ฟันธงตลาดหุ้นไทย ลุ้นแตะ630จุด ทองพุ่งพรวดปลายปี
หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด คาดการณ์แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยระหว่างวันที่ 5 มิ.ย. - 5 ก.ค.52 มีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 600-630 จุด ขณะที่แนวโน้มราคาทองคำปีนี้จะเข้าสู่ขาขึ้นในไตรมาส 4 โดยมีราคาเป้าหมายที่ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์...
วานนี้ (4 มิ.ย.) นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า คาดว่าแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยระหว่างวันที่ 5 มิ.ย. - 5 ก.ค.52 มีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 600-630 จุดแต่จะมีความผันผวนขึ้นลงในระหว่างทางเนื่องจากนักลงทุนต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น โดยมีการย้ายเม็ดเงินลงทุนออกจากตลาดตราสารหนี้และตลาดเงิน หันมาลงทุนในหุ้น, น้ำมัน รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์โดยดัชนีในช่วงดังกล่าวคาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบแนวรับที่ 570- 550 จุด ส่วนแนวต้านจะอยู่ที่600 -630 จุด ทั้งนี้ นับจากเดือนมี.ค.ถึงพ.ค.ดัชนีหุ้นได้ปรับขึ้นมา 161 จุด หรือ 40%
"คาดว่าปลายเดือนนี้หรืออย่างช้าไม่เกินกลางเดือนก.ค. ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 630 จุด แต่หลังจากนั้นมีโอกาสที่จะได้เห็นการปรับฐานของดัชนีลง 35 จุด"นายวิวัฒน์ กล่าว
นายวิวัฒน์ ยังแนะนำว่า หากดัชนีปรับตัวขึ้นมาได้ที่ระดับ 600-630 จุด แนะให้ขายล้างพอร์ต และถือเงินสด เนื่องจากประเมินว่าที่ระดับดัชนีดังกล่าวจะกระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติเทขายทำกำไรออกมา ซึ่งจะได้กำไรถึง2เด้ง คือกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นและทำกำไรจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า นอกจากนี้ ยังแนะให้นักลงทุนกลับเข้าไปซื้อหุ้นคืนที่แนวรับบริเวณ 570 จุดและ 550 จุด โดยมีหุ้นที่น่าสนใจ คือ PTT ,PTTCH ,KBANK, BAY ,QH,LH,AP ,AMATA ,ITD ,ADVANC ,DTAC ,BEC และ BECL โดยให้จุดตัดขาดทุนที่ระดับดัชนีฯต่ำกว่า 540 จุด
นายวิวัฒน์ยังกล่าวว่า เชื่อว่าแนวโน้มราคาทองคำปีนี้จะเข้าสู่ขาขึ้นในไตรมาส 4 โดยมีราคาเป้าหมายที่ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และราคาทองคำของประเทศไทยมีโอกาสที่จะแตะที่น้ำหนักบาทละ 24,000 บาท ในช่วงปลายปี ส่วนแนวโน้มราคาทองคำเดือนมิ.ย.มีโอกาสที่จะแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,000 เหรียญต่อออนซ์
Categories
- กองทุน (2)
- ข่าวห้องค้า (7)
- ความรู้ หุ้น (15)
- ความรู้อนุพันธ์ (6)
- ความรู้อนุพันธ์;TFEX (1)
- ความรู้ SET (5)
- คอลัมน์ทองคำ (1)
- คอลัมน์หุ้น (30)
- ค่าเงิน (4)
- ค่าระวางเรือ (2)
- ดอกเบี้ย (6)
- ตลาดเงิน (3)
- ตลาดหุ้นทั่วโลก (9)
- ตลาดหุ้นไทย (239)
- ตลาดหุ้นสหรัฐ (46)
- ตลาดหุ้นสหรัฐ;เศรษฐกิจสหรัฐ (2)
- ตัวเลขส่งออก (1)
- ตัวเลข GDP (2)
- ทองคำ (14)
- น้ำมัน (15)
- แนวโน้มตลาดรายวัน (8)
- บทความหุ้น (56)
- ปฎิทินหุ้น (3)
- แผนกู้วิกฤตการเงิน (19)
