22 มิถุนายน 2552

วันจันทร์หุ้นยืน600ไปต่อได้

วันจันทร์หุ้นยืน600ไปต่อได้

โพสต์ทูเดย์ — นักลงทุนยิ้มออกมาได้แล้ว เมื่อเห็นตลาดหุ้นไทยพุ่งขึ้นแรงในวันสุดท้ายของสัปดาห์

แถมดัชนียังปิดที่จุดสูงสุดของวันที่ 588.98 จุด บวก 18.55 จุด คิดเป็น 3.25% แม้มูลค่าซื้อขายจะเบาบางไปสักหน่อย 16,298 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติที่ทิ้งหุ้นหนักๆมาหลายวันก็กลับมามียอดซิ้อวุทธิ 494 ล้านบาท ทำให้เกิดความหวังว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไม่ได้กลับทิศเป็นขาลงอย่างที่กังวลกัน และทิศทางในสัปดาห์หน้าจะดีขึ้นกว่าสัปดาห์นี้ หลังจากนักลงทุนบาดเจ็บหนักกับดัชนีหุ้นที่ดิ่งลงแรงกว่า 9.24% หรือ 58.12 จุด ระหว่างวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา



นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการส่วนวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงขาลงเรียบร้อยแล้ว แต่จะยกเลิกหรือปรับตัวลงต่อเนื่องในสัปดาห์หน้าจะต้องติดตามดูกันต่อไป

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาดัชนีพุ่งพรวดมากว่า 200 จุด จากระดับ 430 จุดขึ้นไปสูงสุด 628 จุด และสัปดาห์นี้เพิ่งจะลงไปต่ำสุดที่ 566 จุด ถ้าสัปดาห์หน้ารีบาวด์ไม่เกิน 1 ใน 3 หรือไม่เกิน 23 จุด ตลาดก็จะมีโอกาสลงต่อ ซึ่งภาวะตลาดหุ้นแบบนี้ต้องทำใจว่าเมื่อตลาดหุ้นรีบาวด์จะปรับตัวขึ้นได้น้อยกว่าการปรับตัวลง

นอกจากนี้ นักลงทุนไม่ต้องประหลาดใจที่เห็นดัชนีตลาดหุ้นไทยขึ้นหรือลงแรงกว่าตลาดหุ้นในเอเชีย เห็นได้จากวานนี้ ตลาดหุ้นไทยพุ่งกว่า 3% ส่วนเพื่อนบ้านบวกไม่ถึง 1% ยกเว้นอินโดนีเซียที่บวก 2% เศษ เพราะปรับตัวลงมามาก เนื่องจากโครงสร้างตลาดหุ้นไทยมีหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ถึง 2 ใน 3

“วันจันทร์ที่จะถึงนี้ดัชนีจะต้องซื้อขายเหนือ 600 จุดให้ได้ ถ้าหากยืนไม่อยู่ตลาดก็อาจจะกลับเป็นขาลงต่อเนื่อง แต่ไม่ควรจะลงต่ำกว่า 540 จุด ซึ่งมีนัยสำคัญ ทั้งนี้คิดเป็นประมาณ 100 จุด จากจุดสูงสุดของปีนี้ 638 จุด”

สำหรับปัจจัยที่จะต้องจับตามองเป็นพิเศษ นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า นักลงทุนจะต้องดูภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศและราคาน้ำมันดิบ ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา เบรนต์ทะเลเหนือเคลื่อนไหวระหว่าง 68-71 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนต่างเพียง 3 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งนับว่าน้อย หากสัปดาห์นี้สูงกว่า 72-73 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ก็จะมีผลดีต่อตลาดหุ้นไทย ตามน้ำหนักหุ้นกลุ่มพลังงานถึง 35%

“ถ้าราคาน้ำมันปรับตัวลงต่ำกว่า 68 เหรียญสหรัฐ ก็มีโอกาสลงไปแถวๆ 60-70 เหรียญสหรัฐ แต่ถ้าสูงกว่า 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ก็น่าจะปรับตัวขึ้นถึง 75-78 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นผลดีต่อหุ้นไทย”

นอกจากนี้ จะต้องดูตัวเลขการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติด้วย ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีแรงขายหนักๆ ออกมาหลายวัน เพิ่งจะกลับมาซื้อในวันศุกร์ ถ้าหากสัปดาห์หน้ายังขายหุ้นสุทธิต่อ หุ้นก็จะปรับตัวลงได้

ดังนั้นสภาพที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาสูงกว่าปัจจัยพื้นฐานของปีนี้แล้ว จึงแนะนำให้นักลงทุนขายหุ้นออกและรอดูสถานการณ์ให้ชัดเจนเสียก่อนถึงจะเข้าไปลงทุน

