หุ้นร้อน |
|
Categories
- กองทุน (2)
- ข่าวห้องค้า (7)
- ความรู้ หุ้น (15)
- ความรู้อนุพันธ์ (6)
- ความรู้อนุพันธ์;TFEX (1)
- ความรู้ SET (5)
- คอลัมน์ทองคำ (1)
- คอลัมน์หุ้น (30)
- ค่าเงิน (4)
- ค่าระวางเรือ (2)
- ดอกเบี้ย (6)
- ตลาดเงิน (3)
- ตลาดหุ้นทั่วโลก (9)
- ตลาดหุ้นไทย (239)
- ตลาดหุ้นสหรัฐ (46)
- ตลาดหุ้นสหรัฐ;เศรษฐกิจสหรัฐ (2)
- ตัวเลขส่งออก (1)
- ตัวเลข GDP (2)
- ทองคำ (14)
- น้ำมัน (15)
- แนวโน้มตลาดรายวัน (8)
- บทความหุ้น (56)
- ปฎิทินหุ้น (3)
- แผนกู้วิกฤตการเงิน (19)
- วอร์แรนท์ (3)
- เศรษฐกิจญี่ปุ่น (1)
- เศรษฐกิจไทย (91)
- เศรษฐกิจโลก (29)
- เศรษฐกิจสหรัฐ (11)
- หุ้น (65)
- หุ้นกู้ (3)
- หุ้นเด่นวันนี้ (4)
- หุ้นแบงค์ (2)
- G20 (3)
- warrant (1)
--==::: ข่าวประกาศ :::==--
บทความย้อนหลัง
- 05 ก.ค. (1)
- 11 ก.ย. (3)
- 09 ก.ย. (6)
- 03 ก.ย. (3)
- 02 ก.ย. (2)
- 27 ส.ค. (2)
- 20 ส.ค. (3)
- 18 ส.ค. (4)
- 10 ส.ค. (4)
- 04 ส.ค. (1)
- 03 ส.ค. (5)
- 30 ก.ค. (5)
- 28 ก.ค. (4)
- 27 ก.ค. (3)
- 24 ก.ค. (4)
- 23 ก.ค. (4)
- 22 ก.ค. (5)
- 21 ก.ค. (3)
- 20 ก.ค. (7)
- 17 ก.ค. (3)
- 16 ก.ค. (4)
- 15 ก.ค. (2)
- 14 ก.ค. (4)
- 13 ก.ค. (5)
- 10 ก.ค. (5)
- 09 ก.ค. (5)
- 08 ก.ค. (4)
- 03 ก.ค. (6)
- 30 มิ.ย. (5)
- 29 มิ.ย. (6)
- 26 มิ.ย. (4)
- 25 มิ.ย. (5)
- 24 มิ.ย. (5)
- 23 มิ.ย. (5)
- 22 มิ.ย. (5)
- 19 มิ.ย. (5)
- 18 มิ.ย. (5)
- 17 มิ.ย. (4)
- 16 มิ.ย. (4)
- 15 มิ.ย. (6)
- 12 มิ.ย. (5)
- 11 มิ.ย. (4)
- 10 มิ.ย. (4)
- 09 มิ.ย. (4)
- 08 มิ.ย. (4)
- 05 มิ.ย. (5)
- 04 มิ.ย. (4)
- 03 มิ.ย. (1)
- 28 พ.ค. (4)
- 27 พ.ค. (4)
- 26 พ.ค. (6)
- 25 พ.ค. (6)
- 22 พ.ค. (8)
- 21 พ.ค. (5)
- 20 พ.ค. (4)
- 19 พ.ค. (3)
- 14 พ.ค. (3)
- 13 พ.ค. (2)
- 12 พ.ค. (2)
- 11 พ.ค. (5)
- 07 พ.ค. (3)
- 06 พ.ค. (4)
- 30 เม.ย. (4)
- 29 เม.ย. (5)
- 28 เม.ย. (4)
- 24 เม.ย. (4)
- 23 เม.ย. (4)
- 22 เม.ย. (4)
- 20 เม.ย. (3)
- 17 เม.ย. (4)
- 16 เม.ย. (4)
- 10 เม.ย. (5)
- 09 เม.ย. (3)
- 08 เม.ย. (7)
- 07 เม.ย. (7)
- 05 เม.ย. (4)
- 03 เม.ย. (7)
- 02 เม.ย. (8)
- 01 เม.ย. (8)
- 31 มี.ค. (5)
- 30 มี.ค. (6)
- 29 มี.ค. (4)
- 28 มี.ค. (2)
- 27 มี.ค. (9)
- 26 มี.ค. (8)
- 25 มี.ค. (4)
- 24 มี.ค. (6)
- 23 มี.ค. (7)
- 20 มี.ค. (6)
- 19 มี.ค. (9)
- 18 มี.ค. (6)
- 17 มี.ค. (6)
- 16 มี.ค. (7)
- 13 มี.ค. (3)
- 12 มี.ค. (3)
- 11 มี.ค. (5)
- 10 มี.ค. (8)
- 09 มี.ค. (7)
- 05 มี.ค. (7)
- 04 มี.ค. (6)
- 03 มี.ค. (3)
- 02 มี.ค. (5)
- 27 ก.พ. (5)
- 26 ก.พ. (2)
- 25 ก.พ. (5)
- 18 ก.พ. (2)
- 17 ก.พ. (3)
- 16 ก.พ. (2)
- 12 ก.พ. (2)
- 11 ก.พ. (3)
- 09 ก.พ. (1)
16 มิถุนายน 2552
หุ้นร้อน TUF, SCC, TASCO
โดย Mboy เวลา 08:35 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ความรู้ หุ้น, บทความหุ้น, หุ้น
ดอลลาร์แข็งค่าท่ามกลาง ทอง หุ้นร่วง