- วอร์แรนท์ (3)
- เศรษฐกิจญี่ปุ่น (1)
- เศรษฐกิจไทย (91)
- เศรษฐกิจโลก (29)
- เศรษฐกิจสหรัฐ (11)
- หุ้น (65)
- หุ้นกู้ (3)
- หุ้นเด่นวันนี้ (4)
- หุ้นแบงค์ (2)
- G20 (3)
- warrant (1)
--==::: ข่าวประกาศ :::==--
บทความย้อนหลัง
- 05 ก.ค. (1)
- 11 ก.ย. (3)
- 09 ก.ย. (6)
- 03 ก.ย. (3)
- 02 ก.ย. (2)
- 27 ส.ค. (2)
- 20 ส.ค. (3)
- 18 ส.ค. (4)
- 10 ส.ค. (4)
- 04 ส.ค. (1)
- 03 ส.ค. (5)
- 30 ก.ค. (5)
- 28 ก.ค. (4)
- 27 ก.ค. (3)
- 24 ก.ค. (4)
- 23 ก.ค. (4)
- 22 ก.ค. (5)
- 21 ก.ค. (3)
- 20 ก.ค. (7)
- 17 ก.ค. (3)
- 16 ก.ค. (4)
- 15 ก.ค. (2)
- 14 ก.ค. (4)
- 13 ก.ค. (5)
- 10 ก.ค. (5)
- 09 ก.ค. (5)
- 08 ก.ค. (4)
- 03 ก.ค. (6)
- 30 มิ.ย. (5)
- 29 มิ.ย. (6)
- 26 มิ.ย. (4)
- 25 มิ.ย. (5)
- 24 มิ.ย. (5)
- 23 มิ.ย. (5)
- 22 มิ.ย. (5)
- 19 มิ.ย. (5)
- 18 มิ.ย. (5)
- 17 มิ.ย. (4)
- 16 มิ.ย. (4)
- 15 มิ.ย. (6)
- 12 มิ.ย. (5)
- 11 มิ.ย. (4)
- 10 มิ.ย. (4)
- 09 มิ.ย. (4)
- 08 มิ.ย. (4)
- 05 มิ.ย. (5)
- 04 มิ.ย. (4)
- 03 มิ.ย. (1)
- 28 พ.ค. (4)
- 27 พ.ค. (4)
- 26 พ.ค. (6)
- 25 พ.ค. (6)
- 22 พ.ค. (8)
- 21 พ.ค. (5)
- 20 พ.ค. (4)
- 19 พ.ค. (3)
- 14 พ.ค. (3)
- 13 พ.ค. (2)
- 12 พ.ค. (2)
- 11 พ.ค. (5)
- 07 พ.ค. (3)
- 06 พ.ค. (4)
- 30 เม.ย. (4)
- 29 เม.ย. (5)
- 28 เม.ย. (4)
- 24 เม.ย. (4)
- 23 เม.ย. (4)
- 22 เม.ย. (4)
- 20 เม.ย. (3)
- 17 เม.ย. (4)
- 16 เม.ย. (4)
- 10 เม.ย. (5)
- 09 เม.ย. (3)
- 08 เม.ย. (7)
- 07 เม.ย. (7)
- 05 เม.ย. (4)
- 03 เม.ย. (7)
- 02 เม.ย. (8)
- 01 เม.ย. (8)
- 31 มี.ค. (5)
- 30 มี.ค. (6)
- 29 มี.ค. (4)
- 28 มี.ค. (2)
- 27 มี.ค. (9)
- 26 มี.ค. (8)
- 25 มี.ค. (4)
- 24 มี.ค. (6)
- 23 มี.ค. (7)
- 20 มี.ค. (6)
- 19 มี.ค. (9)
- 18 มี.ค. (6)
- 17 มี.ค. (6)
- 16 มี.ค. (7)
- 13 มี.ค. (3)
- 12 มี.ค. (3)
- 11 มี.ค. (5)
- 10 มี.ค. (8)
- 09 มี.ค. (7)
- 05 มี.ค. (7)
- 04 มี.ค. (6)
- 03 มี.ค. (3)
- 02 มี.ค. (5)
- 27 ก.พ. (5)
- 26 ก.พ. (2)
- 25 ก.พ. (5)
- 18 ก.พ. (2)
- 17 ก.พ. (3)
- 16 ก.พ. (2)
- 12 ก.พ. (2)
- 11 ก.พ. (3)
- 09 ก.พ. (1)
05 มิถุนายน 2552
ฟันธงตลาดหุ้นไทย ลุ้นแตะ630จุด
โดย Mboy เวลา 09:06 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ตลาดหุ้นไทย, เศรษฐกิจไทย
ดอลล์ร่วง หนุนทองคำปิดทะยาน $16.70
ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก:
ดอลล์ร่วง หนุนทองคำปิดทะยาน $16.70
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 16 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (4 มิ.ย.) เนื่องจากการร่วงลงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้กระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างหนาแน่น รวมถึงสัญญาทองคำและน้ำมันดิบ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ปิดพุ่งขึ้น 16.70 ดอลลาร์ แตะที่ 982.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 962.00-983.40 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินเดือนก.ค.ปิดที่ 15.895 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 58.50 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 8.9 เซนต์ ปิดที่ 2.3010 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินั่มเดือนก.ค.ปิดที่ 1,293.30 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 48.80 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมเดือนก.ย.ปิดที่ 255.40 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 12.80 ดอลลาร์
