18 มีนาคม 2552

ทองคำปิดลบ 5.20 ดอลล์

แรงขายฉุดทองคำปิดลบ 5.20 ดอลล์

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างต่อเนื่องเมื่อคืนนี้ (17 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำและแห่เข้าเทรดในตลาดหุ้นและตลาดน้ำมัน นิวยอร์ก หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสร้างใหม่ที่พุ่งขึ้นเหนือความคาดหมาย

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 916.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 5.20 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 912.40-925.30 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดที่ 12.670 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 22.00 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 2.3 เซนต์ ปิดที่ 1.7240 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนสัญญาพลาตินัมเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,051.80 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 2.40 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.ปิดที่ 197.85 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 2.40 ดอลลาร์

จอร์จ เจโร นักวิเคราะห์จาก RBC Capital Markets Global Futures ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำและเข้าเทรดในตลาดหุ้นและตลาดน้ำมันนิวยอร์ก หลังจากกระทรวงพาณิชย์รายงานว่าตัวเลขการสร้างบ้านใหม่พุ่งขึ้น 22.2% แตะระดับ 583,000 ยูนิตในเดือนก.พ. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการสร้างบ้านใหม่จะร่วงลง 3.4% เหลือเพียง 450,000 ยูนิต

"ตัวเลขสร้างบ้านที่แข็งแกร่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมี เสถียรภาพมากขึ้น และจะทำให้ผู้บริโภคมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะทำให้ดีมานด์พลังงานเพิ่มขึ้นด้วย" เจโรกล่าว




ข่าวห้องค้า 18 มี.ค.52

ข่าวห้องค้า


ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ปันผล
บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 16 มี.ค.2552 มีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2551 ในอัตราหุ้นละ 15.29 บาท รวมเป็นเงิน 275.22 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทจ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 7.55 บาท รวมเป็นเงิน 135.90 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2551 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายอีกในอัตราหุ้นละ 7.74 บาท รวมเป็นเงิน 139.32 ล้านบาท กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 พ.ค.2552 และปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 9 เม.ย.2552

อมรินทร์ปันผลหุ้นละ 0.80 บาท
บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 16 มี.ค.2552 มีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2551 ในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 160 ล้านบาท โดยจ่ายแก่ผู้ถือหุ้นเฉพาะผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามข้อบังคับของ บริษัท ตามที่ปรากฏรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 4 พ.ค.2552 และปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันที่ 6 พ.ค.2552 โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 11 พ.ค.2552

Amethyst ซื้อหุ้นทรีนีตี้
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า ได้รับแบบรายงานการได้มาซึ่งหุ้นบริษัททรีนีตี้ วัฒนา โดย Amethyst Holdings LImited เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2552 จำนวน 0.031% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ทำให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น 15.017% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด

Capital Research ซื้อหุ้น บผฟ.
สำนักงาน ก.ล.ต.แจ้งว่า ได้รับแบบรายงานการได้มาซึ่งหุ้นบริษัทผลิตไฟฟ้า (บผฟ.) โดย Capital Research And Management Company เมื่อวันที่ 12 มี.ค.2552 จำนวน 0.0076% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ทำให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น 5.0025% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด

ไทยเอ็นวีดีอาร์ซื้อหุ้นพรีเมียร์
สำนักงาน ก.ล.ต.แจ้งว่า ได้รับแบบรายงานการได้มาซึ่งหุ้นบริษัทพรีเมียร์เอ็นเตอร์ไพรซ์โดยบริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด เมื่อวันที่ 12 มี.ค.2552 จำนวน 0.11% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ทำให้หลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น 5.05% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด

เบน เตชะอุบล ซื้อหุ้นแอ๊ดคินซัน
สำนักงาน ก.ล.ต.แจ้งว่า ได้รับแบบรายงานการได้มาซึ่งหุ้น บล.แอ๊ดคินซัน โดย นาย เบน เตชะอุบล เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2552 จำนวน 0.4% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ทำให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น 5.12% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด

ลานนาปันผลเพิ่ม
บริษัท ลานนารีซอร์สเซส แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 16 มี.ค.2552 มีมติให้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท แต่โดยที่คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นแล้วเมื่อวันที่ 19 พ.ย.2551 ในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท จึงคงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายเพิ่มเติมให้ผู้ถือหุ้นอีกหุ้นละ 0.40 บาท โดยกำหนดจ่ายในวันที่ 26 พ.ค.2552

ปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจยังคงกดดัน

ปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจยังคงกดดัน เน้นลดพอร์ตลง


สภาพตลาดวันวาน

ภาคเช้า : การปรับฐานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และดัชนี BDI รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงตกต่ำลงต่อเนื่อง กดดันให้มีแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มขนส่งทางเรือออกมาบ้าง


ส่งผลให้ดัชนีลดลงจากวันก่อนเล็กน้อย โดยลดไปต่ำสุดที่บริเวณ 423.6 จุด (ลดลง 1 จุด) จากนั้นจึงมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานกลับเข้ามาเป็นระยะ ๆ หลังจากราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. กระเตื้องขึ้นไปยืนเหนือระดับ 47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้ง หนุนให้ดัชนีกระเตื้องขึ้นเป็นบวกได้ แต่ก็แกว่งในกรอบแคบบริเวณ 424-426 จุด เกือบตลอด 2 ชั่วโมงแรก จนเมื่อเข้าครึ่งชั่วโมงสุดท้าย จึงมีแรงซื้อหุ้นหลักในกลุ่มพลังงานและธนาคาร เข้ามาอีกรอบ หนุนให้ดัชนีผ่านแนวต้าน 426 จุดขึ้นไปได้ และปิดภาคเช้าที่ระดับ 427.64 จุด เพิ่มขึ้น 3 จุด

ภาคบ่าย : แรงขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานและธนาคาร ประกอบกับตลาดหุ้นยุโรปที่เปิดตลาดลดลง ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังจากขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 429 จุด โดยยังคงมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยจะส่งผลกระทบกับการส่งออกของ ประเทศในแถบเอเชีย ส่งผลให้ดัชนีแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 422-423 จุดในช่วง 1 ชั่วโมงสุดท้าย จนมาปิดตลาดที่ 422.32 จุด ลดลง 2.29 จุด (-0.54%) โดยมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็น 8.4 พันล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิเล็กน้อย


แนวโน้มตลาด : ขึ้นอยู่กับผลกระทบจากปัจจัยสำคัญ ต่อไปนี้

1.ทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังจากตลาดหุ้นต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ดีดตัวขึ้นค่อนข้างแรงในสัปดาห์ก่อน ตอบรับข่าวผลประกอบการมีกำไรในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ของธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ รวมทั้งแนวโน้มในเชิงบวกต่อการลดการพึ่งพาเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ สัปดาห์นี้ปัจจัยลบหลักเดิมๆ คือ การถดถอยของภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะกลับมากดดันทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐฯ อีกครั้ง รวมทั้งปัจจัยลบเพิ่มจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ย่ำแย่จากประเทศชั้นนำในเอเชีย อาทิ การดิ่งลงอย่างรุนแรงของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในเดือน ม.ค. ของจีน และการทรุดลงต่อเนื่องของยอดส่งออกในเดือน ก.พ. ของสิงคโปร์ แนวโน้มการปรับฐานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะกดดันทิศทางของตลาดหุ้นในเอเชียมากขึ้น

2.ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า สัปดาห์นี้ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้ามีแนวโน้มผันผวนพอสมควร เนื่องจาก Option ของสัญญาส่งมอบน้ำมันดิบ WTI เดือน เม.ย. ครบกำหนดในวันอังคารที่ผ่านมา ในขณะที่สัญญาส่งมอบน้ำมันดิบเดือน เม.ย. จะครบกำหนดส่งมอบในวันศุกร์นี้ แรงซื้อช่วงนี้จึงอาจมากกว่าปกติ อย่างไรก็ดีผลจากการตัดสินใจคงกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปคก็จะสร้างความ ผันผวนต่อราคาน้ำมันดิบล่วงหน้ามากขึ้น ในช่วงกลางสัปดาห์ รวมทั้งการคาดว่าปริมาณสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

