09 เมษายน 2552

สื่อต่างชาติเกาะติดเหตุประท้วงในไทย



กรุงเทพฯ - สื่อต่างชาติพากันเกาะติดเหตุประท้วงในไทย โดยเว็บไซต์ของบีบีซีถึงกับยกให้ข่าวนี้เป็นข่าวเด่นอันดับ 1 ในหน้าเว็บไซต์ พร้อมพาดหัวว่า กรุงเทพฯ เตรียมรับมือเหตุประท้วงต่อต้านนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

เว็บไซต์ข่าวชั้นนำของโลก ทั้งบีบีซีและซีเอ็นเอ็นต่างรายงานข่าวไปในทางเดียวกันว่า กลุ่มผู้ประท้วงหลายหมื่นคนซึ่งหนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้มาชุมนุมกันในกรุงเทพฯ เพื่อไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้ทางการต้องจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่ทั่วกรุงเทพฯ

เว็บไซต์บีบีซี ยังจัดทำหน้าพิเศษ เพื่อแนะนำให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์รับทราบรายละเอียดของการประท้วงครั้งนี้ โดยให้ข้อมูลว่า หลังจากได้นายอภิสิทธิ์มาเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนธันวาคม คนไทยบางคนก็หวังว่า เหตุประท้วงจะยุติได้ในที่สุด แต่แล้วกลับดูเหมือนว่า สถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองยิ่งบานปลายออกไปอีก

หน้าพิเศษของเว็บไซต์บีบีซี ยังพุ่งเป้าไปที่แหล่งพำนักของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในเวลานี้ โดยระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่า ตัวเองเป็นพลเมืองโลก และเขาก็มักจะเดินทางเข้าออกดูไบ จีน อังกฤษ หรือฮ่องกง อยู่บ่อยครั้ง และแม้จะยังไม่ชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ วางเป้าหมายในระยะยาวไว้อย่างไร แต่ก่อนหน้านี้ เขาเคยลั่นวาจาว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับการเมืองอีกต่อไป แต่ท้ายสุด เขาก็กลับมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกจนได้ ผ่านการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงในครั้งนี้

ส่วนเว็บไซต์เดอะ สเตรทส์ ไทมส์ของสิงคโปร์ ที่มักเกาะติดการเมืองของไทยอยู่เป็นประจำ ก็ได้ยกให้ข่าวการประท้วงในไทยเป็นหนึ่งในข่าวเด่นเช่นกัน โดยพาดหัวข่าวว่า “Bring Thaksin backW หรือหมายถึงว่า “ให้ทักษิณกลับมา” พร้อมตีพิมพ์ภาพกลุ่มผู้ประท้วงที่หนุน พ.ต.ท.ทักษิณ

สำนักข่าวเอพีตีพิมพ์บทความมองว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับนายกรัฐมนตรีคนก่อนๆ ที่ถูกกลุ่มผู้ประท้วงกดดันให้ออกจากตำแหน่ง ซึ่งตอนนี้ นายอภิสิทธิ์ มีอยู่ 2 ทางเลือกในการแก้ปัญหา คือ การกวาดล้างกลุ่มผู้ประท้วงอย่างรุนแรง แต่วิธีนี้เสี่ยงต่อการที่สถานการณ์จะบานปลายร้ายแรงกว่าเดิม กับอีกวิธีคืออยู่นิ่งๆ แล้วปล่อยให้กลุ่มผู้ประท้วงสลายตัวกันไปเอง

นายไมเคิล มอนเตซาโน นักวิจัยประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาในสิงคโปร์ มองว่าทางที่ดีที่สุดที่นายอภิสิทธิ์สมควรทำในตอนนี้คือการคงไว้ซึ่งจุดยืน ต่อต้านเหตุรุนแรง แล้วปล่อยให้การประท้วงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่นายอภิสิทธิ์ยังรักษาความสงบเยือกเย็นไว้ได้ กลุ่มผู้ประท้วงก็ไม่สามารถคุกคามรัฐบาลชุดนี้ได้ แต่ในขณะเดียว นายอภิสิทธิ์ไม่ควรแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น เพราะจะทำให้กลุ่มผู้ประท้วงยิ่งเหิมเกริมหนัก และอาจส่งผลให้กองทัพออกมาก่อรัฐประหารอีกรอบ

ที่มา:สำนักข่าวไทย

แนวต้านหุ้นไทย

บล. กิมเอ็งให้แนวต้านหุ้นไทยหลังสงกรานต์ไว้ที่ 450 จุด หากการเมืองไม่รุนแรง

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง กล่าวในรายการก้าวทันตลาดทุน ทาง Money Channel ว่า บล. กิมเอ็งมองว่าสถานการณ์การเมืองในวันนี้ไม่น่าเกิดความรุนแรงขึ้น แต่ก็ยังต้องติดตามต่อไปว่าทุกฝ่ายจะประนีประนอมได้หรือไม่ ซึ่งหากปัญหายังยืดเยื้อต่อไป ก็เชื่อว่าดัชนีจะไม่สามารถไปได้ไกล หรือยังแกว่งตัวได้ในกรอบแคบ ๆ (Sideway) แต่หากสถานการณ์ไม่รุนแรงและนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิเพิ่มขึ้น ก็อาจทำให้ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นได้ (Sideway Up) อย่างไรก็ตาม หากต่างชาติซื้อน้อยลง และปัญหาการเมืองยังไม่สงบ ก็จะกดดันให้ดัชนีซึมตัวลงได้เช่นกัน โดยบล. กิมเอ็งได้ให้แนวต้านแรกหลังช่วงสงกรานต์ไว้ที่ 450 จุดในกรณีที่การเมืองไม่รุนแรง โดยเชื่อว่าดัชนีไม่น่าจะปรับลดลงอย่างหนักเนื่องจากราคาหุ้นไทยยังถูกและ นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่อง

