04 มีนาคม 2552

ทองคำปิดร่วง 26.40 $

ชื่อ:  ScreenHunter_112.gif ครั้ง: 167 ขนาด:  60.3 กิโลไบต์

ทองคำปิดร่วง 26.40 $



วันพุธที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2552 08:12

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำเพราะไม่ต้องการเข้าเสี่ยงในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง


สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 913.60 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 26.40 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 933.50-905.70 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินเดือนพ.ค.ปิดที่ 12.715 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 35.50 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 8.85 เซนต์ ปิดที่ 1.6045 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินัมเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,036.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 39.60 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมเดือนมิ.ย.ปิดที่ 192.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 1.30 ดอลลาร์

ทอม พอว์ลิคกี นักวิเคราะห์จาก MF Global Research กล่าวว่า "นักลงทุนพยายามหาปัจจัยชี้นำในการเข้าซื้อทองคำ แต่ภาวะเศรษฐกิจในระยะนี้ถดถอยลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะหลักฐานจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รวมถึงตัวเลขจีดีพีและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังไม่มั่นใจว่าคณะทำงานของโอบามาจะสามารถพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว ได้หรือไม่"


กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2551 หดตัวลง 6.2%ต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวรุนแรงสุดในรอบ 27 ปี ขณะที่โพลล์ ABC News เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงแตะระดับ -49 จุด ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 1 มี.ค. จากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ -48 จุด






ข่าวห้องค้า

อภิชัย ซื้อหุ้นทีเอฟดี

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า ก.ล.ต.ได้รับแบบรายงานการจำหน่ายหุ้นบริษัทไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม (ทีเอฟดี) โดย นายอภิชัย เตชะอุบล เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2552 จำนวน 4% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ทำให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 24.82% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด

ไทยคาร์บอนตั้งกรรมการ
บริษัท ไทยคาร์บอนแบล็ค แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2009 เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2552 มีมติ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ได้แก่ นายประกิต ประทีปเสน เป็นประธานกรรมการตรวจสอบ กรรมการตรวจสอบได้แก่ นายไซยัม ซุนเดอร์ มาฮันาซาเรีย และนายซาชิน จิเทนดรา เมธา โดยมีผลวันที่ 2 มี.ค.2552 เป็นต้นไป

ขึ้นเอสหุ้นไม่ส่งงบการเงิน
ตลาดหลักทรัพย์แจ้งว่า เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนดังต่อไปนี้ไม่ได้นำส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2551 มายังตลาดหลักทรัพย์ภายในเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด ได้แก่ บริษัท อกริเพียว โฮลดิ้งส์ บริษัท เค-เทค คอนสตรัคชั่น บริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส บริษัทเอสเอ็มซี มอเตอร์ส และบริษัทซันวู้ดอินดัสทรีส์
ตลาดหลักทรัพย์จึงขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) หลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนดังกล่าว ตั้งแต่การซื้อขายรอบเช้าของวันที่ 3 มี.ค.2552 เป็นต้นไปจนกว่าบริษัทจะนำส่งงบการเงินฉบับดังกล่าว

ยกเลิกฟื้นฟูจีเจสตีล
ตามที่บริษัท จี เจ สตีล โดยบริษัท มหาราช แพลนเนอร์ จำกัด ในฐานะผู้บริหารฟื้นฟูกิจการของบริษัทได้ยื่นคําร้องขอยกเลิกการฟื้นฟู กิจการต่อศาลล้มละลายกลาง เมื่อวันที่ 28 พ.ย.2551 เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2552 ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการของบริษัท เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินการเป็นผลสำเร็จตามที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ ของบริษัท

ขึ้นเอสพีป่องทรัพย์
ตามที่บริษัท ป่องทรัพย์ ได้นำส่งงบการเงินประจำปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2551 โดยมีฐานะการเงินที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนกล่าวคือมีส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำ กว่าศูนย์ ตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างพิจารณาฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทว่า จะเข้าข่ายอาจถูกเพิกถอนหรือไม่ ตลาดหลักทรัพย์จึงขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension) เพื่อห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ PSAAP ตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.2552 จนกว่าตลาดหลักทรัพย์จะได้ข้อสรุปในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ไม่เกิน 7 วันทำการ หรือภายในวันที่ 11 มี.ค.2552

ไรมอนจ่ายหุ้นปันผล
บริษัท ไรมอน แลนด์ แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2552 อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างการบางส่วนในรูปของหุ้นปันผล จำนวน 251,083,147 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในอัตรา 1 หุ้นเดิม ต่อ 0.08370 หุ้น (ปันผล) ใหม่ หรือ 0.08370 บาท ต่อหุ้น

