09 กันยายน 2552

ทะลุ 700 แล้วจ้า!!

ทะลุ 700 แล้วจ้า!!

ดัชนีวันนี้ปิดที่ 703.09 จุด เพิ่มขึ้น 7.50 จุด ระหว่างขึ้นทะยานขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 710 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 36,680 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 3,898.75 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด นำโดย PTT ปิดที่ 264 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท, PTTEP ปิดที่ 147.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท, TOP ปิดที่ 47 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท, PTTAR ปิดที่ 26.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท และ BANPU ปิดที่ 422 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง มองแนวโน้มตลาดระยะสั้น มีโอกาสฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง เพราะคาดการณ์ทิศทางของราคาน้ำมันมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังพบว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน ช่วยผลักดันดัชนีทะยานแรง
แต่การปรับตัวขึ้นที่ร้อนแรงของตลาด ทำให้นักลงทุนต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรที่จะสลับออกมาได้ตลอดทั้งวัน เพราะดัชนีที่เดินหน้าปรับขึ้นมานี้ ทำให้นักลงทุนมีกำไรพอสมควรแล้ว โดยเฉพาะการซื้อขายในวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ จึงอาจทำให้นักลงทุนบางส่วนแบ่งหุ้นออกมาขายทำกำไร

แนะกลยุทธ์ ให้รอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ด้านเทคนิค ประเมินแนวต้านดัชนีไว้ที่ 710 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 700-698 จุด

ปิดท้าย "มนตรี ศรไพศาล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็งระบุว่า ขณะนี้ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นของนักลงทุนค่อนข้างดี ทำให้เซนติเมนต์ของการลงทุนอยู่ในบรรยากาศที่ดี ขณะที่นักลงทุนหลายคนกลัวตกขบวนรถ จึงเข้ามาตะลุยผสมโรงไล่ซื้อหุ้น เป็นผลให้มูลค่าการซื้อขายพุ่งขึ้นถึง 4 หมื่นล้านบาทต่อวัน

ปัจจัยที่มีผลต่อดัชนีขณะนี้มี 2 ประเด็นหลักคือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่เห็นว่าเสถียรภาพการเมืองดีขึ้น ส่วนประเด็นเศรษฐกิจโลก ก็มีทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา กิมเอ็งได้ปรับเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้จากติดลบ 4% เหลือติดลบ 3.5% เท่านั้น

และปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีปีนี้เป็น 750 จุด จาก 700 จุด!!


อินเด็กซ์ 51


ลดพอร์ตบ้าง เมื่อเข้าใกล้ 700

ลดพอร์ตบ้าง เมื่อเข้าใกล้ 700


สภาพตลาดวันวาน
ภาคเช้า : การเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นในภูมิภาค และการกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้งของนักลงทุนต่างชาติ หนุนให้มีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลักเข้ามาต่อเนื่องจากวันก่อน ทำให้ดัชนีเปิดเพิ่มขึ้นกว่า 5 จุด ก่อนที่จะมีแรงขายทำกำไร กดดันให้ดัชนีอ่อนตัวลงบ้าง โดยลดลงไปต่ำสุดที่ระดับ 683.62 จุด


จากนั้นจึงมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มหลัก โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน และธนาคาร กลับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หนุนให้ดัชนีแกว่งขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 690 จุด ได้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี หลังจากนั้นจึงมีการขายทำกำไรออกมาบ้าง แต่ก็มีแรงรับซื้อเป็นระยะๆ หนุนให้ดัชนีแกว่งตัวแคบๆ บริเวณ 686-689 จุด เกือบตลอด 1 ชั่วโมงครึ่งสุดท้าย โดยหุ้น 3 ธนาคารใหญ่ที่ขึ้น XD เป็นวันแรก ก็ยังมีราคาเพิ่มขึ้นจากวันก่อน และดัชนีได้ปิดภาคเช้าที่ 688.95 จุด เพิ่มขึ้น 6.38 จุด โดยมีปริมาณซื้อขายหนาแน่นถึง 2 หมื่นล้านบาท

