30 เมษายน 2552

WHOยกระดับ5เตือนภัยหวัดเม็กซิโก

WHOยกระดับ5เตือนภัยหวัดเม็กซิโก



วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552 07:06


ชื่อ:  ScreenHunter_770.gif ครั้ง: 389 ขนาด:  43.1 กิโลไบต์

หวัดเม็กซิโกตายพุ่ง160 WHO ยกระดับ5เตือนภัยแพร่อย่างน้อย 2 ประเทศ ติดจากคนสู่คน

นางมาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศหลังการประชุมฉุกเฉินของคณะนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดที่เกิดจากไข้หวัดใหญ่ ที่นครเจนีวา ของสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า ได้เพิ่มระดับการเตือนภัยไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกจากระดับ 4 เป็น 5 จากทั้งหมด 6 ระดับแล้ว บ่งชี้ว่าไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกใกล้จะเกิดการระบาดใหญ่ไปทั่วโลก ทั้งนี้ระดับ 5 หมายถึงไวรัสแพร่ไปอย่างน้อย 2 ประเทศ และกำลังเกิดการระบาดเพิ่มมากขึ้น ส่วนระดับ 6 หมายถึงระบาดเพิ่มมากขึ้นอย่างน้อย 2 ภูมิภาคของโลก และกำลังเกิดการระบาดไปทั่วโลก



การตัดสินใจของ WHO มีขึ้นขณะมีการยืนยันจำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากโรคนี้ 7 คน จากผู้เสียชีวิตที่ต้องสงสัยว่าเกิดจากโรคนี้ในเม็กซิโกรวม 159 คน และพบผู้เสียชีวิตนอกเม็กซิโกคนแรกเป็น เด็กชายชาวเม็กซิโกวัย 23 เดือน ซึ่งไปเสียชีวิตที่รัฐเท็กซัส ขณะเดียวกันก็มีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดโรคนี้ 19 คนจากผู้ป่วยต้องสงสัยรวมทั้งหมด 2,498 คนในเม็กซิโก ส่วนในประเทศมีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้ว 93 คนในสหรัฐฯ,16 คนที่แคนาดา, 14 คนที่นิวซีแลนด์, 5 คนที่อังกฤษ, 3 คนที่เยอรมนี, 10 คนที่สเปน, 2 คนที่อิสราเอล และ 1 คนที่ออสเตรีย

ผู้อำนวยการ WHO กล่าวว่า การเพิ่มระดับเตือนภัยไข้หวัดเม็กซิโกในครั้งนี้เป็นสัญญานเตือนรัฐบาลทั่วโลกให้เร่งดำเนินการสกัดกั้นการแพร่ระบาดอย่างเร่งด่วน และทุกประเทศควรดำเนินการพร้อมกันในทันที อย่างไรก็ตาม นางชานเชื่อว่ารัฐบาลทั่วโลกเคยมีประสบการณ์กับการแพร่ระบาดครั้งใหญ่มาแล้ว รวมถึงไข้หวัดนก จึงเชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ได้

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนลงความเห็นว่าเศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบจากไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกไม่น้อยไปกว่าเมื่อครั้งที่โรคซาร์สระบาดในปีพ.ศ.2546 โดยขณะนี้เม็กซิโกต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่ ล่าสุดนายอาร์ทูโร่ เมนดิคัทที ประธานหอการค้า บริการ และการท่องเที่ยวของเม็กซิโก ประเมินว่าการปิดโรงภาพยนตร์ งานสังคม ไนท์คลับ พิพิธภัณฑ์ต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก ทำให้กรุงเม็กซิโก ซิตี้ ได้รับความเสียหายมูลค่าอย่างน้อย 777 ล้านเปโซ หรือ 57 ล้านดอลลาร์ต่อวัน



ดาวโจนส์พุ่งกว่า 160 จุด

ดาวโจนส์พุ่งกว่า 160 จุด หลังเฟดระบุ ศก.สหรัฐชะลอตัวน้อยลง

นิวยอร์ก 30 เม.ย.-ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 160 จุด หลังเฟดระบุเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มที่จะผ่อนคลายลงแล้ว

ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีพุ่งขึ้นต่อเนื่อง หลังธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ออกแถลงการณ์ในการประชุมสองวันที่ระบุว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐโดยรวมจะยังคงชะลอตัว แต่ทิศทางถือว่าน้อยลงมากกว่าเมื่อเดือนที่แล้ว ชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น ประกอบกับนักลงทุนเลือกที่จะมองข้ามปัจจัยลบอย่างตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกของปีนี้ ที่ดิ่งลงถึง 6.1%

Fed Holds Steady On Interest Rates
NEW YORK - APRIL 29: Traders work on the floor of the New York Stock Exchange moments before the Federal Reserve announcement on interest rates April 29, 2009 in New York City. The Fed left the federal funds rate unchanged at at 0% to 0.25%.