"ดอลลาร์แข็งค่าท่ามกลาง ทอง หุ้นร่วง"
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศธนาคารกรุงเทพรายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวของค่าเงินประจำวันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน 2552 ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก โดยค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อดอลลาร์ของนักลงทุนหลังจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสถานะของเงินดอลลาร์ในฐานะทุนสำรองของธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ทั่วโลก
โดยในขณะนี้นักลงทุนกำลังจับตามองการประชุม BRIC summit ในวันอังคารนี้ ณ ประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นการประชุมของประเทศหลัก 4 ประเทศที่ถือครองดอลลาร์เป็นทุนสำรองประกอบด้วย ประเทศรัสเซีย ซึ่งถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นทุนสำรองมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก, ประเทศอินเดีย, ประเทศบราซิล และประเทศจีน ซึ่งถือเป็นประเทศที่ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากที่สุดของโลก โดยคิดเป็นมูลค่าถึง 7.08 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งคาดการณ์ว่าการประชุม BRIC summit นี้อาจจะมีการอภิปรายถึงความเป็นไปได้ในการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการถือครองเงินดอลลาร์ในทุนสำรองของประเทศต่างๆ
อย่างไรก็ตาม รัฐมทนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่เข้าร่วมประชุม BRIC summit ได้ออกมาให้ความเห็นว่าบทบาทของดอลลาร์ในฐานะเงินทุนสำรองหลักของโลก จะยังึคงไม่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคตอันใกล้นี้ นอกจากนี้ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (12-13/6) ได้มีการจัดประชุมกลุ่ม GB ขึ้นที่เมืองเลชเซ่ ประเทศอิตาลี โดยประเทศที่เข้าร่วมประกอบด้วยประเทศสหรัฐ, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, แคนาดา และรัสเซียซึ่งการประชุมกลุ่ม GB นี้ มีการอภิปรายถึงรูปแบบและวิธีการของกลยุทธ Exit Stralagles ที่แต่ละประเทศจะนำมาใช้ในการระงับผลกระทบของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่แต่ละประเทศได้ประกาศใช้ในช่วงก่อนหน้า ซึ่งอาจจะส่งผลเสียในด้านการขาดดุลงบประมาณอย่างหนัก หรือการเกิดเงินเฟ้ออย่างมาก (Hyperinflation) ในกรณีที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้นแล้ว ซึ่งมีการเรียกร้องให้ IMF เข้ามาช่วยวิเคราะห์หาวิธีการและกลยุทธ์ที่เป็นไปได้ในการนำมาใช้เป็น Exit Strategles
ตลาดหุ้นทั่วโลกวานนี้ ตลาดหุ้นหลักๆ ในประเทศแถบภูมิภาคเอเชียปิดตลาดอยู่ในแดนลบ โดยดัชนี SET Index ของตลาดหุ้นไทยปิดลดลง 16.83 จุด ที่ระดับ 611.92 โดยคิดเป็นการลดลง 2.65% โดยต่างชาติยังคงซื้อสุทธิ 607.60 ล้านบาท ในขณะที่กระแสการเข้าซื้อเงินดอลลาร์ส่งผลให้ราคาทองลดลงจากระดับปิดวันศุกร์ (12/6) ที่ 937.9 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 933.0 ดอลลาร์/ออนซ์ ณ ระดับปิดในตลาดรอบเอเชียวานนี้
