03 มีนาคม 2552

ปฏิทินหุ้น 3 มี.ค. 2552

มีนาคม 2552

  • 2 มี.ค.-3 เม.ย. SPALI เสนอซื้อ 60,000,000 หุ้น หุ้นละ 2.12 บาท

มีนาคม 2552

3 มี.ค. 2552

  • HMPRO ลูกหุ้นเข้า 17,682 หุ้น
  • LVT ลูกหุ้นเข้า 93,058,116 หุ้น
  • PTTCH XD หุ้นละ 1.00 บาท (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.51)
  • SPF XD หุ้นละ 0.1784 บาท (รอบ 1 ต.ค.-31 ธ.ค.51)
  • SYNEX XD หุ้นละ 0.12 บาท (รอบ 1 เม.ย.-31 ธ.ค.51)

4 มี.ค.2552

  • KEST ลูกหุ้นเข้า 1,264,900 หุ้น
  • TPOLY หลักทรัพย์ใหม่ 360,000,000 หุ้น หมวดMAI Sector
  • TMT XD หุ้นละ 1.00 บาท (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.51)
  • KK-W3 XE 1 : 1.13362 @ 12.35 บาท

5 มี.ค.2552

  • DRT XD หุ้นละ 0.10 บาท (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.51)
  • EGCO XD หุ้นละ 2.50 บาท (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.51)
  • KSL XD หุ้นละ 0.22 บาท
  • MAKRO XD หุ้นละ 2.50 บาท (รอบ 1 ต.ค.-31 ธ.ค.51)
  • MSC XD หุ้นละ 0.20 บาท (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.51)
  • PTT XD หุ้นละ 2.00 บาท
  • PTTAR XD หุ้นละ 0.50 บาท (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.51)
  • TLUXE XD หุ้นละ 0.10 บาท (รอบ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.51)

6 มี.ค.2552

  • BROCK XD หุ้นละ 0.045 บาท (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.51)
  • BSEC XD หุ้นละ 0.082 บาท (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.51)
  • IT XD หุ้นละ 0.24 บาท (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.51)
  • JCP XD หุ้นละ 0.60 บาท (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.51)
  • SVH XD หุ้นละ 1.00 บาท (รอบ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.51)
  • QHPF จ่ายปันผล หุ้นละ 0.21 บาท (รอบ 1 ต.ค.-31 ธ.ค.51)

World Markets

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปีเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) หลังจากบริษัทประกันยักษ์ใหญ่ ของอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (เอไอจี) เปิดเผยตัวเลขขาดทุนไตรมาส 4 เป็นวงเงินสูงถึง 6.17 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับภาคการเงินและภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งความกังวลดังกล่าวได้ฉุดดาวโจนส์ดิ่งหลุดจากระดับ 7,000 จุด
  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 299.64 จุด หรือ 4.24% แตะที่ 6,763.29 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปีหรือนับตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.ปีพ.ศ.2540 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 34.27 จุด หรือ 4.66% แตะที่ 700.82 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วง 54.99 จุด หรือ 3.99% แตะที่ 1,322.85 จุด
  • -- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4 ดอลลาร์ หรือกว่า 10% เมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยในระดับที่ลึกขึ้น โดยเฉพาะเมื่อกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4 ที่หดตัวลงอย่างรุนแรง และบริษัทประกันยักษ์ใหญ่ อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (เอไอจี) เปิดเผยตัวเลขขาดทุนไตรมาส 4 เป็นวงเงินสูงถึง 6.17 หมื่นล้านดอลลาร์
  • สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 4.61 ดอลลาร์ ปิดที่ 40.15 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 42.45-40.15 ดอลลาร์
  • -- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆของโลก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์อย่างคึกคักเพราะมองว่าเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่ตลาดหุ้นทั่วโลกทรุดตัวลง ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตการณ์การเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก
  • ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ระดับ 97.310 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 97.520 เยน/ดอลลาร์ และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินฟรังค์สวิสที่ 1.1758 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1706 ฟรังค์/ดอลลาร์
  • ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.2569 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.2668 ดอลลาร์/ยูโร และเงินปอนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 1.4045 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.4309 ดอลลาร์/ปอนด์
  • -- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 7,000 จุด จึงทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน
  • สัญญาทองคำตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 940.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 2.50 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 959.50-931.60 ดอลลาร์
  • -- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปีเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ธนาคาร HSBC เตรียมระดมทุนเพิ่ม และจากข่าวการขาดทุนนับหมื่นล้านดอลลาร์ของบริษัทประกันยักษ์ใหญ่ อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (AIG) ซึ่งข่าวดังกล่าวกดดันให้นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มการเงิน
  • ดัชนี FTSE 100 ปิดดิ่งลง 204.26 จุด แตะ 3,625.83 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,625.83-3,830.09 จุด