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.48 พันล้านหุ้น
มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2,560 ต่อ 484
ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.40 พันล้านหุ้น

ริชาร์ด คลิปส์ นักวิเคราะห์จาก Stifel Nicolaus ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กคึกคักขึ้นทันทีหลังจากคณะกรรมการเฟดออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมเมื่อคืนนี้ว่า มีสัญญาณบ่งชี้บางอย่างที่บ่งชี้ว่าภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจอาจจะทุเลาลง โดยเฟดระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้นปานกลางตั้งแต่เดือนมี.ค. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาวะตึงตัวในตลาดการเงินเริ่มบรรเทาลงแล้ว นอกจากนี้ เฟดเชื่อว่าตลาดการเงินจะเริ่มมีเสถียรภาพขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลและเฟดร่วมมือกันใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและระบบการคลังภายในประเทศ

การแสดงความคิดเห็นในด้านบวกของเฟดช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก (swine flu) และในการประชุมครั้งนี้คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีพ.ศ.2497 โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เข้าสู่ภาะถดถอยนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีพ.ศ.2550

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปีนี้ หลังจากเฟดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวประมาณ 0.5-1.3% ในปีนี้ มากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัวเพียง 0.2-1.1% โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวตลอดทั้งปี 2552 ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวทั้งปีเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีและคาดว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 8.5-8.8% สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 7.1-7.6%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกหดตัวลง 6.1% ต่อปี แต่รายงานระบุว่าการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้น และสต็อกสินค้าคงคลังลดลง
ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกจำเป็นต้องเก็บสต็อกสินค้าเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกาปิดบวก 6.5% หุ้นซิตี้กรุ๊ปิดบวก 8%

หุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 4.4% ยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ปิดบวก 2%
ส่วนหุ้นวอล-มาร์ท ปิดพุ่งขึ้น 4.1% หลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์
เพิ่มขึ้น 1.05 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ 50.97 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 8,185.73 จุด ปรับขึ้น 168.78 จุด หรือ 2.11%
ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 1,711.94 จุด ปรับขึ้น 38.13 จุด หรือ 2.28%
และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 873.64 จุด ปรับขึ้น 18.48 จุด หรือ 2.16%

ด้านตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป
ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ 4,189.59 จุด ปรับขึ้น 93.19 จุด หรือ 2.27%
ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 4,704.56 จุด ปรับขึ้น 97.14 จุด หรือ 2.11%
และดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 3,116.94 จุด ปรับขึ้น 65.92 จุด หรือ 2.16%

ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 50.78 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ปรับขึ้น 79 เซนต์

ขณะที่ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก
ปิดที่ 899.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ปรับขึ้น 7 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนตลาดลอนดอน ปิดที่ 897.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ปรับขึ้น 4.30 ดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา:สำนักข่าวไทย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์

เด้งดึ๋ง!!

เด้งดึ๋ง!!

ดัชนีหุ้นวันที่ 29 เม.ย. 52 ปิดที่ 483.50 จุด เพิ่มขึ้น 10.78 จุดมีมูลค่าซื้อขาย 14,543.94 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 141.83 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิดที่ 185 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท, BANPU ปิดที่ 282 บาท เพิ่มขึ้น 14 บาท, PTTEP ปิดที่ 101 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท, PTTAR ปิดที่ 14.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท และ SCC ปิดที่ 117.50 บาท เพิ่มขึ้น 9 บาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็งชี้ว่า เหตุที่หุ้นไทยปรับขึ้นแรงกว่า 10 จุด เป็นผลจากนักลงทุนคลายความกังวลเรื่องไข้หวัดหมูที่ยังไม่ได้แพร่ระบาดในเอเชีย