ภาคบ่าย : การเพิ่มขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าและราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า ประกอบกับข่าวการควบรวมกิจการของบริษัทในกลุ่ม PTT หนุนให้มีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีเปิดภาคบ่ายเพิ่มขึ้นเกือบ 2 จุด และสามารถแกว่งตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 696 จุด ก่อนที่จะอ่อนตัวลงจากแรงขายทำกำไรในช่วง 30 นาทีสุดท้ายของการซื้อขาย จนมาปิดตลาดที่ 691.73 จุด เพิ่มขึ้น 9.16 จุด (+1.34%) โดยมีปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 4.3 หมื่นล้านบาท สูงที่สุดในรอบกว่า 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. 2550 เป็นต้นมา ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิต่อเนื่อง


แนวโน้มตลาด : ขึ้นอยู่กับผลกระทบจากปัจจัยสำคัญ ต่อไปนี้

1.ทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ การดีดขึ้นต่อเนื่องจนทำระดับสูงสุดในรอบปีของตลาดหุ้นเอเชียหลายแห่ง คงจะส่งผลบวกต่อทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดแกนนำด้วยเช่นกัน แม้ว่าอาจไม่หนุนต่อตลาดหุ้นสหรัฐได้เต็มที่นัก เนื่องจากนักลงทุนในสหรัฐอาจจะรอดูสัญญาณเศรษฐกิจจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงกลางสัปดาห์ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะประกาศในช่วงปลายสัปดาห์ อาทิ ตัวเลขดุลการค้าเดือน ก.ค. และงบประมาณของรัฐบาลกลาง เดือน ส.ค. ซึ่งคาดว่าจะมีตัวเลขขาดดุลเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งอาจกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์ และการเก็งกำไรในตลาดการเงินที่เกี่ยวข้องบ้าง

2.ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า หลังจากเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ มาหลายวัน ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค. อาจจะแกว่งตัวผันผวนในกรอบที่กว้างขึ้น ตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้น ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งอาจหนุนให้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า โลหะมีค่า และสินค้าโภคภัณฑ์หลักๆ มีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบทำให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานแกว่งตัวผันผวนเพิ่มขึ้น

3.ปัจจัยภายในประเทศ ปัจจัยการเมืองในระยะสั้นมีแนวโน้มผ่อนคลายลง หลังจากนายกรัฐมนตรีมีการเคลื่อนไหวในลักษณะที่จะยอมให้การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในบางประเด็น รวมทั้งแนวทางการแก้ไขปัญหาในการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่สะดวกขึ้น หลังจาก ปปช. มีมติชี้มูลความผิดของ ผบ.ตร. คนปัจจุบัน ในขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากรัฐบาลเริ่มดำเนินการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง และเริ่มมีการคาดหวังในเชิงบวกต่อผลประกอบการไตรมาส 3/52 ของบริษัทจดทะเบียน ว่าธุรกิจหลักๆ จะยังคงมีผลประกอบการออกมาค่อนข้างน่าพอใจ ส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจต่อทิศทางของตลาดหุ้นไทยมากขึ้น

จากปัจจัยข้างต้น คาดว่าตลาดหุ้นวันนี้ มีแนวโน้มผันผวนบ้าง จากแรงขายทำกำไรในระยะสั้น โดยยังคงขึ้นอยู่กับทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า และทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวภายในกรอบแนวรับ 680-685 จุด กับแนวต้าน 695-700 จุด

กลยุทธ์ นักลงทุนระยะสั้น - ขายทำกำไร ลดพอร์ตลงบ้างที่แนวต้าน รอซื้อคืนปลายสัปดาห์
นักลงทุนระยะยาว - ถือต่อ หรือ Short Port บ้าง ที่บริเวณแนวต้าน

โกสินทร์ ศรีไพบูลย์


ราคาทองคำพุ่งทะลุ 1000 ดอลลาร์สหรัฐ

ราคาทองคำพุ่งทะลุ 1000 ดอลลาร์สหรัฐ


ลอนดอน - ผู้ค้าเผยว่า ราคาทองคำพุ่งทะลุ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ในการซื้อขายวันนี้ เป็นราคาสูงสุดในรอบ 18 เดือน เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าทำให้ความต้องการทองคำมากขึ้น