ที่มา : IQ เศรษฐกิจ 03/03/2009 09:04:23

Perfect Storm-Perfect Stock



โลกในมุมมองของ Value Investor : Perfect Storm-Perfect Stock

ข่าวร้ายในตลาดสำหรับคนเล่นหุ้นแล้ว มันคือเวลาของการขายหุ้น ยิ่งร้ายเท่าไรก็ต้องรีบขายเร็วเท่านั้น ผลของการขายทำให้ราคาหุ้นที่เจอกับข่าวร้ายตกลงมาอย่างหนัก หลายๆ ครั้งหนักเกินความเป็นจริง และนั่นคือโอกาสของนักลงทุนระยะยาวที่จะเข้ามาเก็บหุ้น

ประเด็นสำคัญ คือ คุณจะต้องมั่นใจจริงๆ ว่า ข่าวร้ายนั้น เป็นเรื่องชั่วคราว มันไม่ได้ทำให้พื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนไป และไม่ช้าก็เร็วบริษัทก็จะสามารถกลับมาทำกำไรได้อย่างที่มันเคยเป็น และด้วยราคาหุ้นที่ตกลงมามาก การลงทุนจะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะไม่เกิน 3-5 ปีข้างหน้า

ข่าวร้ายในตลาดที่ส่งผลต่อหุ้นอย่างแรง อาจแบ่งได้เป็น 3 แบบด้วยกันคือ

หนึ่ง ข่าวร้ายจากภาพรวมของเศรษฐกิจ หรือตลาด ข่าวนี้ทำให้ตลาดเกิด Panic หรือตกใจ เกิดการขายหุ้นทั่วทั้งตลาด สิ่งนี้มักจะเกิดขึ้นจากภาวะการเงินหรือเศรษฐกิจที่ขาดความสมดุลอย่างแรง เช่น เกิดภาวะเงินตึงตัว เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสูง หรือการที่เศรษฐกิจตกต่ำอย่างแรงอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้

ข่าวร้ายประเภทนี้ มักทำให้หุ้นเกือบทั้งหมดตกลง แม้ว่าหุ้นบางตัว หรือบางกลุ่ม อาจจะไม่ได้รับผลกระทบจริงหรือถูกกระทบน้อย หน้าที่ของ Value Investor ก็คือ มองหาหุ้นที่ถูกกระทบน้อยแต่ราคาหุ้นตกลงมามากพอๆ กับดัชนีตลาดที่ประมาณ 50% นับตั้งแต่เกิดวิกฤติ

ข่าวร้ายแบบที่สอง ก็คือ ข่าวร้ายที่เกิดขึ้นกับธุรกิจ หรืออุตสาหกรรม ความตกต่ำ หรือถดถอยของอุตสาหกรรมทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นในกลุ่มทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่แข็งแกร่ง หรืออ่อนแอ แต่เมื่อเวลาผ่านไป บริษัทที่แข็งแกร่งจะฟื้นตัวกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม ในขณะที่บริษัทที่อ่อนแอจะล้มหายตายจาก หรือลดระดับของการดำเนินงานลง กระบวนการนี้ อาจจะใช้เวลาบ้างขึ้นอยู่กับแต่ละอุตสาหกรรม หน้าที่ของเรา คือ ต้องวิเคราะห์ว่า อุตสาหกรรมจะใช้เวลาเท่าไรที่จะฟื้นตัว แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า ก็คือ ต้องหาว่าบริษัทไหนจะถูกกระทบน้อย และกลับมายิ่งใหญ่และทำกำไรได้มากแค่ไหน เมื่ออุตสาหกรรมฟื้นตัว

ข่าวร้ายแบบสุดท้าย ก็คือ ข่าวร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวบริษัทเอง นี่คือข่าวร้ายที่เกิดขึ้นเฉพาะตัวบริษัทเองที่อาจจะทำอะไรบางอย่างผิดพลาดอย่างร้ายแรง หรือถูกกระทบโดยความโชคร้าย แต่ความผิดพลาดนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งเดียวและเป็นเรื่องชั่วคราวที่บริษัทน่าจะแก้ไขได้ เมื่อเกิดเรื่องขึ้น นักลงทุนมักจะเทขายหุ้นกันอย่างหนักทำให้ราคาหุ้นตกลงมามาก อย่างที่ "ไม่เคยปรากฏ" มาก่อน

หน้าที่ของ VI ก็คือ พิจารณาว่า เหตุการณ์นั้น ไม่ได้กระทบกับธุรกิจหลักของบริษัท ที่ยังสามารถทำกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง เมื่อเหตุการณ์ชั่วคราวผ่านพ้นไป หรือบริษัทได้แก้ไขไปแล้ว และราคาหุ้นที่ตกลงมานั้น จะทำให้การลงทุนของเราให้ผลตอบแทนสูงในช่วงเวลา 3-5 ปีข้างหน้า นั่นก็คือ อย่างน้อยถ้าเราซื้อหุ้นแล้วถือไว้ 5 ปี ราคาหุ้นน่าจะปรับขึ้นไปหนึ่งเท่าตัวจากราคาที่เราซื้อ