เดฟ เมเกอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท อลารอน เทรดดิ้ง กล่าวว่า "สัญญาทองคำเคลื่อนไหวเข้าใกล้ระดับ 1,000 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้มาตรการเชิงรุกด้วยการลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงสู่ระดับ 0-0.25% การที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงทำให้สัญญาทองคำและน้ำมันดิบมีราคาถูกลง และกระตุ้นนักลงทุนต่างชาติให้ทุ่มซื้อเพื่อเก็งกำไร"
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF รายใหญ่ที่สุดของโลก เพิ่มการถือครองทองคำ 15.27 ตัน แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,134.03 ตัน ณ วันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา
โดย Mboy เวลา 09:05 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ตลาดหุ้นไทย, ทองคำ
THCOM : ลุ้นเซ็นสัญญากับอินเดีย
THCOM : ลุ้นเซ็นสัญญากับอินเดีย
อินเดีย...สัญญากับอินเดียใกล้เป็นความจริง: ผู้บริหารบริษัทไทยคอม (THCOM) ค่อนข้างมั่นใจว่าการเจรจาระหว่างรัฐบาลอินเดีย คู่ค้าและ iPSTAR ใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงแล้ว หลังการเลือกตั้งที่ประเทศอินเดียเสร็จสิ้นลงเมื่อปลายเดือนก่อน โดยสัญญาเหลือเพียงการพิจารณารายละเอียดด้านกฎหมายเท่านั้น โดยผู้บริหารคาดว่าบริษัท จะสามารถเซ็นสัญญากับทางรัฐบาลอินเดียได้อย่างเร็วคือต้นไตรมาส 4 ปีนี้ และข้อดีของข้อตกลงนี้คือ บริษัทฯ สามารถทยอยรับรู้รายได้จากการเซ็นสัญญาได้ทันทีในปีนี้
จีน...เตรียมเซ็นสัญญากับ China Telecom ทำธุรกิจร่วมกันอย่างเป็นทางการ: หลังจากรัฐบาลจีนได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจสื่อสารและเทคโนโลยีตลอดปีที่ผ่านมา มีการควบรวมกิจการกันทำให้จำนวนผู้ให้บริการเหลือเพียง 3 รายจากเดิม 6 ราย โดย China SatCom ที่มี China Telecom เป็นพันธมิตรกับ iPSTAR นั้น ได้รวมกิจการดาวเทียมและโทรทัศน์ทั้งหมดเข้ามาไว้ด้วยกัน การทำงานจึงราบรื่นขึ้นมาก
ช่วงแรก iPSTAR จะเน้นบริการด้านโทรศัพท์ทางไกลในชนบทก่อน เนื่องจากความต้องการมีสูงมากในแต่ละมณฑลในจีน ขณะที่คาดหวังความร่วมมือกับ China Telecom ในการขยายบริการ Internet Broadband ผ่านฐานลูกค้าขนาดใหญ่ของ China Telecom และโครงการรัฐเกี่ยวกับระบบการเตือนภัย ทั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะผูกตลาดที่ฟิลิปปินส์, อินโดฯ และมาเลย์ เข้าไว้ด้วยกัน (รวม 19% ของ Total capacity ของ iPSTAR) เร่งทำตลาดรายย่อย และเมื่อรวมกับตลาดในอินเดียและจีน ทำให้ iPSTAR มีฐานลูกค้าในมือเกือบ 50% ของประชากรโลก