นอกจากนี้ นักลงทุนก็ยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการของภาคเอกชนสหรัฐฯ ซึ่งจะชี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวในอนาคต และยังต้องติดตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานมีมูลค่าตลาดมากเป็น 1 ใน 3 ของมูลค่าตลาดรวม ดังนั้น จะมีผลต่อดัชนีด้วยหากราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น

บล. กิมเอ็งยังได้แนะนำให้ลงทุนหุ้นบมจ. ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) โดยเชื่อว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/52 มีแนวโน้มฟื้นตัวได้จากไตรมาส 4/51 หลังจากราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้มีกำไรจากสต็อกน้ำมันได้ อีกทั้งค่าการกลั่นยังมีแนวโน้มที่ดีกว่าไตรมาส 4/51 อีกด้วย ขณะเดียวกันธุรกิจอะโรเมติกส์ก็ยังได้รับผลดีจากราคาอะโรเมติกส์ที่ยังปรับ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อ PTTAR เช่นกัน ขณะที่ราคาหุ้นยังปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าหุ้นในกลุ่มธุรกิจเดียวกันอีกด้วย จึงยังน่าสนใจลงทุน

บล. กิมเอ็งแนะนำให้ "ซื้อเก็งกำไร" หุ้น PTTAR โดยให้ราคาที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานไว้ที่ 10.90 บาท

เขียวเย้ยแดงเดือด!!

เขียวเย้ยแดงเดือด!!
[9 เม.ย. 52 - 02:47]

ดัชนีหุ้นวันแดงเดือด 8 เม.ย. ปิดที่ 443.57 จุด เพิ่มขึ้น 1.01 จุด บวกเขียวสวนกระแสเสื้อแดง ขณะที่มีมูลค่าซื้อขาย 8,888.80 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 195 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ชี้มีแรงซื้อหุ้นช่วงท้ายตลาดดันดัชนีปิดบวกได้เหนือความคาดหมายเป็นผลจากการชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่มีเหตุรุนแรงทำให้คลายความกดดัน

ขณะที่มองทิศทางตลาดระยะสั้นว่ามีโอกาสปรับลง หลังต่างชาติ กังวลกับผลประกอบการของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ที่จะทยอยออกมาสัปดาห์หน้า ทั้งโกลด์แมนแซคส์, เจพี มอร์แกน, ซิตี้กรุ๊ป และเมอร์ริลลินช์ รวมทั้ง มอร์แกนสแตนเลย์, เวลล์ฟาร์โก และแบงก์ออฟอเมริกา

แนะกลยุทธ์การลงทุนให้ชะลอดูจังหวะที่จะเข้าซื้อที่ดัชนีบริเวณ 420 จุด เนื่องจากระดับนี้โอกาสหรือความเสี่ยงที่ตลาดจะปรับตัวลงมีไม่มากแล้ว หากการชุมนุมไม่มีเหตุรุนแรง ขณะที่มองแนวต้านไว้ที่ 435-444 จุด

“ภัทรียา เบญจพลชัย” ผู้จัดการตลาดหุ้น ยอมรับว่าสถานการณ์ การเมืองสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศและมีผลต่อทิศทาง ตลาดจึงขอให้นักลงทุนติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด!!

ปิดท้ายมีข่าว BEC คุยโว เศรษฐกิจซบไม่กระทบรายได้ แถมมั่นใจผลงานไตรมาส 2 จะดีกว่าช่วงปีก่อน เพราะเป็นช่วง High Season และทั้งปี 52 ก็น่าจะดีกว่าปี 51

เนื่องจากธุรกิจสื่อทีวีมักได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อยกว่าอุตสาหกรรม อื่น แม้จีดีพีหรือเศรษฐกิจจะลดลงหรือติดลบแค่ไหนแต่กำลังซื้อของผู้บริโภคภายใน ประเทศยังขับเคลื่อนไปได้ ทำให้มีโฆษณาสินค้าผ่านสื่อทีวีอยู่โดยอุตสาหกรรมโฆษณาเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว ตั้งแต่ มี.ค.

ขณะที่ผลการออกไปโรดโชว์ที่ฮ่องกง พบว่าต่างชาติยังสนใจลงทุนในบริษัทดูจากการเข้าฟังข้อมูลของผู้จัดการกองทุนจำนวนมาก

และหวังว่ารายย่อยน่าจะสนหุ้น BEC บ้างเพราะกำไรยังโตได้ดี ขณะที่ยังจ่ายปันผลสม่ำเสมอไม่ต่ำกว่า 90% ของกำไรสุทธิ!!


อินเด็กซ์ 51

Template by - Abdul Munir | Blogging4