หุ้นที่เราจะซื้อนั้น ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด เราต้องมั่นใจว่ามันจะต้อง "ฝ่าวิกฤติ" ไปได้ไม่ว่าจะด้วยอะไร เช่น เป็นบริษัทที่มีฐานะทางการเงินดีมีเงินสดมาก และมีหนี้น้อย เป็นกิจการที่จำเป็นและมีผู้ให้บริการที่จำกัด เป็นกิจการที่มีผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่งสนับสนุนอย่างหุ้นรัฐวิสาหกิจบางแห่ง หรือแม้แต่เป็นกิจการที่ "ใหญ่เกินไปที่จะล้ม" นี่จะเป็นเครื่องค้ำประกันว่า เหตุร้ายแรงที่อาจจะดำเนินไปหลายปีนั้น ไม่ทำให้บริษัทต้องล้มละลายไปก่อนที่สถานการณ์จะฟื้นตัว

บางที สำหรับบางบริษัท ข่าวร้ายนั้นเกิดเป็นชุดอย่างต่อเนื่องพร้อมกัน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่อย่างในปัจจุบันนั้น โอกาสที่บริษัทจะเจอ "2 เด้ง" คือ ภาวะตลาดแพนิค และภาวะอุตสาหกรรมตกต่ำเกิดขึ้นพร้อมกันมีสูง บางครั้งซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก บางบริษัทอาจจะเจอกับข่าวร้ายทั้งด้านของภาวะตลาดหุ้น ภาวะอุตสาหกรรม และบริษัทเองก็เจอกับข่าวร้ายเฉพาะตัวเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน

ถ้าจะพูดให้เห็นภาพ ก็คือ บริษัทประสบกับ "Perfect Storm" ความร้ายแรงประดังกันเข้ามาอย่างที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้โดยบังเอิญขนาดนั้น

หุ้นที่ประสบกับข่าวร้ายมาก ๆ หลายเรื่องหรือทุกเรื่องอย่างหุ้น Perfect Storm นั้น ราคาหุ้นจะตกลงไปมากจนแทบจะไม่เหลือค่าเมื่อเทียบกับขนาดของธุรกิจ หุ้นเหล่านี้ส่วนใหญ่อาจจะไม่น่าสนใจ โดยเฉพาะถ้าเราไม่มั่นใจว่ามันจะไปรอดหรือไม่ หรือรอดได้แต่ก็ไม่กลับมาเป็นอย่างเดิม หรือรอดและกลับมาทำกำไรได้ แต่ต้องมีการเพิ่มทุนมหาศาล ซึ่งทำลายมูลค่าหรือความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้นเดิมไปหมด ถ้าเป็นแบบนั้น การลงทุนในหุ้น Perfect Storm ก็จะเป็นความเสี่ยงมหาศาล

ตรงกันข้าม ถ้าเราเจอหุ้น Perfect Storm และราคาหุ้นสะท้อนข่าวนั้นแล้ว โดยที่ราคาตกลงไปต่ำกว่าที่เคยเป็นในภาวะปกติมาก ในขณะเดียวกัน พื้นฐานของกิจการของบริษัทไม่เปลี่ยน และเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทางการตลาดมาก ประกอบกับความเชื่อมั่นว่า บริษัทจะไม่ล้มละลายและไม่ต้องเพิ่มทุนมหาศาล และสุดท้าย เราเชื่อว่าข่าวร้ายทุกอย่าง จะต้องหมดไปเมื่อเวลาผ่านไป 3-5 ปี และเมื่อนั้นกิจการของบริษัทก็จะกลับมาเหมือนเดิมก่อนที่ข่าวร้ายจะเกิดขึ้น ในสถานการณ์แบบนี้

การลงทุนในหุ้น Perfect Storm อาจจะเป็นโอกาสยิ่งใหญ่ ที่จะได้ผลตอบแทนสูงกว่าปกติและหุ้นนั้นกลายเป็น "Perfect Stock" หรือเป็นโอกาสทองของการลงทุนในหุ้นตัวนั้น

แน่นอน การลงทุนในหุ้นที่มีข่าวร้ายมากๆ ย่อมมีความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะในระยะสั้นเพียงปี หรือสองปี คนที่สามารถลงทุนในหุ้นแบบนี้ จะต้องมีจิตใจที่มั่นคงมาก นั่นคือ จะต้องทนดูหุ้นที่อาจจะตกลงไปต่ออีกมากได้ หรือต้องสามารถถือหุ้นที่อาจจะไม่ได้ผลตอบแทนเป็นเวลานานพร้อมๆ กับผลการดำเนินงาน ที่อาจจะไม่น่าประทับใจของบริษัท และถ้าทนไม่ได้ขายหุ้นทิ้งก่อนที่หุ้นจะฟื้น การขาดทุนจะกลายเป็นเรื่อง "ฝันร้าย" ที่จะต้องจดจำไปอีกนาน แต่ถ้าคิดถูกต้อง และมีจิตใจที่เข้มแข็งพอ นี่คือ Perfect Stock ที่เราจะไม่ลืมเลย

ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

Template by - Abdul Munir | Blogging4