20 เมษายน 2552

ระวังการพักฐาน

ระวังการพักฐานระยะสั้นๆ
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

หลังตลาดหุ้นทั่วโลกปรับสูงขึ้นสู่แนวต้านทางเทคนิค จับตาสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด
แม้จะดูเหมือนว่ารัฐบาลสามารถควบคุมการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ได้ค่อนข้างดีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็ต้องยอมรับว่าผลของการชุมนุมคล้ายๆ กับการเกิดจลาจลย่อยๆ ส่งผลให้สถาบันจัดอันดับต่างๆ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยลง

ไม่ว่าจะเป็น S&P หรือ FITCH โดย FITCH ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ FOREIGN CURRENCY DEBT RATING ของไทย เป็น BBB ขณะที่ MOODY กำลังพิจารณาปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือประเทศไทยลงเช่นกัน ขณะที่ข่าวการลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาถือว่า เป็นความเสี่ยงที่จะเป็นชนวนต่อความร้อนแรงทางการเมืองในอนาคตอีกครั้ง ทำให้ SET มีโอกาสถูกขายจากนักลงทุนต่างชาติในช่วงนี้

ขณะที่เมื่อพิจารณาจากปัจจัยภายนอกประเทศ แม้ว่าสถาบันการเงินสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็น WELLS FARGO, GOLDMAN SACHS, หรือ JP MORGAN จะประกาศผลการดำเนินงาน 1Q09 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ และเริ่มเห็นสัญญาณการหดตัวของเศรษฐกิจในอัตราที่ชะลอตัวลง ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับสูงขึ้นของดัชนีหุ้น DOW JONES ต่อเนื่อง

แต่เมื่อพิจารณาในทางเทคนิคจะเห็นว่าดัชนีหุ้นต่างประเทศหลายๆ ตลาดไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น DOW JONES, NIKKEI หรือ HANG SENG กำลังปรับสูงขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญทางเทคนิค ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงที่จะเห็นแรงขายระยะสั้นๆ ออกมา และจะเป็นปัจจัยกดดัน SET ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เรามองว่าการปรับลดลงของ SET ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการทยอยซื้อหุ้น ของนักลงทุนที่ยังมีสัดส่วนหุ้นในพอร์ตไม่มากนัก โดยเราให้น้ำหนักการลงทุนหุ้น/เงินสด ที่ 50/50 และมองระดับ DOWNSIDE RISK ของ SET ที่บริเวณ 420 - 430 จุด เท่านั้น เนื่องจาก

1. SET ซื้อขายที่ระดับ P/BV 1.1 เท่า เท่านั้น ซึ่งถือว่าต่ำกว่าระดับ P/BV เฉลี่ยในช่วงปี 1997 - 2008 ที่ 1.5 เท่ามาก และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 6.2% มากกว่าอัตราดอกเบี้ยฝากประจำ 1 ปี ธนาคารพาณิชย์ ถึง 5.2% ทีเดียว ขณะที่บริษัทจดทะเบียนหลายๆ บริษัทยังมีความสามารถในการทำกำไรดี และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำ

2. แม้สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศจะยังอึมครึม หลังมีการลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ และถือว่าเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้รัฐบาลยังคงประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในกรุงเทพฯ ต่อ แต่จะเห็นว่าคะแนนนิยมในรัฐบาลเพิ่มสูงขึ้นมาก หลังจากสามารถควบคุมการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อเสถียรภาพรัฐบาลในระยะกลาง - ยาว

วิเคราะห์ทางเทคนิค

เมื่อดูจากกราฟด้านบน ซึ่งแสดงภาพของดัชนีดาวโจนส์ระยะ 1 ปีที่ผ่านมา พบว่าตลาดหุ้นสหรัฐนั้นยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในแนวโน้มขาลงระยะกลางเป็นเวลา 6 เดือน

โดยที่ 2 เดือนล่าสุดเป็นการวิ่งขึ้นสวนทางกับแนวโน้มระยะกลาง ดัชนีดาวโจนส์ฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดที่ 6500 จุด ขึ้นในลักษณะรูปแบบตัว V เข้าใกล้ทดสอบแนวต้านสำคัญ 8200 จุด ซึ่งจะเป็นจุดที่อาจเกิดการกลับตัวลงได้ และคาดว่าหลังจากทดสอบไม่ผ่านแนวต้านนี้ ระยะสั้นอาจมีจังหวะพักตัวลงไปที่บริเวณแนวรับ 7500 จุดเป็นเป้าหมายสำคัญ ก่อนที่จะฟื้นตัวมีโอกาสที่จะเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขึ้นระยะกลาง

โดยที่มีเป้าหมายจะขึ้นรอบถัดไปที่ 8500 จุด และ 9000 จุด หรือแนวเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน เป็นการจบรอบขาขึ้นดังนั้นถ้าเกิดการปรับตัวลงระยะสั้นของตลาดสหรัฐ จะส่งผลกระทบต่อ SET ด้วยเช่นกัน

สำหรับตลาดหุ้นไทย ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นระยะสั้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 6 แล้ว และสองสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี SET เคลื่อนไหวในกรอบแนวโน้มขึ้นที่มีความชันสูงขึ้น เครื่องมือ MACD ค่าเป็นบวกและมีทิศทางขึ้นสะท้อนแนวโน้มระยะกลางที่มีแนวโน้มขึ้น ทำให้มีโอกาสที่ดัชนีจะขึ้นไปทดสอบใกล้จุดสูงสุดเดิมบริเวณ 478-488 จุด เป็นเป้าหมายสำคัญที่จะขายทำกำไร
ในขณะที่การปรับตัวลงระยะสั้นที่อาจจะเกิดเกิดขึ้นนั้น คาดว่าจะปรับตัวลงไปที่บริเวณ 430-440 จุด เป็นจังหวะเข้าซื้อ


0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4