ขณะที่การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวานนี้ ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 34.14/16 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดวันศุกร์ที่ผ่านมา (12/6) ที่ 34.10/13 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค ทั้งนี้ตลอดทั้งวันค่าเงินบาทเคลื่อนที่อยู่ในกรอบ 34.12-34.22 บาท/ดอลลาร์ และปิดตลาดรอบเอเชียที่ระดับ 34.18/20 บาท/ดอลลาร์
โดย Mboy เวลา 08:32 0 ความคิดเห็น
หุ้นไทยเจอแรงขายกดดันปิดดิ่ง 2.65%
หุ้นไทยเจอแรงขายกดดันปิดดิ่ง 2.65% - ASP เชียร์ถือเงินสด 75% ของพอร์ต |
ภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสร่วงลงไปแตะที่ระดับ 600 จุด หลังดัชนีหุ้นของตลาดขนาดใหญ่ในภูมิภาค เช่น จีนและอินเดีย มีแนวโน้มปรับลดลง ซึ่งจะกดดันให้ตลาดอื่นในภูมิภาคปรับฐานตามไปด้วย แต่ก็ยังมองว่าไม่น่าจะปรับลดลงเกิน 1-2 สัปดาห์ ขณะที่หุ้นหลายกลุ่ม เช่น พลังงาน และ ธนาคาร ก็ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาเกินความเป็นจริงค่อนข้างมากแล้ว ซึ่งบล. เอเซียพลัสก็เพิ่งได้ปรับประมาณการณ์โดยแนะนำให้นักลงทุนถือเงินสดเพิ่มขึ้นเป็น 75% ของพอร์ตการลงทุน และมีหุ้นไว้ในพอร์ตลดลงเหลือเพียง 25% เท่านั้น ภรณียังได้แนะนำแนวทางการตัดขาดทุน (Cut Loss) ด้วยว่า เนื่องจากดัชนีหุ้นไทยในช่วงก่อนสิ้นปีมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นอีกรอบ ดังนั้น หากนักลงทุนยังทนไหว ก็สามารถถือลงทุนต่อไปได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับหุ้นที่ถือไว้ด้วย เช่น หากเป็นหุ้นเก็งกำไรและราคาผันผวนกว่าตลาด (High Beta) ก็ควรจะ Cut Loss ออกไป แต่หากเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีระดับ P/E Ratio ต่ำกว่า 10 เท่า ก็ยังสามารถถือต่อไปได้ ส่วนหุ้นบมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) และบมจ. ปตท. (PTT) ก็ได้สะท้อนราคาน้ำมันในระดับ 80-90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลไปแล้ว ซึ่งหากนักลงทุนมีกำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นแล้วก็ควรขายทำกำไรออกไปก่อน แต่หากยังไม่มีกำไรก็ควรกัดฟันถือต่อไป ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ ปิดร่วงลงถึง 16.63 จุด หรือ 2.65% มาอยู่ที่ 611.92 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ 23,094.02 ล้านบาท - นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 2,197.32 ล้านบาท - นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 627.26 ล้านบาท - นักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 1,570.05 ล้านบาท |
โดย Mboy เวลา 08:30 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ตลาดหุ้นไทย, เศรษฐกิจไทย
ร่วง!!