ไพลอนรับงานใหม่
บริษัท ไพลอน แจ้งว่าบริษัทได้รับการยืนยันการจ้างงานก่อสร้างโครงการต่างๆ เพิ่มเติมจากที่แจ้งในครั้งก่อนจำนวนทั้งสิ้น 8 โครงการ รวมเป็นจำนวนเงิน 139,739,082.02 บาท ประกอบด้วย 1. โครงการ ร่วมฤดี โฮเต็ล จาก บริษัทฟีโก้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
2.โครงการ เดอะ พาร์คแลนด์ ตากสิน-ท่าพระ จากบริษัทนายารา เรสสิเดนส์ จำกัด
3.โครงการ สนามกีฬาหัวหมาก จากบริษัทซิโน-ไทยเอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น
4.โครงการ ยู-ดีไลท์ แอท บางซื่อ สเตชั่น จากบริษัทแกรนด์ ยู ลิฟวิ่ง 5.โครงการ ชีวาทัย ราชปรารภ จากบริษัทชีวาทัย
6.โครงการ ที เค ที อพาร์ทเมนท์ รามอินทรา จากบริษัทกรุงธนเอนยิเนียร์
7.โครงการ MTP 07 - 156 MCB Distillation Crystallizer Foundation จากบริษัทบายออร์ ไทย
และ 8.โครงการ มาราเกซ หัวหิน เรสซิเด้นท์ส จากบริษัทเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์



พล่านสกัดวิกฤติลาม

คลัง-ธปท.พล่านสกัดวิกฤติลาม
[4 มี.ค. 52 - 05:21]


บริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนล กรุ๊ป อิงค์ (เอไอจี) และบริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนล แอสชัวรันส์ จำกัด (เอไอเอ) ได้เปิดเผยภาพรวมแผนปรับโครงสร้างธุรกิจที่ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงการ คลังและธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาโครงสร้างของเงินทุนปกป้องและเพิ่มมูลค่าของธุรกิจหลักพร้อม เตรียมปรับให้บริษัทในเครือเป็นองค์กรที่มีอิสระในการบริหารธุรกิจด้วยความ โปร่งใสในอนาคต โดยบางธุรกิจจะยังรักษาไว้เพื่อเสนอขายในอนาคต ส่วนบางธุรกิจ เช่น เอไอเอ และบริษัทอเมริกันไลฟ์อินชัวรันส์ จำกัด (อลิโก) กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาทางเลือกต่างๆ และอาจรวมถึงการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเสนอขายให้ประชาชน

ทั้งนี้ เอไอจีจะโอนหุ้นทุนของเอไอเอและอลิโกเข้าไปในนิติบุคคลเฉพาะกิจ (SPV) เพื่อแลกกับหุ้นบุริมสิทธิ์และหุ้นสามัญของนิติบุคคลเฉพาะกิจดังกล่าว ซึ่งแผนการปรับโครงสร้างนี้จะส่งผลให้ ธนาคารกลางสหรัฐฯได้รับหุ้นบุริมสิทธิ์เพื่อเป็นการชำระคืนเงินสินเชื่อบาง ส่วนที่ได้อนุมัติให้แก่ เอไอจี โดยนายมาร์ค วิลสัน ประธานเอไอเอ กล่าวว่า การปรับโครงสร้างธุรกิจดังกล่าวและการแยกเอไอเอ ออกเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจจากเอไอจีนับเป็นก้าวสำคัญยิ่งสำหรับเอไอเออันจะ ช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งของเอไอเอให้คงฐานะบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่ง ในภูมิภาคเอเชียต่อไป

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลกลางสหรัฐฯได้อัดฉีดเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับเอ ไอจีของสหรัฐฯอีกกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯหลังจากบริษัทต้องประสบกับการขาดทุนครั้งมโหฬารนั้นว่าถือเป็นสัญญาณ ที่ดีที่เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าประเทศต่างๆ พยายามแก้ไขปัญหาอย่างถาวรและยั่งยืนโดยมีมาตรการที่เข้มข้นเพื่อจำกัดไม่ ให้ปัญหาขยายไปในวงกว้าง

นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายกำกับสถาบันการเงินกล่าวถึงการลุกลามของปัญหาความอ่อนแอของสถาบันการเงิน ในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของซิตี้กรุ๊ป เอไอจีกรุ๊ป และเอชเอสบีซี กรุ๊ปซึ่งอยู่ระหว่างการรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯและรัฐบาลอังกฤษว่า เท่าที่มีการตรวจสอบแล้วไม่ กระทบกับสาขาของธนาคารต่างประเทศในไทยและเชื่อว่าจะไม่มีการปิดสาขาของซิ ตี้แบงก์และเอชเอสบีซีในไทยเพราะมีเพียงสาขาเดียวเท่านั้น ไม่เหมือนในสหรัฐฯหรือในหลายประเทศที่มีสาขากระจายอยู่จำนวนมาก
ส่วนที่เป็นห่วงกันว่าธนาคารเหล่านี้จะส่งเงินกลับธนาคารแม่จนเกิดปัญหานั้น ธปท.ตรวจสอบแล้วไม่เกิดขึ้น การโอนเงินกลับอาจจะมีบ้างแต่ไม่มาก และหากพิจารณาจำนวนเงินทุนยังอยู่ตามเกณฑ์มาตรฐานของ ธปท. รวมทั้งขณะนี้ทั้ง 3 แห่งยังทำธุรกรรมการเงิน ดังนั้นลูกค้าของธนาคารดังกล่าว ยังสามารถทำธุรกรรมได้ตามปกติ

นายสมพล เกียรติไพบูลย์ อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงคนที่ทำประกันชีวิตไว้กับเอไอเอมีการตื่นตัวต่อข่าวที่เกิดขึ้นกับ เอไอจี กรุ๊ป ว่า ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะมีการตื่นตัวต่อข่าวที่เกิดขึ้น ในทางตรงข้ามหากคนที่ถือกรมธรรม์ นิ่งเฉยไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นจะถือว่าเป็นสิ่งที่อันตรายต่อระบบ อย่างไรก็ตามในส่วนของฐานะทางการเงินของเอไอเอประเทศไทยนั้นต้องยอมรับว่า แข็งแกร่ง มีกำไรสะสมกว่า 70,000 ล้านบาท มีเงินสำรองประกันภัย 286,674 ล้านบาท และมีเงินกองทุน 69,241 ล้านบาท คิดเป็น 1,107.67% ของเงินทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย ซึ่งเพียงพอต่อการจ่ายคืนให้กับผู้ถือกรมธรรม์ทุกราย

ด้านนายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ กล่าว ถึงกรณีที่เอไอจี กรุ๊ปต้องขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯอีกคำรบและอาจทำให้บริษัท ขายสินทรัพย์ที่อยู่นอกประเทศออกมาว่าเป็นสิ่งที่แสดงถึงความรุนแรงของปัญหา และการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาไม่เบ็ดเสร็จ แม้ทางการสหรัฐฯจะเข้าไปช่วยเหลือบริษัทอย่างรวดเร็วถึง 2 รอบแล้วก็ยังไม่สามารถประคองฐานะอยู่ได้


“ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศหลายคนได้ประเมินว่า วิกฤติสถาบันการเงินและเศรษฐกิจรอบนี้ยังไปไม่ถึงครึ่งทางและต้องใช้เวลาอีก นาน ดังนั้นตราบใดที่ปัญหาต่างๆเหล่านี้ยังไม่คลี่คลายเม็ดเงินในโลกที่จะเข้ามา ลงทุนในตลาดหุ้นภูมิภาคนี้จะหายไปทำให้ราคาหุ้นทั่วเอเชียยังคงตกต่ำ นักลงทุนไทยต้องทำใจสถานการณ์ตลาดหุ้นจะยังตกต่ำย่ำแย่จนกว่าเศรษฐกิจโลกและ สหรัฐฯมีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน ซึ่งยังต้องใช้เวลาอีกนาน”.



ผู้นำอังกฤษ-สหรัฐ

ผู้นำอังกฤษ-สหรัฐเตรียมถกปัญหาเศรษฐกิจโลก

สหรัฐ 4 มี.ค. - นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เดินทางถึงกรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อพบหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐ เกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจโลกและมาตรการรับมือวิกฤติการเงิน

นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ ของอังกฤษ จะเป็นผู้นำชาติยุโรปตะวันตกคนแรกที่ได้เข้าพบหารือกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ที่ทำเนียบขาว คาดว่าการพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นวิกฤติการเงินโลก สถานการณ์ในอิรักและอัฟกานิสถาน รวมถึงประเด็นอื่น ๆ จะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง

ก่อนหน้าเดินทางถึงสหรัฐ ผู้นำอังกฤษ ยอมรับว่า วิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ส่งผลกระทบไปทั่วโลก จึงจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งหากสหรัฐและอังกฤษร่วมมือกันอย่างแข็งขัน จะสามารถแก้ไขวิกฤติการเงินโลกและความท้าทายอื่น ๆ ให้ลุล่วงไปได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีบราวน์ ยังจะเป็นผู้นำอังกฤษ คนที่ 5 ที่จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ต่อสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐ ในวันพุธด้วย