ราคาทองคำทะยานแตะออนซ์ละ 1,007.70 ดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอน เป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือน มี.ค. 2551 ซึ่งราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,032.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ราคาทองคำเคยพุ่งทะลุ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ มาแล้วเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อนราคาดิ่งลง

โดยราคาที่ถีบตัวสูงขึ้นวานนี้มาจากปัจจัยที่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ทำให้ทองคำมีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ถือเงินสกุลอื่น ส่งผลให้ความต้องการเพิ่มสูงขึ้น

สำนักข่าวไทย

ทองพุ่งทะลุ 1,000 ดอลลาร์

"ทองพุ่งทะลุ 1,000 ดอลลาร์ "

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศธนคารกรุงเทพรายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของค่าเงินประจำวันอังคารที่ 8 กันยายน 2552 ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลัก อาทิ ค่าเงินยูโร ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย หลังจากการประชุม รมว.คลังและผู้นำธนาคารกลางของกลุ่มประเทศจี-20 มีมติว่า จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ส่งผลให้นักลงทุนยังคงลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง อาทิ สินค้าโภคภัณฑ์และหุ้น



โดยวานนี้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปิดปรับตัวอยู่ในแดนบวก ขณะที่ราคาทองคำดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 1,000 ดอลลาร์/ออนซ์ สูงสุดที่ 1007.70 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ.หลังนักลงทุนเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อระลอกใหม่ ส่งผลให้คำสั่งซื้อทองในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยได้เพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัยของสหรัฐ อาทิ ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนกรกฎาคมจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ โดยตลาดคาดการณ์ว่า สหรัฐจะขาดดุลการค้า 2.735 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้นจาก 2.701 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน อีกทั้งการประชุมของ OPEC ในวันนี้ (9/9) เป็นอีกประเด็นที่ตลาดให้ความสนใจ โดยรัฐมนตรีว่าการน้ำมันส่งสัญญาณว่าโอเปกอาจคงกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมครั้งนี้

ด้านการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ค่าเงินบาทเปิดตลาดวันอังคาร (8/9) ที่ระดับ 34.04/05 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดวันจันทร์ (7/9) ที่ระดับ 34.04/05 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงบ่ายค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ทิศทางเดียวกับภูมิภาค หลังจากค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลงเทียบกับค่าเงินสกุลหลัก

ทั้งนี้ ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 34.03-34.0575 บาท/ดอลลาร์ และปิดตลาดที่ระดับ 34.03/04 บาท/ดอลลาร์



นักลงทุนแห่ลงทุนโวลุ่มสูงสุดในรอบสองปี

นักลงทุนแห่ลงทุนโวลุ่มสูงสุดในรอบสองปี

กรุงเทพฯ - รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดัชนีตลาดหุ้นไทยดีดตัวและยืนในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน ตามตลาดหุ้นเอเชียที่พุ่งขึ้น ระหว่างวันดัชนีทะยานขึ้นสูงสุดที่ระดับ 696.34 จุด ลดลงต่ำสุดที่ระดับ 683.62 จุด จนมาปิดตลาดที่ระดับ 691.73 จุด เพิ่มขึ้น 9.16 จุด หรือร้อยละ 1.34 ด้วยมูลค่าซื้อขายหนาแน่น 42,674.65 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 2 ปี จากวันที่ 24 ก.ค.50 มูลค่าซื้อขายอยู่ที่ 43,880.11 ล้านบาท

นอกจากนี้ดัชนีตลาดหุ้นยังปิดสูงสุดรอบ 1 ปีด้วย จาก 19 ส.ค.51 ปิดที่ระดับ 691.33 จุด ส่วนตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ปิดที่ระดับ 191.59 จุด ลดลง 0.12 จุด มูลค่าซื้อขาย 471.19 ล้านบาท