ด้านน.ส.นฤมล อาจอำนวยวิภาส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า สัปดาห์นี้มูลค่าการยืมหุ้นไปขายก่อน (ขายชอร์ต) ค่อนข้างทรงตัว ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวมากนัก ทั้งที่ดัชนีหุ้นลดลงค่อนข้างแรง สาเหตุเพราะขณะนี้ใกล้จะสิ้นเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ครบอายุของ SET 50 Index Futures ทำให้นักลงทุนที่เคยมาทำการอาบิทาจตัวดัชนี SET 50 ด้วยการยืมไปชอร์ตเซล ขณะเดียวกันได้เปิดสัญญาลอง (ซื้อ) ในฟิวเจอร์สไว้ จำเป็นต้องปิดสถานะในสัญญาฟิวเจอร์ส และซื้อหุ้นในกระดานมาคืนหุ้นที่ได้ยืมไว้

ดังนั้นช่วงที่เหลือของเดือนมิ.ย.นี้ ก่อนสัญญาฟิวเจอร์สจะครบอายุและเริ่มใหม่ในเดือนก.ค. อาจเห็นภาพมีการซื้อหุ้นขนาดใหญ่เพื่อมาคืนหุ้น

ปัจจุบันมูลค่าการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (ธุรกิจแอสบีแอล) ผ่านบริษัทมีประมาณ 2,000-2,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงต้นปีอยู่ที่ประมาณ 1,600 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มผู้ลงทุนที่มายืมหุ้นนั้นมีทั้งนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ แม้แต่ผู้ลงทุนรายย่อยก็เพิ่มจำนวนการยืมเพิ่มขึ้น เพราะโบรกเกอร์หลายแห่งได้แนะนำการลงทุนที่หลากหลาย โดยเฉพาะปัจจุบันตลาดทุนไทยมีสินค้าหลายตัวอ้างอิงกับดัชนี SET 50 ทำให้นักลงทุนสามารถอาบิทาจได้หลากหลายขึ้น




พรุ่งนี้เปิดซองรถไฟฟ้าสัญญาที่ 3

พรุ่งนี้เปิดซองรถไฟฟ้าสัญญาที่ 3
คมนาคมตบเกียร์5โปรเจ็กต์รถไฟฟ้า




ร.ฟ.ท.จ้างเอกชน 70 ล้านบาท รื้อ 1,236 ครัวเรือน เคลียร์พื้นที่ก่อสร้างตอกหมุดรถไฟสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ก่อนส่งมอบให้ผู้รับเหมา ฟาก รฟม.เตรียมเปิดซองสายสีม่วง สัญญาที่ 3 วงเงิน 5,962 ล้านบาท 23 มิ.ย.นี้ จับตา "พาวเวอร์ไลน์-แอสคอนฯ-รวมนครฯ" มาแรง



นายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ร.ฟ.ท.กำลังประกาศทีโออาร์ว่าจ้างผู้รับเหมารื้อย้ายอาคารสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินของผู้บุกรุกออกจากพื้นที่ตามแนวเส้นทางโครงการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กิโลเมตร จำนวน 12 ชุมชน 1,236 ครัวเรือน วงเงิน 71,043,600 บาท โดยผู้รับจ้างต้องรื้อย้ายให้แล้วเสร็จภายใน 15 เดือน และต้องรับประกันผลงานไม่ให้มีผู้บุกรุกกลับเข้ามาในพื้นที่โครงการได้อีก ภายใน 365 วัน นับจากวันตรวจรับผลงานงวดสุดท้าย

โครงการนี้ ร.ฟ.ท.จะต้องเคลียร์พื้นที่ให้ผู้รับเหมาอย่างน้อย 80-90% ซึ่งในระหว่างรอการรื้อย้ายจะประกาศประกวดราคาก่อสร้างไปพร้อมๆ กันด้วย คาดว่าจะดำเนินการได้ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า

ส่วนความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ ระยะทาง 23 กิโลเมตร ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) วันที่ 23 มิถุนายนนี้จะเปิดซองราคา สัญญาที่ 3 งานก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดรถ 4 แห่ง วงเงิน 5,962 ล้านบาท

มีผู้รับเหมาเสนอราคา 5 ราย ประกอบด้วย

1.บมจ.อิตาเลียนไทย
2.กลุ่มกิจการร่วมค้า CKTC (ช.การช่าง-โตคิว)
3.บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น
4.กลุ่มบริษัททาเกนากะและบริษัทฤทธา
5.กลุ่มกิจการร่วมค้า PAR (พาวเวอร์ไลน์-แอสคอนคอนสตรัคชั่น-รวมนครก่อสร้าง)

ซึ่งกลุ่มพาวเวอร์ไลน์-แอสคอนฯ ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นตัวเต็ง




เศรษฐกิจโลกใกล้ฟื้น

ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ เศรษฐกิจโลกใกล้ฟื้น

โพสต์ทูเดย์ — ไอเอ็มเอฟตอบรับเสัญญาณบวก เล็งปรับตัวเลขเศรษฐกิจปีหน้า

จอห์น ลิปสกี รองผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่า อาจมีการปรับตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้า เนื่องจากภาวะชะลอตัวเริ่มอ่อนแรงลง คาดว่าในปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อย โดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ลิปสกี เตือนว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประกาศชัยชนะเหนือวิกฤตเศรษฐกิจโลก เนื่องจากระบบการเงินยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ และเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะถดถอย และเสี่ยงกับภาวะไร้เสถียรภาพ แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดจะบ่งชี้ถึงแนวโน้มด้านบวกก็ตาม