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1 ของปูนซีเมนต์ไทย (SCC) ที่ออกมาดีกว่าที่คาด โดยพลิกมามีกำไรหลังจากไตรมาส 4 ปี 51 ขาดทุน ทำให้ มีความคาดหวังว่า ผลประกอบการหุ้นกลุ่มอื่นๆโดยเฉพาะหุ้นพลังงานน่าจะออกมาดี ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาดันดัชนี

นอกจากนี้ ยังมีแรงซื้อหนาแน่นเข้ามาในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะ UNIQ, PLE, ITD ซึ่ง บล.กิมเอ็งระบุว่า เกิดจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรหลังโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญา 2 จะเปิดซองประมูลเร็วๆนี้หลังสัญญา 1 ได้สรุปราคาค่าก่อสร้างแล้ว

ทั้งนี้ แนะเก็งกำไร CK ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 3.92 บาท, ITD ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 2.87 บาท และ STEC ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 3.54 บาท

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า หุ้นไทยได้ปรับตัวขึ้นมามาก พอสมควรแล้ว โดยปัจจุบันซื้อขายกันที่ P/E 11 เท่าเศษ ขณะที่ราคาหุ้นใหญ่ปรับขึ้นมาใกล้เต็มมูลค่าที่เหมาะสม ทำให้อัพไซด์ที่จะขึ้นได้อีกมีไม่มากจึงประเมินว่าดัชนีอาจปรับฐานลงได้

แนะกลยุทธ์ระยะสั้นให้ขายทำกำไร

ปิดท้ายสถาบันวิจัยนครหลวงไทยชี้ว่า ตลาดมีปัจจัยที่นักลงทุนยังวิตกขณะนี้คือ การที่เฟดจะประกาศการแก้ไขหนี้เสียของ 19 ธนาคาร วันที่ 4 พ.ค. ซึ่งล่าสุด 6 ใน 19 ไม่ผ่านการแก้ไขดังกล่าว ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลกหลังจากนี้.

อินเด็กซ์ 51


คาดหุ้นไทยมีลุ้นแตะ 488-490 จุด

บล. เกียรตินาคินคาดหุ้นไทยมีลุ้นแตะ 488-490 จุด แนะทยอยขายทำกำไร


วิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในช่วงบ่ายวันนี้สามารถปิดทะยานขึ้นได้มากเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังมีปัจจัยบวกที่ประเทศจีนเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนสามารถเข้าไปลงทุนในไต้หวันได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นต้นไป ประกอบกับการคาดการณ์ว่าตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯในช่วงไตรมาส 2/52 จะฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 1/52 ทำให้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ และวัสดุก่อสร้างค่อนข้างมาก

นอกจากนี้ การที่บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ประกาศผลกำไรสุทธิของไตรมาส 1/52 ออกมาเกือบ 5.2 พันล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ทำให้การซื้อขายในช่วงบ่าย ปรับเพิ่มขึ้นได้อย่างโดดเด่น และมีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 488-490 จุดได้ในระยะนี้ จึงเป็นโอกาสทยอยขายทำกำไรออกมาได้

ส่วนสัปดาห์หน้าจะมีการประกาศผล Stress Test ที่จะบ่งชี้ว่าสถาบันการเงินใดในสหรัฐฯที่จะต้องเพิ่มทุน ก็อาจทำให้ดัชนีดาวโจนส์มีการพักตัวได้เช่นกัน

สำหรับสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก จะมีผลต่อกระทบต่อตลาดหุ้นไทยน้อยกว่าโรคซาร์สและไข้หวัดนก ประกอบกับราคาหุ้นหลายตัวก็ยังมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับปี 2551 ทำให้ราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมายังลดลงไม่แรงนัก และยังควรติดตามความคืบหน้าของการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคด้วยว่าจะลุกลามไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียหรือไม่ ซึ่งอาจมีผลต่อหุ้นไทยมากกว่านี้




ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ ปิดเพิ่มขึ้น 10.78 จุด หรือ 2.28% มาอยู่ที่ 483.50 จุด
ด้วยปริมาณการซื้อขาย 14,543.94 ล้านบาท

- นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 805.40 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 137.24 ล้านบาท
- นักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 668.16 ล้านบาท


- Money Channel โดยวาสิฏฐี อนุกูล Email: wasittee@set.or.th

Template by - Abdul Munir | Blogging4