ด้านสัดส่วนการลงทุน แบ่งเป็นนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 5,433.62 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 4,177.67 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,255.95 ล้านบาท นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผอ.อาวุโส บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) มองว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นได้ต่อเนื่องจากวันก่อน ตามทิศทางตลาดเอเชียที่เพิ่มขึ้นเกือบทุกตลาด หลังเงินลงทุนต่างชาติยังไหลเข้าภูมิภาค เป็นผลจากตัวเลขเศรษฐกิจของแต่ละประเทศในเอเชียเริ่มกระเตื้องขึ้นชัดเจน อีกทั้งราคาน้ำมันดิบล่วงหน้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน และธนาคาร

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ ( 9 ก.ย.) มองว่า ดัชนีอาจแกว่งตัวผันผวนทั้งบวกและลบสลับกัน เนื่องจากช่วง 2 วันที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นแรง จึงอาจมีแรงขายทำกำไรออกมา บวกกับนักลงทุนยังกังวลกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะตัดสิน 44 ส.ส. ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานรัฐและหุ้นในกิจการสื่อ ว่าเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

ประเมินแนวรับที่ระดับ 680-683 จุด และแนวต้าน 697-700 จุด ด้านกลยุทธ์ เมื่อดัชนีแกว่งขึ้นแนะนำเทขายทำกำไร


สำนักข่าวไทย

แรงไม่เลิก!!

แรงไม่เลิก!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 8 ก.ย.52 ปิดที่ 691.73 จุด เพิ่มขึ้น 9.16 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 42,674.65 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 4,169 ล้านบาท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,253.70 ล้านบาท ขณะที่รายย่อยขายสุทธิ 5,422.75 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด นำโดย PTT ปิดที่ 253 บาท เพิ่มขึ้น 8 บาท, TOP ปิดที่ 45.75 บาท เพิ่มขึ้น 3 บาท, PTTEP ปิดที่ 143.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท, KBANK ปิดที่ 76.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาทและ PTTAR ปิดที่ 25.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.45 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส หุ้นไทยขึ้นแรงตามตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับตัวขึ้นแรงทั้งภูมิภาค ขณะที่กระแสเงินทุนไหลเข้ายังทะลักเข้ามาอย่างหนาแน่น เห็นได้จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ

ขณะที่ 4 หุ้นร้อนเครือ ปตท.ยังแรงไม่เลิก กับประเด็นการควบรวมกิจการ หนุนให้มีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้น TOP, IRPC, PTTAR และ PTTCH คึกคัก

มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นว่า ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ แต่เตือนว่าตลาดเริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้น หลังดัชนีปรับตัวขึ้นแรงและราคาหุ้นหลายตัวทะยานขึ้นมาเกินราคาเป้าหมาย ดังนั้นจึงต้องลงทุนด้วยความระมัดระวัง

ส่วนพวกคันไม้คันมืออยากเล่น แนะให้เลือกหุ้นที่มีข่าวหรือมีสตอร์รี่หนุนที่ยังมีโอกาสปรับขึ้นได้ ทั้งการควบรวมกลุ่ม ปตท. ขณะที่กลุ่มสื่อสารก็หนีไม่พ้นข่าวประมูลใบอนุญาต 3G แม้ช่วงสั้นอาจต้องระวังแรงขายทำกำไรหลังราคาขึ้นมาแรง แต่ก็น่าเล่นรอบได้ตามข่าว

กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น เล่นตามรอบ ขึ้นขาย-ลงซื้อ ขึ้นขาย โดยประเมินแนวต้านไว้ที่ 710-715 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 690 จุด

ปิดท้าย มีข่าวโกลด์แมนแซคส์ประเมินเศรษฐกิจเอเชียส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน โดยข้อมูลเศรษฐกิจแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจเอเชียขยายตัวมากกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณการไว้

และขณะนี้ ธนาคารกลางทั้งหมดของประเทศในเอเชียได้หยุดการลดอัตราดอกเบี้ยลงแล้ว และอาจพิจารณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในต้นปีหน้า

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและธนาคารกลางจากกลุ่มจี 20 ได้ร่วมแถลงว่า ธนาคารกลางทั่วเอเชียอาจยังไม่ยกเลิกการใช้นโยบายการคงอัตราดอกเบี้ย

ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

และการอัดฉีดงบมากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ฯก่อนที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างแท้จริง!!


อินเด็กซ์ 51


Template by - Abdul Munir | Blogging4