3.ปัจจัยภายในประเทศ สัปดาห์นี้ปัจจัยการเมืองอาจจะยังค่อนข้างทรงตัว โดยยังไม่ชัดเจนว่าจะมีกำหนดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในระหว่างวันที่ 19-20 มี.ค. หรือ 26-27 มี.ค. ตามกำหนดเดิมของฝ่ายค้าน ในขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจเริ่มจะมีประเด็นที่ต้องติดตามมากขึ้น ไม่ว่าตัวเลขนำเข้า-ส่งออกของเดือน ก.พ. ที่คาดว่าจะลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำเข้าจะลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 40% ทำให้ดุลการค้าเดือน ก.พ. อาจมียอดเกินดุลเป็นจำนวนมากถึง 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ตัวเลขการขยายตัวของสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในเดือน ก.พ. มีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลกระทบให้ตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 1/52 คงจะหดตัวลงมากพอสมควร ซึ่งจะกดดันทิศทางตลาดหุ้นในช่วงนี้อยู่บ้าง

จากปัจจัยข้างต้น คาดว่าตลาดหุ้นวันนี้ มีแนวโน้มแกว่งลงต่อเนื่อง จากแรงกดดันจากปัจจัยเศรษฐกิจเป็นหลัก รวมทั้งความผันผวนจากตลาดหุ้นต่างประเทศ และราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวผันผวนระหว่างกรอบแนวรับ 414-416 จุด กับแนวต้าน 426-428 จุด

กลยุทธ์ นักลงทุนระยะสั้น - ทยอยลดพอร์ตลง ช่วงราคาหุ้นกระเตื้องขึ้น รอซื้อคืนปลายสัปดาห์ นักลงทุนระยะยาว - ถือเงินสด หรือ ทยอย Short Against Port หากดัชนีไม่ผ่านแนวต้าน

ดาวโจนส์พุ่งกว่า 180 จุด !!

ดาวโจนส์พุ่งกว่า 180 จุด !! นักลงทุนพอใจตัวเลขสร้างบ้าน-เงินเฟ้อ

นิวยอร์ก 18 มี.ค.-ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 180 จุด จากข้อมูลน่าพอใจเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและตลาดอสังหาริมทรัพย์

ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเกือบ 180 จุด โดยมีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นในหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินและอสังหาริมทรัพย์ หลังข้อมูลล่าสุดชี้ตัวเลขการสร้างบ้านใหม่ในเดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น สวนทางกับอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง

ขณะที่นักลงทุนคาดหวังว่า เฟดจะส่งสัญญาณที่ดีเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในอนาคต หลังเสร็จสิ้นการประชุมเป็นเวลา 2 วันในวันนี้

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.49 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.12 พันล้านหุ้น



แรนดี้ เบทแมน นักวิเคราะห์จาก Huntington Funds ในรัฐโอไฮโอ กล่าวว่า นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านและกลุ่มธนาคารอย่างคึกคัก หลังจากกระทรวงพาณิชย์รายงานว่าตัวเลขการสร้างบ้านใหม่พุ่งขึ้น 22.2% แตะระดับ 583,000 ยูนิตในเดือนก.พ. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการสร้างบ้านใหม่จะร่วงลง 3.4% เหลือเพียง 450,000 ยูนิต

ตัวเลขสร้างบ้านที่พุ่งขึ้นเหนือความคาดหมายนับเป็นข่าวดีล่าสุดที่หนุนตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากข่าวแบงค์ ออฟ อเมริกา, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และซิตี้กรุ๊ป สามารถทำกำไรได้ในเดือนม.ค.-ก.พ. ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความกังวลเรื่องปัญหาในภาคการธนาคาร

นอกจากนี้ นายปีเตอร์ แซนส์ ซีอีโอธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์รายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาด ระบุว่า ธนาคารมีผลประกอบการที่ "แข็งแกร่ง" ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ พร้อมยืนยันว่าไม่มีแผนปลดพนักงานและจะมุ่งเน้นสร้างการเติบโตในเชิงรุก ด้วยการเข้าซื้อกิจการธนาคารในเอเชียและตะวันออกกลาง และแสดงความเชื่อมั่นในสถานะเงินทุนของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด



ทั้งนี้ ข้อมูลสร้างบ้านที่สดใสช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านดีดตัวขึ้น โดยหุ้นพัลท์-โฮมส์ พุ่งขึ้น 6.7%
หุ้นเลนนาร์ คอร์ป ดีดขึ้น 8.7% หุ้นโทลล์ บราเธอร์ส พุ่งขึ้น 5.9% ส่วนหุ้นค้าปลีกเครื่องใช้ภายในบ้าน รวมถึงหุ้นโฮม ดีโปท์ และหุ้นโลว์ คอส พุ่งขึ้นกว่า 6%

หุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปพุ่งขึ้น 7.7%
หุ้นพีเอ็นซี ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส ดีดขึ้น 4.4%
และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ทะยานขึ้น 8.9%

ขณะที่ตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป
ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ 3,857.10 จุด ลดลง 6.89 จุด หรือ 0.18%
ดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 2,767.28 จุด ลดลง 24.38 จุด หรือ 0.87%
ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 3,987.77 จุด ลดลง 56.77 จุด หรือ 1.40%

ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ขยับขึ้น 1.78 ดอลลาร์สหรัฐ
ปิดที่ 48.24 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์
ปรับเพิ่ม 1.81 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ระดับ 49.16 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ด้านราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก (17 มี.ค.) ปิดที่ 916.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
ลดลง 5.20 ดอลลาร์สหรัฐ

ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 7,395.70 จุด เพิ่มขึ้น 178.73 จุด หรือ 2.48%
ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 1,462.11 จุด เพิ่มขึ้น 58.09 จุด หรือ 4.14%
และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 778.12 จุด เพิ่มขึ้น 24.23 จุด หรือ 3.21%

ที่มา:สำนักข่าวไทย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์

ลดความเสี่ยง!!

ลดความเสี่ยง!!
[18 มี.ค. 52 - 06:00]

ดัชนีหุ้นวันที่ 17 มี.ค. 52 ปิดที่ 422.32 จุด ลดลง 2.29 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 8,426.74 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2.43 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 147 บาท ลดลง 2 บาท, PTTEP ปิด 94 บาท ลดลง 1.50 บาท, PTTAR ปิด 8.70 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, TTA ปิด 12.60 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง และ KBANK ปิด 42.50 บาท ลดลง 0.75 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ไซรัสมองว่า ตลาดหุ้นผันผวนและเผชิญแรงขายทำกำไรลดความเสี่ยงก่อนการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มออกมาแย่

มองทิศทางหุ้นไทยระยะสั้นว่ามีความเสี่ยงต่อการปรับตัวลงเพราะความวิตกกังวล ต่อตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่น่าจะออกมาอ่อนแอรวมถึงตัวเลขส่งออกไทยเดือน ก.พ.ที่อาจติดลบต่อจากเดือน ม.ค.

ขณะที่การติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ประเมินว่าคงไม่ลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก เพราะระดับปัจจุบันอยู่ที่ 0-0.25% แล้ว และต้องติดตามข้อสรุปรายละเอียดมาตรการแก้ปัญหาหนี้เสียภาคธนาคารของรัฐบาล สหรัฐฯ ที่จะเป็นสัญญาณชี้นำทิศทางระบบการเงินโลก

แนะกลยุทธ์การลงทุนให้ขายและถือเงินสด

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ชี้ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ ยังกังวลกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ อาทิดัชนีราคาผู้ผลิต, ตัวเลขการสร้างบ้านใหม่ และจำนวนสวัสดิการคนว่างงาน ซึ่งหากออกมาย่ำแย่จะเป็นการตอกย้ำเศรษฐกิจที่ถดถอยลึก

มองแนวโน้มระยะสั้นว่า ช่วงนี้นักลงทุนส่วนใหญ่น่าจะชะลอการลงทุนเพื่อเลี่ยงความเสี่ยง แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ เก็งกำไรหุ้น STEC, CK ตามข่าวที่รัฐบาลเตรียมกำหนดกรอบวงเงิน 1.4 ล้านล้านบาท ใช้ในการก่อสร้างเมกะโปรเจกต์ ซึ่ง

ข่าวนี้จะส่งผลดีต่อบริษัทที่มีโอกาสได้รับงานของรัฐบาลในอนาคต.

อินเด็กซ์ 51

BEST bid / offer 5 ระดับ

ตลท. จะเปลี่ยน BEST bid / offer เป็น 5 ระดับ และ เปลี่ยนช่วงระดับราคาซื้อขาย(Spread) แบบใหม่ ตั้งแต่ 30 มีนาคมนี้



Template by - Abdul Munir | Blogging4