กล้าๆกลัวๆ!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 28 เม.ย. 52 ปิดที่ 474.99 จุด เพิ่มขึ้น 0.92 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 14,505.88 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 707.83 ล้านบาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยาชี้มีแรงขายทำกำไรสวนทางกับแรงซื้อ ระหว่างนักลงทุนรอลุ้นผลการทดสอบ Stress test หรือ การหามูลค่าความเสียหายสูงสุดที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ โดยธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟดว่า จะมีธนาคารใดที่ต้องเพิ่มทุน หรือสถานะของสถาบันการเงินนั้นๆมีความเข้มแข็งเพียงพอที่จะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆได้หรือไม่
ทำให้มีการดึงกันระหว่างนักลงทุน 2 กลุ่ม โดยผู้ที่จะซื้อก็ไม่กล้าเข้าลุย ส่วนคนที่จะขายก็ยังลังเลไม่กล้าขาย "กลัวขายหมู" เสียโอกาส หวังรอขายเมื่อราคาหุ้นปรับตัวขึ้น ทำให้ตลาดแกว่งตัวได้แคบๆ
มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นว่า มีโอกาสแกว่งตัวลง โดยมีปัจจัยกดดันบรรยากาศการลงทุนคือ ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะสะท้อนออกมายังการประกาศผลการทดสอบ Stress test ของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ขณะที่การแพร่ระบาดของไข้หวัดหมูในสหรัฐฯอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการลงทุน
ทั้งนี้ แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ทยอยขายเมื่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น และจับตาผลการทำ Stress test ออกมาก่อนค่อยกำหนดกลยุทธ์การลงทุนอีกครั้ง
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ไซรัสระบุว่า นอกจากผลการทดสอบ Stress test ในวันที่ 4 พ.ค. นี้แล้ว นักลงทุนยังคงรอการแถลงการณ์ของเฟดวันที่ 28-29 เม.ย. 52 ที่อาจชี้นำถึงทิศทางของเศรษฐกิจโดยรวม ส่วนการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยนั้น ไซรัสคาดว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม 0.25%
สำหรับประเด็นไข้หวัดหมูมองว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อหุ้นไทย เพราะประเทศที่เป็นต้นตอการระบาดยังอยู่ไกล แต่หากมีการลุกลามไปยังสหรัฐฯมากขึ้น เชื่อว่าจะกดดันต่อการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ แนะกลยุทธ์การลงทุน หากหุ้นขึ้นให้ขายทำกำไรออกมาและหาจังหวะรอซื้อเมื่อดัชนีปรับตัวลงแรง !
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็งมองแนวโน้มหุ้นไทยว่า ดัชนีจะผันผวนในแดนบวกต่อ โดยมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 480 จุด เนื่องจากต่างชาติยังซื้อหุ้นไทยอยู่
แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้รอขายทำกำไรในหุ้นที่มีราคาปรับขึ้นแรง และหากจะซื้อให้เน้นเลือกเล่นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี เช่น หุ้นแบงก์, อสังหาฯ, โรงกลั่น และกลุ่มที่ทำธุรกิจอาหารทะเล.
ดัชนีหุ้นวันที่ 28 เม.ย. 52 ปิดที่ 474.99 จุด เพิ่มขึ้น 0.92 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 14,505.88 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 707.83 ล้านบาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยาชี้มีแรงขายทำกำไรสวนทางกับแรงซื้อ ระหว่างนักลงทุนรอลุ้นผลการทดสอบ Stress test หรือ การหามูลค่าความเสียหายสูงสุดที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ โดยธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟดว่า จะมีธนาคารใดที่ต้องเพิ่มทุน หรือสถานะของสถาบันการเงินนั้นๆมีความเข้มแข็งเพียงพอที่จะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆได้หรือไม่
ทำให้มีการดึงกันระหว่างนักลงทุน 2 กลุ่ม โดยผู้ที่จะซื้อก็ไม่กล้าเข้าลุย ส่วนคนที่จะขายก็ยังลังเลไม่กล้าขาย "กลัวขายหมู" เสียโอกาส หวังรอขายเมื่อราคาหุ้นปรับตัวขึ้น ทำให้ตลาดแกว่งตัวได้แคบๆ
มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นว่า มีโอกาสแกว่งตัวลง โดยมีปัจจัยกดดันบรรยากาศการลงทุนคือ ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะสะท้อนออกมายังการประกาศผลการทดสอบ Stress test ของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ขณะที่การแพร่ระบาดของไข้หวัดหมูในสหรัฐฯอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการลงทุน
ทั้งนี้ แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ทยอยขายเมื่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น และจับตาผลการทำ Stress test ออกมาก่อนค่อยกำหนดกลยุทธ์การลงทุนอีกครั้ง
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ไซรัสระบุว่า นอกจากผลการทดสอบ Stress test ในวันที่ 4 พ.ค. นี้แล้ว นักลงทุนยังคงรอการแถลงการณ์ของเฟดวันที่ 28-29 เม.ย. 52 ที่อาจชี้นำถึงทิศทางของเศรษฐกิจโดยรวม ส่วนการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยนั้น ไซรัสคาดว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม 0.25%
สำหรับประเด็นไข้หวัดหมูมองว่า ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อหุ้นไทย เพราะประเทศที่เป็นต้นตอการระบาดยังอยู่ไกล แต่หากมีการลุกลามไปยังสหรัฐฯมากขึ้น เชื่อว่าจะกดดันต่อการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ แนะกลยุทธ์การลงทุน หากหุ้นขึ้นให้ขายทำกำไรออกมาและหาจังหวะรอซื้อเมื่อดัชนีปรับตัวลงแรง !
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็งมองแนวโน้มหุ้นไทยว่า ดัชนีจะผันผวนในแดนบวกต่อ โดยมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 480 จุด เนื่องจากต่างชาติยังซื้อหุ้นไทยอยู่
แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้รอขายทำกำไรในหุ้นที่มีราคาปรับขึ้นแรง และหากจะซื้อให้เน้นเลือกเล่นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี เช่น หุ้นแบงก์, อสังหาฯ, โรงกลั่น และกลุ่มที่ทำธุรกิจอาหารทะเล.
อินเด็กซ์ 51
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น