2H09 เร่งผลักดันการใช้ Bandwidth บน iPSTAR-มือถือในอินโดจีนเติบโตดีมาก: อย่างที่เราได้เคยนำเสนอไว้ในรายงานเกือบทุกฉบับ ว่าการทำตลาด iPSTAR นับจากนี้ จะมุ่งเน้นปริมาณการใช้ Bandwidth บน iPSTAR มากกว่าการเร่งยอดขายอุปกรณ์รับส่งสัญญาณ (UT) ซึ่งมีมาร์จินต่ำ ขณะที่รายได้ที่เกิดจากการใช้ Bandwidth ที่มีต้นทุนการดำเนินงานเพียง 20% ทำให้อัตรากำไรสูงกว่ามาก
ผู้บริหารย้ำว่าในช่วงครึ่งหลังของปี จะเน้นนโยบายการใช้ Bandwidth ให้มากขึ้น โดยเฉพาะการทำงามร่วมกับภาครัฐให้มากขึ้น โดยเฉพาะตลาด Australia New Zealand และไทย ที่มีฐานลูกค้าที่ใช้บริการ iPSTAR อยู่แล้ว เช่นเดียวกับตลาดที่ญี่ปุ่นที่ช่วงแรกได้มีการให้ทดลองการใช้งานบน iPSTAR ไปแล้ว โดยผู้บริหารคาดว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงด้านรายได้ชัดเจนขึ้นใน 3Q09
ส่วนธุรกิจการให้บริการมือถือในลาวและกัมพูชา จะเติบโตแบบก้าวกระโดดหลังเปิดให้บริการ 3จี เต็มที่ โดยจะมุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้งานด้านข้อมูลให้มากขึ้นเพื่อผลักดันรายได้จากการให้บริการด้าน Non-voice ให้เติบโตเร็วขึ้น และแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาการแข่งการให้บริการมือถือ โดยเฉพาะในกัมพูชา (Mfone) จะมีการแข่งขันรุนแรงมากจากการตัดราคาของผู้ให้บริการรายเล็ก แต่คุณภาพของเครือข่ายที่ไม่สามารถรองรับการใช้งานให้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ลูกค้ายังคงไหลเข้ามายัง Mfone อย่างต่อเนื่อง
คงประมาณการ-ราคาเป้าหมาย: เรายังคงประมาณการเชิงอนุรักษนิยม ด้วยอัตราการใช้งานบน iPSTAR ในปีนี้ที่ 12% (ไม่รวมจีนและอินเดีย) ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในปี 2013 ที่ 30% หลังคาดว่าตลาดจีนและอินเดียจะทยอยเปิดให้บริการและทยอยสร้างรายได้ (ผู้บริหารคาด U-rateบน iPSTAR จะอยู่ที่ 15% กรณีรวมจีนและอินเดียและจะเพิ่มเป็น 30% ในปี 2010)
เราคาดว่า THCOM จะพลิกมีกำไรปรกติได้ราว 385 ล้านบาท (EPS 0.35 บาท) ในปี 2010 (จากเดิมคาดว่าจะมีกำไรปรกติในปี 2009 แต่จากต้นทุนการย้ายลูกค้า T-1 ไปยัง T-5 เกือบ 40 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการทำตลาด iPSTAR ที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดตลาดในแถบเอเชียเพิ่มขึ้น อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน เราจึงคาดว่า THCOM จะยังมีผลขาดทุนปรกติเล็กน้อยราว 53 ล้านบาท หรือ -0.05 บาท/หุ้น) โดยราคาหุ้นที่เหมาะสมภายใต้สมมติฐานดังกล่าวจะอยู่ที่ 6.44 บาท/หุ้น (มูลค่าทางบัญชีที่ 14.7 บาท/หุ้น)
ระยะสั้น แนะนำ “เก็งกำไร” จากข่าวการเซ็นสัญญากับอินเดียที่ใกล้บรรลุใน 4Q09 แต่สำหรับการลงทุนระยะยาวแล้ว การที่ราคาหุ้น THCOM ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาที่ปรับตัวขึ้นมากถึง 36% (แม้ว่ายังมีส่วนต่างจากมูลค่าที่เหมาะสมอยู่ถึง 53%) กอปรกับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในการเซ็นสัญญากับอินเดียที่อาจถูกเลื่อนออกไปอีก จากที่คาดไว้ในช่วงต้น 4Q09 รวมทั้งการทำการตลาดในจีนที่ยังไม่คืบหน้า ระยะยาวเราจึงแนะนำเพียง “ถือ”
ที่มา..บล.สินเอเซีย
โดย Mboy เวลา 09:03 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: บทความหุ้น, หุ้น
กลยุทธ์ทิสโก้!!
