15 กรกฎาคม 2552

หุ้นไทยปิดบวก 2.70%

หุ้นไทยปิดบวก 2.70% บล.
ฟาร์อีสท์แนะเก็งกำไรระยะสั้นไว้รอขายที่ 586 จุด


นายจักรกริช เจริญเมธาชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในวันนี้ปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากหลังร่วงลงอย่างหนักกว่าตลาด หุ้นอื่นในภูมิภาคตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในวันนี้เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมดีขึ้น

สำหรับผลประกอบการของสถาบันการเงินสหรัฐฯ ที่ยังมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบไตรมาส 1/52 นั้น จะทำให้ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับลดลงได้ แต่ก็อาจดีดตัวขึ้นได้บ้างในช่วงที่มีแรงขายมากเกินไป ขณะที่ตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวไปตามปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก

นายจักรกริชกล่าวว่า ที่ผ่านมามีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มถ่านหิน เหล็ก สำรวจและผลิต และเดินเรือ อย่างชัดเจน แต่เนื่องจากกระแสเงินทุนที่เริ่มไหลรวดเร็ว จะทำให้มีแรงเทขายออกมาทันทีหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตลอดจนผลประกอบการสถาบันการเงินและภาคอุตสาหกรรมที่แท้จริง (Real Sector) ออกมาแย่เกินคาด เนื่องจากตลาดหุ้นในขณะนี้มีการซื้อขายกันที่ P/E สูงถึง 16 เท่า และเมื่อเทียบกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะลดลงไปอีก 2 ไตรมาส ทำให้ยังไม่น่าสนใจเข้าลงทุนระยะยาว แต่เหมาะกับการเก็งกำไรแทน

ทั้งนี้ บล. ฟาร์อีส์แนะนำให้ลงทุนหุ้นธนาคารกสิกรไทย ( KBANK) และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เพราะเชื่อว่าสินเชื่อจะยังขยายตัวได้ดี ประกอบกับการตั้งสำรองที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในกลุ่ม เดียวกัน ทำให้ราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้

สำหรับแนวทางการลงทุนหุ้นพลังงานในขณะนี้ ควรเป็นการลงทุนระยะกลาง หรือเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในอนาคตยังปรับเพิ่มขึ้นได้ ทำให้ยังมีปัจจัยเข้ามาหนุนผลประกอบการกลุ่มพลังงานต้นน้ำ เช่น บมจ. บ้านปู (BANPU) และ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ขณะที่ยังควรหลีกเลี่ยงพลังงานปลายน้ำ เช่น ปิโตรเคมี เพราะยังมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ชะลอตัว และปริมาณการผลิตใหม่จากตะวันออกกลางและจีนที่เข้ามามากด้วย

บล. ฟาร์อีสท์ยังแนะนำให้เพิ่มพอร์ตการลงทุนในระยะสั้น และทยอยทำกำไรออกมาในช่วงที่ดัชนีขึ้นไปแตะที่ระดับ 586 จุด โดยควรนำปัจจัยต่างประเทศเข้ามาประกอบด้วย


ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปิดเพิ่มขึ้น 15.20 จุด หรือ 2.70% มาอยู่ที่ 577.75 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ 14,135.56 ล้านบาท
- นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 925.96 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 54.95 ล้านบาท
- นักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 980.91 ล้านบาท




หุ้น BAY!!

หุ้น BAY!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 14 ก.ค. 52 ปิดที่ 577.75 จุด บวก 15.20 จุด มี มูลค่าซื้อขาย 14,135.56 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 60.13 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก มองแนวโน้มตลาดว่า ยังขึ้นอยู่กับตลาดต่างประเทศเป็นหลัก แต่เตือนให้นักลงทุนระวังแรงขายทำกำไรหลังราคาหุ้นเด้งขึ้นแรง ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 570 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 575-582 จุด

มีรายงานข่าวบนเว็บไซต์บลูมเบิร์กระบุว่า บีเอ็นพีพาริบาส์คาดว่า ตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียจะเข้าสู่ช่วงปรับฐานในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยคาดว่า ตลาดหุ้นอินโดนีเซียจะปรับลงแรงที่สุด รองลงมาเป็นฟิลิปปินส์และจีน

โดยนับแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นมา ดัชนีเอ็มเอสซีไอภูมิภาคเอเชียไม่รวมญี่ปุ่นได้ลดลงมาแล้ว 7.7% แต่ยังคงเพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งลดลงไปถึง 54%

บทวิเคราะห์ของบีเอ็นพีระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียเริ่มปรับฐาน เป็นผลจากนักลงทุนหวั่นเกรงว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะเกิดขึ้นล่าช้า กว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนที่เพิ่มขึ้น, การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2

ปิดท้ายหุ้น BAY ซื้อขายอยู่ใน Top 10 หลังหลายสำนักวิเคราะห์ปรับคำแนะนำ โดยเกียรตินาคินแนะนำเป็น "ถือ" จากเดิมแนะ "ขายทำกำไร" ให้ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นจาก 10.50 บาท เป็น 14.70 บาท

ขณะที่ก่อนหน้านี้ บล.ยูไนเต็ดแนะซื้อ ให้ราคาเป้าหมายปี 52 ที่ 17.50 บาท ส่วน บล.ดีบีเอสวิคเคอร์สแนะซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 17.80 บาท ล่าสุด BAY ปิดที่ 15 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท

แถมให้!! หุ้นใหม่บริษัทเสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) ที่จะเปิดให้จองซื้อวันที่ 16-17 และ 20 ก.ค.นี้ บล.กิมเอ็งในฐานะที่ปรึกษาการเงิน มั่นใจว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน แถมคุยว่าเป็นหุ้นมีปัจจัยพื้นฐานรองรับ และเตรียมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้ผู้ถือหุ้นวันที่ 1 ต.ค. ขณะที่ ราคาจองที่ 1.98 บาท ให้ส่วนลดจากราคาที่นักวิเคราะห์ให้ไว้ถึง 30%

คุยดีนัก อย่าให้ "เหนือจอง" แค่วันแรกที่เข้าเทรดเหมือนหุ้น พื้นฐานดีอย่าง JMART นะจ๊ะ!!



อินเด็กซ์ 51


Template by - Abdul Munir | Blogging4