ร่วง!!
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคที ซีมิโก้ มองแนวโน้มตลาดว่า ยังเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นหลัก รวมทั้งต้องติดตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกด้วย ซึ่งมีผลกระทบต่อหุ้นพลังงาน ทั้งนี้ หากดัชนีหลุดต่ำกว่าระดับ 600 จุด ให้มีแนวรับถัดไปที่ 580 จุด
โดยปัจจัยที่ต้องจับตาคือ ตัวเลขทางเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ทั้งตัวเลขการสร้างบ้านใหม่เดือน พ.ค. และตัวเลขเงินเฟ้อเดือน พ.ค. แนะกลยุทธ์ ให้ลดพอร์ตลงทุนลง ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 600 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 624-630 จุด
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ คาดดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงได้อีก โดยต้องจับตาดูค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ รวมทั้งเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติว่าจะหยุดหรือชะลอการไหลเข้ามาซื้อหุ้นเมื่อไหร่ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อตลาด
ระยะสั้นแนะให้ชะลอการลงทุนเพื่อรอประเมินภาวะตลาดก่อน โดยไม่ต้องรีบร้อนเข้าซื้อหุ้นคืนในช่วงนี้ เพราะราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวลงไปได้มากกว่านี้ ด้านเทคนิคให้แนวรับไว้ที่ 605 จุด ถ้าดัชนียืนอยู่ได้อาจมีแรงรีบาวน์ดีดกลับได้เล็กน้อยที่แนวต้านแถวๆ 615-620 จุด และอาจปรับฐานปรับตัวลงต่อมาที่แนวรับถัดไปที่ 580 จุด
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน มองตลาดอาจปรับตัวลงต่อ แต่หากดัชนียังยืนเหนือ 600 จุดได้ อาจไต่ระดับทดสอบแนวต้านที่ 620 จุด แนะกลยุทธ์ ให้นักลงทุนจับตาหุ้นพลังงาน หากราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือราคาพักฐานเล็กน้อยให้ทยอยซื้อ 20%-30% ของพอร์ต รวมทั้งหุ้นกลุ่มแบงก์ นำโดย BBL และ SCB ซึ่งได้รับอานิสงส์จาก พ.ร.ก.และพ.ร.บ.กู้เงิน 8 แสนล้านบาทของรัฐบาล
ปิดท้าย "ก้องเกียรติ โอภาสวงการ" ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซียพลัส ที่ปรึกษาการเงิน บมจ.เจมาร์ท (JMART) คุยว่า นักลงทุนสนใจจองซื้อหุ้น JMART มากกว่าจำนวนที่จัดสรร เพราะราคาขายกำหนดที่ 1.80 บาท เป็นราคาที่ไม่สูงมาก และยังมีส่วนลดถึง 16%
และส่วนหนึ่งเป็นผลจากตลาดหุ้นช่วงนี้เป็นจังหวะดีในการนำหุ้นใหม่เข้าซื้อขาย เพราะมีกระแสเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้น โดยหุ้นไทยปีนี้ฟื้นตัวขึ้นราว 39% หลังมีเงินต่างชาติไหลเข้า.
โดย Mboy เวลา 08:30 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ตลาดหุ้นไทย