กลยุทธ์ทิสโก้!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 4 มิ.ย. 52 ปิดที่ 593.60 จุด เพิ่มขึ้น 11.35 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 29,629 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 521 ล้านบาท
"ม.ล.ทองมกุฎ ทองใหญ่" นายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างชาติชี้ว่า กรณีที่มูดีส์ปรับลดมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือผู้ออกตราสารสกุลเงินในประเทศของ PTT และ PTTEP ลงนั้น แทบไม่มีผลกระทบต่อราคาหุ้นทั้ง 2 ตัว เพราะปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยน
ขณะที่ บล.ไซรัสมองแนวโน้มตลาดว่า มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก เพราะมีเม็ดเงินของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นต่อเนื่อง แต่ให้ระวังแรงขายทำกำไรที่จะมีสลับออกมาเป็นระยะ เพราะราคาหุ้นปรับขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว และยังต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯที่มีผลชี้นำการลงทุน
แนะกลยุทธ์ นักลงทุนระยะยาวและกลางให้ชะลอการลงทุน ส่วนระยะสั้นแนะเทรดดิ้งอย่างระมัดระวัง
ปิดท้าย "วิวัฒน์ เตชะพูลผล" หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ทิสโก้ ฟันธงหุ้นไทยระหว่าง 5 มิ.ย.-5 ก.ค.52 มีโอกาสทะยานขึ้นมาแตะระดับ 600-630 จุดได้ โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนนี้ หรืออย่างช้าไม่เกินกลางเดือน ก.ค. มีลุ้น 630 จุด แม้จะมีความผันผวนระหว่างทาง โดยให้กรอบแนวรับไว้ที่ 570 จุด
และหากดัชนีขึ้นมาได้ที่ 600-630 จุด แนะให้ขาย ล้างพอร์ต และถือเงินสด เพราะต่างชาติจะต้องขายหุ้นออกมา ซึ่งจะได้กำไรถึง 2 เด้งคือ กำไรจากราคาหุ้นและกำไรจากเงินบาทที่
แข็งค่า
ยังแนะให้นักลงทุนกลับเข้าไปซื้อหุ้นคืนที่แนวรับบริเวณ 570 จุดและ 550 จุด
โดยมีหุ้นที่น่าสนใจคือ PTT, PTTCH, KBANK, BAY, QH, LH, AP, AMATA, ITD, ADVANC ,DTAC, BEC และ BECL โดยให้จุดตัดขาดทุนที่ระดับดัชนีต่ำกว่า 540 จุด!!
โดย Mboy เวลา 09:03 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ตลาดหุ้นไทย
หุ้นไทยปิดพุ่ง 1.95% - บล. เคทีซีมิโก้แนะเล่นตามน้ำ
หุ้นไทยปิดพุ่ง 1.95% - บล. เคทีซีมิโก้แนะเล่นตามน้ำ |
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า แม้ว่าในวันนี้จะไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา แต่ก็ยังมีการเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และอสังหาริมทัรพย์อย่างต่อเนื่อง และในการซื้อขายภาคบ่ายก็มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานด้วย ส่งผลให้ดัชนีฟื้นตัวกลับมาในทิศทางบวกได้อย่างชัดเจน ซึ่งทำให้นักลงทุนเริ่มมีการคาดหวังถึงการปรับเพิ่มขึ้นไปแตะที่ระดับ 600 จุดอีกครั้ง บล. เคมีซีมิโก้แนะนำว่า กลยุทธ์การลงทุนที่ดีที่สุดในขณะนี้ ควรเป็นการ “เล่นตามน้ำ” หรือลงทุนตามภาวะตลาด เนื่องจากราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้อีก โดยยังมีการลงทุนในหุ้นสลับกันไปมา จึงยังสามารถลงทุนต่อไปได้หรือไม่ควรรีบขายออกมาอย่างเดียว สำหรับหุ้นกลุ่มที่ควรพิจารณาในขณะนี้ คือ กลุ่มหลักทรัพย์ จากปริมาณการซื้อขายหุ้นในขณะนี้ที่เกือบ 3 หมื่นล้านบาทต่อวัน ซึ่งหากยังมีปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เข้ามาในระดับนี้ก็อาจเลือกลงทุนได้ รวมถึงหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างด้วยเช่นกัน เนื่องจากภาครัฐยังเตรียมเข็นโครงการลงทุนใหม่ ๆ ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ดัชนีหุ้นไทยในวันนี้ ปิดเพิ่มขึ้น 11.35 จุด หรือ 1.95% มาอยู่ที่ 593.60 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ 29,641.61 ล้านบาท - นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 118.95 ล้านบาท - นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 522.70 ล้านบาท - นักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 403.75 ล้านบาท |
โดย Mboy เวลา 09:02 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ตลาดหุ้นไทย