22 พฤษภาคม 2552

TTA : แนวโน้มฟื้นตัวไตรมาส 2/52

TTA : แนวโน้มฟื้นตัวไตรมาส 2/52


ผลประกอบการ 2H52 (เม.ย.-ก.ย.2552) มีแนวโน้มฟื้นตัว HoH: ACLS คาดว่าผลประกอบการของบริษัทโทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ได้ผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้วใน 2Q52 ที่มีกำไรสุทธิเพียง 99 ล้านบาท เนื่องจากสาเหตุสำคัญที่ทำให้กำไรทรุดหนักนอกเหนือจากการปรับตัวลดลงของดัชนีค่าระวางเรือเฉลี่ย (Baltic Dry Index: BDI) ที่รับรู้กันโดยทั่วไปแล้ว ยังเป็นเพราะผลประกอบการของเมอร์เมดที่ไม่เป็นไปตามเป้าจาก

1) เป็นช่วงฤดูมรสุม
2) ลูกค้าเลื่อนเซ็นสัญญา
และ 3) มีการย้ายเรือที่สร้างรายได้สูงสุดให้กับธุรกิจนอกชายฝั่งไปรับงานที่บราซิล

ทำให้ Utilization rate ของธุรกิจนี้ลดลงเหลือเพียง ~30% ฉุดผลประกอบการของเมอร์เมดให้พลิกเป็นขาดทุน 33 ล้านบาท (แม้ธุรกิจงานขุดเจาะจะมี Utilization rate เกือบ 100%)

ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มดีขึ้น เพราะเรือ 6 ใน 7 ลำสามารถให้บริการได้ตามปกติ สะท้อนมายัง Utilization rate ของธุรกิจนอกชายฝั่งที่พุ่งขึ้นเป็น 60% ส่วนอีก 1 ลำที่บราซิลคาดว่าจะสามารถให้บริการได้เร็วๆ นี้ ทำให้กำไรของเมอร์เมดที่ส่งผ่านมายัง TTA ที่ ~180-200 ล้านบาท/ไตรมาส กลับมาคาดหวังได้อีกครั้ง

ขณะเดียวกันธุรกิจขนส่งสินค้าแห้งเทกองที่มีกำไรใกล้จุดคุ้มทุน ณ ระดับ BDI ปัจจุบัน ก็กำลังเข้าสู่ช่วง High Season ของการขนส่ง ทำให้คาดการณ์กำไรปกติปี 2552 ของ ACLS ที่ 1,076 ล้านบาทเป็นไปได้มากขึ้น

ความคาดหวังที่จะเห็น BDI ขึ้นแรงเป็นไปได้ยาก เพราะถูกกดดันจาก Over supply: BDI ที่พุ่งขึ้นแรงเกือบ 3 เท่าตัวนับจากจุดต่ำสุดช่วงปลายปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากการ Re-Stock สินแร่เหล็กของจีนที่เป็นทั้งผู้นำเข้า-ส่งออกเหล็กรายใหญ่ของโลก โดยเดือน มี.ค. มีการนำเข้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 52 ล้านตัน ถ้าเป็นเช่นนั้นการนำเข้าในช่วงที่เหลือของปีอาจเริ่มชะลอตัวลง

ขณะเดียวกันภาวะอุตสาหกรรมยังถูกกดดันจากปัญหา Over Supply ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้และปีหน้า ซึ่งคาดว่าระวางเรือโลกจะเพิ่มขึ้น 17% และ 20% ตามลำดับ เทียบกับการอุปสงค์ที่โตเฉลี่ย 6-7% ต่อปี และการ Scrape เรือที่จะทำให้อุปทานลดลงสูงสุดไม่เกิน 3% ต่อปี ด้วยเหตุและผลจึงเป็นไปได้ยากที่จะเห็น BDI พุ่งขึ้นแรงเหมือนกลางปีก่อนจนไปทำจุดสูงสุดไว้ที่ 11,793 จุด โดย ACLS คาดการณ์ BDI เฉลี่ยทั้งปีที่ 2,500 จุด (เฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันอยู่ที่ 1,650 จุด)


คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 52 เท่ากับ 23.20 บาท อิง P/BV ที่ 0.60x: แม้ในช่วง 1-2 ปีนี้ภาวะอุตสาหกรรมจะถูกดันจากปัญหาอุปทานส่วนเกิน แต่ช่วงสั้นยังได้ผลดีจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ BDI และการฟื้นตัวของผลประกอบการที่กำลังจะเกิดขึ้นใน 2H52 ขณะที่ฐานะทางการเงินยังแข็งแกร่งโดยกระแสเงินสดจากการดำเนินงานยังเป็นบวก และมีเงินสดสุทธิในมือสูงถึง 7.10 บาท/หุ้น ไว้รองรับการลงทุนในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับงานขุดเจาะ (~8% ของรายได้รวม) ที่มีแนวโน้มเติบโตดี เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากการขนส่งสินค้าแห้งเทกอง (~ 70% ของรายได้รวม) ที่มีแนวโน้มไม่สดใส ถือเป็นผลดีต่อการเติบโตระยะยาว คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ที่มา...บล.เกียรตินาคิน

0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4