14 พฤษภาคม 2552

ฝรั่งดันต่อ!!





ฝรั่งดันต่อ!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 13 พ.ค. 52 ปิดที่ 552.71 จุด เพิ่มขึ้น 8.17 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 33,856.90 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,627.96 ล้านบาท

บล.ทรีนีตี้มองแนวโน้มระยะสั้นคาดว่า ดัชนีจะปรับตัวขึ้นได้อีกแต่คงไม่มาก เพราะมีความเสี่ยงจากการขายทำกำไรของนักลงทุนที่เข้ามาซื้อช่วงแรกซึ่งมีกำไรพอสมควรแล้ว ขณะที่เงินทุนที่ไหลเข้าอาจไหลออกได้ทุกเมื่อหากมีปัจจัยลบเข้ามากระทบ

แนะนักลงทุนซื้อหุ้นพื้นฐานดีและมีสตอรี่หรือมีข่าวดีหนุน โดย เฉพาะหุ้น PTTAR ที่ไตรมาส 1/52 มีกำไรสุทธิพุ่ง 1,742.49 ล้านบาท และคาดว่าไตรมาส 2 จะมีผลกำไรดีขึ้นอีก

บล.พัฒนสินมองดัชนีมีโอกาสบวกได้ต่อ โดยหุ้นพลังงานยังเป็นพระเอก รวมทั้งคาดว่า กนง.จะประกาศลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% แนะกลยุทธ์ให้เทรดดิ้งหุ้นกลุ่มรับเหมา, ปิโตรเคมี และสถาบันการเงิน

ปิดท้าย งานเสวนา "หุ้นขึ้นเหนือ 500 จุด...ขาขึ้นจริงหรือ" อาภาภรณ์ แสวงพรรค จาก ดีบีเอส วิคเคอร์สชี้ว่า ดัชนีมีโอกาสพักฐานมาที่ 500 จุด แม้ทิศทางตลาดจะดี มีเงินไหลเข้า แต่มีความเสี่ยงว่าระยะใกล้ๆนี้ต่างชาติอาจดึงเงินกลับไปใช้ในการเพิ่มทุนสถาบันการเงินของสหรัฐฯที่ผลการทดสอบ Stress test ประเมินว่าจะต้องใช้เงินในการเพิ่มทุนประมาณ 7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งการระดมทุนน่าจะเกิดขึ้น 1-2 เดือนข้างหน้า

จึงเป็นข้อกังวลว่าเงินทุนต่างชาติอาจถูกดึงกลับซึ่งถือเป็นความเสี่ยงของหุ้นไทย ขณะที่ดัชนีหุ้นปรับตัวขึ้นมามากถึง 150 จุดแล้วทำให้โอกาสการปรับขึ้นของดัชนีมีน้อยกว่าการปรับลง ดังนั้นหากผู้ลงทุนมีหุ้นในมือ แนะให้ทยอยขาย

ด้าน "อภิสิทธิ์ ลิมป์ธำรงกุล" จาก บล.เกียรตินาคินระบุว่า ช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ หุ้นไทยอาจปรับฐานลงมาที่ 500-510 จุด หรือลดลงมา 30-40 จุดจากปัจจุบัน จึงแนะให้ทยอยขาย และมากำหนดกลยุทธ์การลงทุนอีกครั้งในช่วงที่ดัชนีลงมาที่ 500 จุด.


อินเด็กซ์ 51

ดัชนีหุ้นไทยพุ่งเกินคาด

บล. เคทีซีมิโก้ชี้ดัชนีหุ้นไทยพุ่งเกินคาด
แต่ยังสามารถเก็งกำไรได้

นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในช่วงนี้มีทิศทางการเคลื่อนไหวที่น่าประหลาดใจ เนื่องจากก่อนหน้านี้คาดว่าเมื่อดัชนีปรับเพิ่มขึ้นมาแตะที่ระดับ 550 จุด ก็น่าจะมีแรงเทขายทำกำไรออกมาหรือมีการปรับฐานแล้ว

วานนี้แม้ว่าดัชนีจะย่อตัวลงเล็กน้อย แต่ก็ยังมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่มีแรงซื้อกลับเข้ามาอีกครั้งจากกระแสคาดการณ์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงการคาดหวังว่าจะมีเม็ดเงินต่างชาติกลับเข้ามาอีก ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วควรเป็นจังหวะเวลาที่จะขาย เพราะราคาหุ้นหลายตัวขึ้นมาสูงและไม่ได้ถูกอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีหุ้นไทยยังสามารถยืนเหนือระดับ 550 จุดได้ ก็น่าจะมีแนวต้านถัดไปที่ 570 จุด

นายเจริญแนะนำว่า ในช่วงนี้ไม่ได้เป็นจังหวะในการเข้าลงทุนของนักลงทุนระยะยาว แต่เป็นตลาดที่เหมาะกับการเก็งกำไร (Trading) ซึ่งควรเล่นตามน้ำหรือไม่ฝืนตลาด และต้องกล้าตัดขาดทุนหากราคาหุ้นไม่เป็นไปตามคาด


ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปิดที่ 552.71 จุด เพิ่มขึ้น 8.17 จุด หรือ 1.50% ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ 33,856.90 ล้านบาท

- นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 964.20 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 1,625.86 ล้านบาท

- นักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 661.66 ล้านบาท




-Money Channel โดยวาสิฏฐี อนุกูล Email: wasittee@set.or.th


ไฟเขียวคลังกู้เวิล์ดแบงก์พันล.เหรียญฟื้นศก.

ไฟเขียวคลังกู้เวิล์ดแบงก์พันล.เหรียญฟื้นศก.


ครม.ไฟเขียวคลังกู้เงินธนาคารโลก 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ฟื้นเศรษฐกิจและพัฒนาฐานราก

นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินจากธนาคารโลก 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หลังจากได้เคยอนุมัติในหลักการให้กู้เงินจาก ธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือไจก้า วงเงิน 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 72,000 ล้านบาท หลังจากนี้ให้นำร่างสัญญาเงินกู้เสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา โดยเงินดังกล่าวมีระยะเวลา 20 ปี ปลอดหนี้ 8 ปี ปรับดอกเบี้ยทุก 6 เดือน อ้างอิงจากดอกเบี้ยลอยตัวสกุลเงินสหรัฐ เฉลี่ย 15 ปี ที่ร้อยละ 3.55


นอกจากนี้ อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยต่อสัญญาเงินกู้วงเงิน 800 ล้านบาทกับธนาคารกรุงไทย ออกไปอีก 1 ปี โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน เพราะคาดว่าการรถไฟฯ จะขาดทุนในปีนี้ 11,536 ล้านบาท จึงต้องการให้มีเงินสำรองใช้หมุนเวียนในองค์กร


Template by - Abdul Munir | Blogging4