ด้านตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐล่าสุดตอกย้ำถึงแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะหลุดพ้นจากภาวะถดถอย หลังตัวเลขคนว่างงานที่รับสวัสดิการจากรัฐประจำสัปดาห์ปรับลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค. และลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2544 ขณะที่ดัชนีภาคการผลิตปรับขึ้นมามากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2546 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สหรัฐเพิ่งฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยคราวที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหนุนให้ตลาดหุ้นเอเชียเกือบทั้งหมดเทเข้าสู่แดนบวก หลังจากติดอยู่ในแดนลบเกือบตลอดทั้งสัปดาห์ โดยดัชนีนิกเกอิของญี่ปุ่นบวกขึ้นมา 82.54 จุด ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงปรับขึ้นมา 144.27 จุด และดัชนีสเตรตไทม์ของสิงคโปร์บวก 35.98 จุด



จอร์จ โซรอสเชื่อทั่วโลกผ่านวิกฤตการเงิน

จอร์จ โซรอสเชื่อทั่วโลกผ่านวิกฤตการเงินเลวร้ายสุดไปแล้ว
22 มิถุนายน 2552

จอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังระดับโลก แสดงความเห็นว่า วิกฤตการณ์การเงินที่เลวร้ายที่สุดของโลกได้สิ้นสุดลงแล้ว พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกออกกฎข้อบังคับระหว่างประเทศฉบับใหม่เพื่อรักษานโยบายการเปิดตลาด


นายจอร์จ โซรอส



"ผมยอมรับว่าวิกฤตการณ์การเงินรอบนี้จะรุนแรงที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา แต่ผมก็เชื่อมั่นว่าเราได้ผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว สิ่งที่เราควรจะทำในเวลานี้คือรัฐบาลทั่วโลกต้องใช้กฎข้อบังคับระหว่างประเทศฉบับใหม่เพื่อรักษานโยบายการเปิดตลาด เพราะหากปราศจากกฏข้อบังคับเหล่านี้แล้วการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นช้ามากและอาจกระทบทั้งระบบ" โซรอสกล่าวให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ TVN24 ของโปแลนด์

นอกจากนี้ โซรอสกล่าวว่า จีนซึ่งมีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง เพราะจีนแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์การเงินโลก สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน



อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช
ภาพ เนชั่น


สำนักข่าวอินโฟเควสท์

คอลัมน์ เกาะติดตลาดหุ้น-เงิน

คอลัมน์ เกาะติดตลาดหุ้น-เงิน

- ตลาดหุ้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวลงแรงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังมีความวิตกตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเดือน มิ.ย. กลับมามีแนวโน้มถดถอยอีกครั้ง ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกไม่ฟื้นตัวเร็วอย่างที่คาด ทำให้ดัชนีวันแรกปิด 611.92 จุด ลดลง 16.63 จุด มูลค่าการซื้อขาย 23,094.02 ล้านบาท


- กลางสัปดาห์ ตลาดปรับตัวลงต่อเนื่องจากข่าวลบเอสแอนด์พีลดอันดับเครดิตเรตติ้งของสถาบันการเงินในอเมริกา 18 แห่ง กดดัชนีปิดที่ 586.14 จุด ลดลง 10.40 จุด มูลค่าการซื้อขาย 19,755.67 ล้านบาท ท้ายสัปดาห์ ตลาดหุ้นกลับมาบวกหลังมีแรงขายทำกำไร ดัชนีปิดที่ 588.98 จุด เพิ่มขึ้น 18.55 จุด มูลค่าการซื้อขาย 16,172.22 ล้านบาท

- สัปดาห์นี้ บล.กสิกรไทยคาดตลาดหุ้นยังปรับตัวลง จากความเสี่ยงการปฏิรูปสถาบันการเงินในอเมริกา มีแนวรับ 570 จุด แนวต้าน 600 จุด

- ความเคลื่อนไหวค่าเงินบาทสัปดาห์ที่ผ่านมา เปิดตลาด 34.14/16 บาท/ดอลลาร์ จากนั้นอ่อนค่าลงตามการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ หลังนักลงทุนเริ่มเข้าถือครองดอลลาร์ และเปลี่ยนมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐสู่ความระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ช่วงกลางสัปดาห์เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นที่ 34.06 จนปิดตลาดที่ 34.11/13

- สัปดาห์นี้ สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย คาดเงินบาทเคลื่อนไหวที่ 34.00/30 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งยังคงถูกชี้นำจากการแกว่งตัวของเงินดอลลาร์ จับตาการประชุมเฟดวันที่ 24 มิ.ย.นี้ ที่คาดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0-0.25%



Template by - Abdul Munir | Blogging4