปรับขึ้นของดอกเบี้ยนโยบายคงยังไม่เกิดขึ้นได้เร็ว บางทีเราอาจจะได้เห็นการปรับขึ้นครั้งแรก ในช่วงประมาณครึ่งหลังของปี 2553"



คอลัมน์ จับกระแส

คอลัมน์ จับกระแส

- ช่วงนี้งานหลักของตลาดหลักทรัพย์ฯคือ ควงโบรกเกอร์เดินสายโรดโชว์กันฮึ่มๆ ล่าสุด (7-8 ก.ค.) ตลท.ร่วมกับ บล.ทิสโก้และ ดอยซ์แบงก์ จัดงาน "DBTisco Roadshow in UK" พบนักลงทุนสถาบัน 25 แห่งที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธาน ตลท.กล่าวว่า นักลงทุนให้ความสนใจจะลงทุนเพิ่ม หลังได้รับข้อมูลภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่รัฐมีนโยบายจะลงทุนโครงการต่างๆ ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 และการเมืองก็มีเสถียรภาพ ขณะที่ผลประกอบการ บจ.ดีขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีผู้บริหารจาก บจ. 5 แห่ง จากเจริญโภคภัณฑ์อาหาร, เซ็นทรัลพัฒนา, ไออาร์พีซี, ปตท.เคมิคอล และซีพีออลล์ร่วมให้ข้อมูลอย่างเต็มที่ด้วย

- ข่าววุ่นๆ ของ แบงก์ไทยพาณิชย์ ปรับโครงสร้างภายในกันอยู่นั้น ล่าสุดแบงก์เตรียมจัดตั้งบริษัทลูกมาติดตามทวงหนี้ให้กับกลุ่มแบงก์ไทยพาณิชย์อย่างครบวงจร โดยจะถือหุ้นเอง 100% และจะโอนย้ายพนักงานไปยังบริษัทใหม่ 1 ส.ค.นี้ พร้อมกับได้รับสิทธิเงินเดือน สวัสดิการ และผลประโยชน์ต่างๆ เทียบเท่ากับการเป็นพนักงานธนาคารทุกประการ ทั้งจะนับอายุการทำงานต่อเนื่องด้วย พนักงานวางใจได้เพราะงานนี้ "กรรณิกา ชลิตอาภรณ์" กรรมการผู้จัดการใหญ่แบงก์ใบโพธิ์บอกมาเช่นนี้...จ้า

- รุกอีกแล้ว แบงก์นครหลวงไทย จัดแคมเปญกระตุ้นยอดสินเชื่อบ้าน "Home (Loan) Sweet Home" หรือ "สินเชื่อบ้านธนาคารนครหลวงไทย สร้างความสุขให้ กับบ้านคุณ" สำหรับผู้ยื่นคำขอกู้วงเงินตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป และได้รับการอนุมัติพร้อมยื่นจดจำนองกับธนาคารตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.-31 ส.ค.นี้ จะได้รับบัตรกำนัลสำหรับอบรมหลักสูตรทำเบเกอรี่หรืออาหาร 1 หลักสูตร (2 เมนู) มูลค่า 1,500 บาท ที่โรงเรียนศิลปะการทำเบเกอรี่และอาหาร (IBAF) ของบริษัทอิมพีเรียลศูนย์ศิลปะการทำเบเกอรี่และอาหาร จำกัด โดยคาดว่าปีนี้จะปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้า ไม่ต่ำกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท หลังครึ่งปีแรกปล่อยสินเชื่อแล้วกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท

- ขึ้นชื่อว่า "สถาบันการเงิน" ใครๆ ก็ตราหน้าว่า เป็นนายทุนที่ทำธุรกิจโดยมุ่งเน้นทำกำไรสูงสุด แต่กระแส CSR ที่ค่อนข้างมาแรงในยุคนี้ทำให้สถาบันการเงินไทยทั้งระบบซึ่งรวมถึงสาขาธนาคารต่างประเทศในไทยหันมาสนใจเรื่อง CSR อย่างเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น และเพื่อให้เกิดพลังกิจกรรมนี้จึงเตรียมจัดตั้ง "ชมรมเครือข่ายสถาบันการเงินคุณธรรมเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม" ซึ่งจะมีพิธีลงนามให้สัตยาบันกันในวันที่ 30 ก.ค.นี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี...งานนี้ คงต้อง "ลุ้น" ว่าสังคมจะได้อะไรบ้าง นอกเหนือการลดอัตราดอกเบี้ย !