ที่มา : สำนักข่าวไทย

ดาวโจนส์ต่ำสุดรอบ 12 ปี

ดาวโจนส์ร่วงต่อก่อนปิดต่ำสุดรอบ 12 ปี

สหรัฐ 4 มี.ค. - ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวเบาบางในแดนลบ
ภายหลังประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ระบุการฟื้นตัวของเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับฝีมือการทำงานของรัฐบาล

ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบต่อเนื่องจากวานนี้
แต่ดัชนีปรับลดลงไม่มากนัก ภายหลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ประกาศเตรียมปล่อยกู้วงเงินสูงสุด 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ขณะที่นายเบน เบอร์นันกี ประธานเฟด ระบุเศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้าหรือเร็ว
ขึ้นอยู่กับความสามารถของรัฐบาล ว่าจะทำให้ตลาดเงินตลาดทุนกลับมามีเสถียรภาพได้หรือไม่

ด้านราคาน้ำมันดิบ
ตลาดไนเม็กซ์ บวกเพิ่ม 1.50 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ระดับ 41.65 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปรับลดลง 37.27 จุด ไปปิดที่ระดับ 6,726.02 จุด
ต่ำสุดในรอบ 12 ปี
แนสแดค ปิดที่ระดับ 1,321.01 จุด ลดลง 1.84 จุด
และ เอสแอนด์พี ลดลง 4.49 จุด ไปปิดที่ระดับ 696.33 จุด
เป็นการปิดที่ระดับต่ำกว่า 700 จุดครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2539

ที่มา : สำนักข่าวไทย

มืดมน!!

มืดมน!!
[4 มี.ค. 52 - 05:43]

ดัชนีหุ้นวันที่ 3 มี.ค. 52 ปิดที่ 413.09 จุด ลดลง 3.43 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 8,043.98 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,086 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ไซรัสชี้ ว่า ดัชนีดาวโจนส์ที่ปรับลงทำระดับต่ำสุด รอบ 12 ปี หลุดระดับ 7,000 จุดไปเรียบร้อยแล้ว หลังกังวลกับเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ถดถอยอย่างหนัก และ AIG ได้รายงานผลขาดทุนไตรมาส 4 ปี 51 มโหฬาร

รวมทั้งปี 51 ขาดทุน 99,290 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐฯต้องให้เงินช่วยเหลือเป็นครั้งที่ 3 อีก 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สะท้อนว่าปัญหาสถาบันการเงินยังไม่จบสิ้นและมีโอกาสจะทวีความรุนแรงขึ้นอีก

ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลทิศทางตลาดหุ้นเอเชียรวมทั้งไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นคาดว่ามีโอกาสปรับตัวลงต่อ แนะกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นให้ขายออกมาเพื่อถือเงินสด

ปิดท้ายมีข่าวผลประกอบการปี 51 ของ TRUE ที่พลิกเป็นขาดทุน 2.35 พันล้านบาท นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยาคาด ปี 52 TRUE จะขาดทุน 385 ล้านบาท โดยธุรกิจหลักการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่มีความเสี่ยงที่ลูกค้าจะลด ปริมาณการใช้งานลงทำให้รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายลดลง โดยลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเน้นกลุ่มวัยรุ่นซึ่งมีกำลังซื้อไม่มาก

ส่วนการขายหุ้นเพิ่มทุนที่ไม่ประสบความสำเร็จมองว่าเป็นการสะท้อนถึงความไม่ เชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นต่อพื้นฐานธุรกิจบริษัท ซึ่งความกังวลหลักอยู่ที่ฐานะการเงินที่อ่อนแอและมีภาระหนี้สูงมาก โดยต้องขายหุ้นเพิ่มทุนอีก 2-3 รอบ เพราะเงินที่ได้มาในรอบแรกไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้และลงทุนในธุรกิจใหม่แน่ นอน

โดยเฉพาะภาระหนี้ของบริษัทรวมที่สูงถึง 8 หมื่นล้านบาทยังเป็นปัจจัยกดดันผลการดำเนินงานและการเพิ่มทุนแม้ว่าสุดท้าย จะสำเร็จแต่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องเพียงระยะสั้นเท่านั้น

และปี 53 บริษัทมีหนี้ก้อนใหญ่ที่ต้องชำระถึง 1.3 หมื่นล้านบาทซึ่งจะฉุดรั้งผลการดำเนินงานให้ตกต่ำลงมากและปีนี้ยังมีภาระ ต้องซื้อหุ้น BITCO คืนจาก CP อีก 3.5 พันล้าน

จึงแนะให้ขายหุ้นออกมาในจังหวะที่ราคาหุ้นปรับขึ้น.


อินเด็กซ์ 51


Template by - Abdul Munir | Blogging4