19 พฤษภาคม 2552

สายสีม่วง สัญญา1กว่า1.4หมื่นล.

ลุ้นบอร์ดรฟม.รับราคา สายสีม่วง สัญญา1กว่า1.4หมื่นล.




โดยสัปดาห์หน้าบอร์ดจะประชุมเพื่อพิจารณา พร้อมพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับ "ชูเกียรติ โพธยานุวัตร" นั่งเก้าอี้ผู้ว่าการ รฟม.คนใหม่หลังมีการปรับลดคุณสมบัติผู้บริหารสูงสุด..

วานนี้ (18 พ.ค.) นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวง ในฐานะประธานคณะกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้าคณะกรรมการ รฟม.จะประชุมเพื่อพิจารณาวาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ สัญญาที่ 1 หรือโครงสร้างยกระดับตะวันออกจากเตาปูน-สะพานพระนั่งเกล้า ระยะทาง 12 กม. ซึ่งได้ข้อสรุปราคาก่อสร้างที่ 14,965 ล้านบาท แต่เนื่องจากมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความเหมาะสมของราคาค่าก่อสร้าง จึงได้มอบหมายให้ผู้บริหาร รฟม.จัดทำรายละเอียดโดยการแจกแจงค่าก่อสร้างในแต่ละรายการ เพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาอีกครั้ง

นายสุพจน์ กล่าวต่อว่า สำหรับรายการค่าก่อสร้างที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ เช่น ค่าเค ค่ารื้อย้ายสาธารณูปโภค ซึ่งที่ผ่านมาได้เจรจากับผู้รับเหมาให้ปรับลดราคาค่าก่อสร้าง เนื่องจากราคาวัสดุก่อสร้าง และราคาน้ำมันในปัจจุบันลดลงจากช่วงที่ประกวดราคา ซึ่งในขณะนั้นผู้รับเหมาก่อสร้าง คือ กลุ่มซีเคทีซี จอยท์เวนเจอร์ ที่มีบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำ ได้เสนอราคาครั้งแรกที่ 16,724.50 ล้านบาท

"ส่วนตัวต้องการให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงเดินหน้าโดยเร็ว เพราะที่ผ่านมามีปัญหาล่าช้ามาก และยังต้องเปิดซองราคาสัญญาก่อสร้างอีก 2 สัญญา หรือหากต้องประกวดราคาใหม่ก็จะยิ่งทำให้การดำเนินโครงการล่าช้า และยังไม่ชัดเจนว่าราคาค่าก่อสร้างจะปรับเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่" อธิบดีกรมทางหลวงกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนั้น ที่ประชุมยังจะมีการพิจารณาวาระการคัดเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ รฟม. ซึ่งคณะกรรมการสรรหาฯ จะเสนอรายชื่อบุคคลที่ผ่านการคัดเลือกให้คณะกรรมการพิจารณา หากคณะกรรมการเห็นชอบตามที่คณะกรรมการสรรหาฯ เสนอก็จะได้เจรจาเรื่องเงินเดือนและสวัสดิการต่างๆ และลงนามว่าจ้างต่อไป

อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาความเหมาะสมนั้น คงต้องพิจารณารายละเอียดของขั้นตอนการสรรหาด้วย เนื่องจากมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขคุณสมบัติของผู้สมัคร และกังวลว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งยืนยันว่าคณะกรรมการจะพิจารณาด้วยความรอบคอบ และมีเหตุผล สามารถชี้แจงต่อสาธารณะชนได้

ทั้งนี้ ผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุดในการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ รฟม. คือ นายชูเกียรติ โพธยานุวัตร รองผู้ว่าการ รฟม. ซึ่งเป็นบุคคลที่สมัครรอบ 2 ซึ่งมีการปรับลดคุณสมบัติกรณีที่ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด หรือรองผู้บริหารสูงสุดไม่น้อยกว่า 1 ปี เป็นไม่กำหนดการดำรงตำแหน่ง



ดาวโจนส์ปิดเพิ่มกว่า 235 จุด

หุ้นอสังหาฯ ดันดาวโจนส์ปิดเพิ่มกว่า 235 จุด

นิวยอร์ก 19 พ.ค.-ผลประกอบการน่าพอใจของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์
ช่วยให้ดัชนีหุ้นสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่า 235 จุด

ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีพุ่งขึ้นหลังนักลงทุนพอใจรายงานผลประกอบการ
ไตรมาสแรกของโลเว คอส เครือบริษัทพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ที่ออกมาเป็นไปตามเป้า
ทำให้เชื่อว่าสถานการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ในเร็ว ๆ นี้

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.42 พันล้านหุ้น
มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2,722 ต่อ 361
ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.02 พันล้านหุ้น

เจมส์ ค็อกซ์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Harris Financial Group กล่าวว่า
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัท โลว์ส คอส
และหลังจากนายจอห์น ลิพสกี้ รองผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะเริ่มขยายตัวขึ้นในปีหน้า
แต่คาดว่าจะเป็นการขยายตัวในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
ซึ่งดีกว่าการถดถอยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ผลประกอบการที่สดใสของโลว์ส คอส ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านดีดตัวขึ้น
และแรงซื้อส่งเข้าหนุนตลาดหนาแน่นขึ้นเมื่อสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งสหรัฐ
รายงานว่า ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง
ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นในการซื้อบ้าน
ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีห้นกลุ่มสร้างบ้านพุ่งขึ้น 7.4%
และหุ้นโลว์ส คอส ปิดบวก 6.6%
หุ้นเบเซอร์ โฮมส์ ยูเอสเอ ปิดบวก 20%
และหุ้นเลนนาร์ คอร์ป พุ่งขึ้น 13.7%

สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) เปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านในสหรัฐ
พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนในเดือนพ.ค. ซึ่งสนับสนุนมุมมองที่ว่าภาวะตกต่ำของ
ตลาดบ้านที่ดำเนินมา 3 ปีอาจใกล้สิ้นสุดลง
โดยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยของ NAHB/เวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้นสู่ระดับ 16จุด ในเดือนพ.ค.
จากระดับ 14 จุด ในเดือนเม.ย. ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าตลาดการเงินจะฟื้นตัวขึ้นเร็วๆนี้
โดยหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ปิดพุ่ง 9.9%
หุ้นสเตท สตรีท ปิดบวก 8.5%

ดัชนี S&P หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.1% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ปิดบวก 2%
หุ้นโคโนโคฟิลลิป ปิดบวก 3.6%
หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่ง 2.69 ดอลลาร์ หรือ 4.8%
แตะที่ 59.03 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.เป็นต้นมา

ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์พุ่งขึ้น 3.7%
หลังจากนักวิเคราะห์แสดงความคิดเห็นในด้านบวกต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์
โดยหุ้นควอลคอมม์ อิงค์ ปิดบวก 3.1%
และหุ้นไอบีเอ็มปิดบวก 3.2%

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 2.69 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ระดับ 59.03 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 8,504.08 จุด เพิ่มขึ้น 235.44 จุด หรือ 2.85%
ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 1,732.36 จุด เพิ่มขึ้น 52.22 จุด หรือ 3.11%
ดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 909.71 จุด เพิ่มขึ้น 26.83 จุด หรือ 3.04%

ด้านตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป
ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ 4,446.45 จุด เพิ่มขึ้น 98.34 จุด หรือ 2.26%
ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 4,851.96 จุด ปรับขึ้น 114.46 จุด หรือ 2.42%
และดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 3,245.39 จุด เพิ่มขึ้น 76.34 จุด หรือ 2.41%

ส่วนราคาน้ำมันดิบแหล่งเบรนต์ ตลาดลอนดอน
ปิดที่ 58.47 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.47 ดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก
ปิดที่ 921.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ลดลง 9.60 ดอลลาร์สหรัฐ
จากราคาปิดเมื่อวันศุกร์ ที่ 930.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

ผิดหวัง ปตท.!!



ผิดหวัง ปตท.!!

ดัชนีหุ้นวานนี้ปิดที่ 540.22 จุด เพิ่มขึ้น 6.30 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 18,648.73 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 199.94 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็งชี้หุ้นไทยผันผวนหนัก โดยภาคเช้าปรับตัวลงแรงก่อนจะพลิกกลับมาปรับตัวขึ้นได้ในช่วงท้ายตลาด โดยหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีถูกแรงขายออกมาทันทีที่ ปตท. หรือ PTT แจ้งผลกำไรไตรมาส 1 ออกมา มีกำไร 7.45 พันล้านบาท ลดลง 71.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะมีกำไรประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งผลการดำเนินงานของทุกส่วนธุรกิจชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ

มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นว่า มีโอกาสบวกได้ต่อเพราะพบว่าเงินทุนน่าจะยังคงไหลเข้า รวมทั้งนักลงทุนสถาบันในประเทศก็ยังเข้ามาซื้อ แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ selective buy หรือเลือกซื้อหุ้นพื้นฐานดีรายตัวที่ยังพอมี Gap ที่จะทำกำไรได้ รวมทั้งหุ้นที่มีข่าวมีเรื่องราวสตอรี่ประกอบ

โดยแนะหุ้นพื้นฐาน เช่น KBANK, SCC, BBL และ CPF ด้านเทคนิคประเมินแนวรับดัชนีไว้ที่ 522 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 540-555 จุด

บล.ฟินันซ่ายังมองตลาดสัปดาห์นี้ยังอยู่ในช่วงของการปรับฐานเช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากปัจจัยบวกของเศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่ชัดเจน ส่วนการเลื่อน พ.ร.ก.กู้เงินฉุกเฉินวงเงิน 4 แสนล้านบาท ถือว่ามีผลต่อบรรยากาศการลงทุน เพราะสะท้อนว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจจะล่าช้าออกไปอีก

แนะกลยุทธ์ นักลงทุนระยะสั้นให้เทขายหากดัชนีดีดขึ้น และเข้าซื้อเมื่อดัชนีปรับตัวลง ส่วนนักลงทุนระยะยาวแนะเลือกซื้อหุ้นที่มีพื้นฐานดี

โฟกัสหุ้น PTT บล.กิมเอ็งปรับลดคำแนะนำเป็น "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" จากเดิม "ซื้อลงทุน" ลดราคาเหมาะสมลงเป็น 227 บาท จากเดิม 232 บาท จากความผิดหวังผลประกอบการไตรมาส 1 ที่ออกมา


แถมอีกตัว ITD ที่เห็นมูลค่าซื้อขายคึกคัก บล.ไอร่าแนะเก็งกำไรจากก่อนหน้านี้ให้ "ทยอยสะสม" โดยกำไรไตรมาส 1 ดีขึ้นแต่ไม่โดดเด่น ปัจจัยหนุนคือการเปิดประมูลโครงการต่างๆ ให้ราคาเหมาะสม 2.94 บาท ส่วน บล.ยูไนเต็ดแนะ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 3.30 บาท ขณะที่กิมเอ็งแนะ "ขาย" ให้เป้าหมาย 2.87 บาท ด้านเอเซียพลัสลดคำแนะนำเป็น "ถือ" จาก "ซื้อ".

อินเด็กซ์ 51


Template by - Abdul Munir | Blogging4