- ก.ล.ต.ลั่นกลองเรียกผู้ถือหุ้นบมจ.สแกนดิเนเวียลีสซิ่ง (SCAN) เข้าประชุมผู้ถือหุ้นที่จะมีขึ้นในวันที่ 17 ก.ค.นี้ เพื่อใช้สิทธิออกเสียงในการรักษาผลประโยชน์ของตนเอง เนื่องจากคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบของ SCAN รวมทั้งที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ที่ระบุชัดเจนว่าผู้ถือหุ้น SCAN ไม่ควรอนุมัติให้ SCAN เข้าซื้อหุ้นบมจ.เดวา ดีเวลลอปเม้นท์ มูลค่า 543.57 ล้านบาท ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อ SCAN หลายประเด็น อาทิ เดวาฯขาดทุนรายได้ในอนาคตยังไม่แน่นอน มีหนี้สูง และยังมีปัญหาการส่งมอบบ้านเอื้ออาทรล่าช้า ขณะที่ราคาหุ้นเดวาฯที่ซื้อ 0.85 บาท/หุ้น สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริงที่อยู่ 0.36 บาท

หุ้น Defensive!!

หุ้น Defensive!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 15 ก.ค.52 ปิดที่ 587.86 จุด เพิ่มขึ้น 10.11 จุดมีมูลค่าการซื้อขาย 18,951.98 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 750 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด PTT ปิดที่ 223 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท, PTTAR ปิดที่ 17.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.70 บาท, TTA ปิดที่ 22.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท, PTTEP ปิดที่ 127 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท และ SCB ปิดที่ 71.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์บล.ฟิลลิป ชี้หุ้นไทยบวกตามดาวโจนส์ หลังโกลด์แมน แซคส์ สถาบันการเงินรายใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยผลกำไรไตรมาส 2 ออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

มติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. คงอัตราดอกเบี้ย อาร์/พี 1 วันไว้ที่ 1.25% โดยระบุว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้น รวมทั้งได้รับแรงกระตุ้นจากนโยบายคลังที่เริ่มเห็นผล

ขณะที่มองแนวโน้มตลาด คาดว่าดัชนีจะยังคงปรับตัวขึ้นแต่คงไม่ แรงมาก จึงแนะให้เก็งกำไร หากดัชนีปรับตัวลงให้ใช้กลยุทธ์ลงซื้อ-ขึ้นขาย

ด้าน บล.ทิสโก้ แนะกลยุทธ์การลงทุน ช่วงนี้ให้ย้ายเม็ดเงินลงทุนจากกลุ่มแบงก์และพลังงานมายังหุ้น Defensive เช่น สื่อสาร, พาณิชย์, อาหาร และกลุ่มโรงพยาบาล

เนื่องจากไตรมาส 3 ตลาดหุ้นมีความเสี่ยงลงไปที่ประมาณ 500 จุด ซึ่งหุ้น Defensive น่าจะยืนได้ดีกว่า และน่าจะปกป้องเม็ดเงินที่ลงทุนไปได้

ปิดท้าย บทวิเคราะห์เครดิตสวิสกรุ๊ปเอจี คาดตลาดหุ้นในอาเซียนมีแนวโน้มสดใส หลังเศรษฐกิจสิงคโปร์มีสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนในไตรมาส 2 ที่เพิ่มขึ้น 20.4% จากไตรมาสก่อน เป็นปัจจัยสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาเซียน และอาจเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนมาสู่อาเซียน

นอกจากนี้ยังระบุว่าราคาหุ้นในตลาดหุ้นอาเซียนขณะนี้มีส่วนลดลงราว 14% เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย


สำหรับหุ้นที่เครดิตสวิสแนะลงทุน ได้แก่ กลุ่มแบงก์ในไทยและสิงคโปร์


อินเด็กซ์ 51




Template by - Abdul Munir | Blogging4