26 มีนาคม 2552

ภาวะตลาดหุ้นรายวัน 26/03/52

บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 26/03/52

ภาพวันวาน

ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียอ่อนตัวลงเพื่อการปรับฐานระยะสั้น รวมถึงตลาด
หุ้นไทย อ่อนตัวลงระหว่างวัน 4.28 จุด และดีดตัวขึ้น ปิดลบลดลงที่ระดับ
436.92 จุด มูลค่าการซื้อขายลดลงเหลือเพียง 7,939 ล้านบาท
ต่างชาติซื้อสุทธิ 463.12 ล้านบาท

ประเด็นร้อนวันนี้
เศรษฐกิจยุโรปชะลอตัว กดดัน ECB ปรับลดดอกเบี้ยฯลงต่อเนื่อง
รัฐบาลเยอรมนีคาดว่าจะมีการปรับลดคาดการณ์ GDP Growth
ในปี 2552 เป็นติดลบ 4.5% จากเดิมคาดว่าติดลบ 2.25% รวมถึงรายงาน
ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (Ifo) ในเดือน มี.ค.ลดลงสู่ระดับ 82.1 จาก 82.6
ในเดือน ก.พ. และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 19 ปี จากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะเพิ่ม
แรงกดดันต่อการพิจารณานโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป(ECB)
ให้มีการปรับลดลงต่อเนื่อง โดยมีความเป็นไปได้ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยฯ
ลงราว0.5-1% สำหรับการประชุมในวันที่ 2 เม.ย.2552 นี้ ทั้งนี้ เชื่อว่า
กลุ่มประเทศยุโรปจะยังจำเป็นทีจะต้องดำเนินทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ในระดับต่ำต่อเนื่องจนถึงกลางปี 2552 นี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจาก
วิกฤติการณ์การเงิน เช่นเดียวกับประเทศในแถบเอเชีย คาดว่าจะยังคงเน้นการลด
อัตราดอกเบี้ยฯต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังต่อการฟื้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จึงคาดว่า
แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของไทยน่าจะลดลงได้อีกราว 1% จนถึงสิ้นปี 2552
หรือลงมาที่ 0.5% ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ เชื่อว่าจะ เป็นปัจจัยหนุน
ต่อการฟื้นตัวของตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่อไป

ภาครัฐเร่งการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ และการบริโภคในประเทศ
ภาครัฐเดินหน้าการลงทุนขนาดใหญ่ โดยล่าสุด ที่ประชุมสภาฯ
เห็นชอบร่างหนังสือการขอกู้เงินจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของ
ญี่ปุ่น(ไจก้า) สำหรับโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต
(จาก 2 เส้นทาง คือ บางซื่อ-ตลิ่งชัน และ บางซื่อ-รังสิต) วงเงิน6.51
หมื่นล้านบาท จากเดิม 5.98 หมื่นล้านบาท และยังได้อนุมัติวงเงินสำหรับ
จัดหาตู้รถไฟฟ้าอีก 1.04 หมื่นล้านบาทของโครงการสายสีแดง มูลค่าโครงการ
รวม 7.55 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้นอกเหนือจากการลงทุนโครงการก่อสร้างสาธารณูป
โภคขนาดใหญ่ ที่จะก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเพิ่มเติมแล้ว
โครงการให้เงินช่วยเหลือ 2,000 บาทแก่ผู้มีรายได้ต่ำ เป็นอีกแนวทางหนึ่งใน
การช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศให้ฟื้นตัวขึ้น ประกอบกับทิศทางอัตรา
ดอกเบี้ยฯในประเทศที่อยู่ในขาลง โดยล่าสุด ธนาคารกรุงเทพ ประกาศปรับลด
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากทุกประเภทลง 0.25–0.5% และลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25%
จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เกิดการลงทุนและการใช้จ่ายในประเทศได้
แนะนำอ่อนตัวซื้อสะสม BIGC(FV@B48.8), CPALL(FV@B14),
BEC(XD เงินปันผล 0.75/หุ้น วันที่ 27 มี.ค.52)

ปัจจัยเสี่ยงจากการเมืองในประเทศ กดดันตลาดหุ้นไทยปรับฐาน
คาดว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ จะมีแนวโน้มปรับฐานต่อเนื่อง โดยมีแนวรับ
ที่ระดับ 432 จุดแนวต้าน 440 จุด ประกอบกับปัจจัยการเมืองในประเทศที่มี
การเคลื่อนไหวนอกสภาฯของกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ที่จะมีการชุมนุมบริเวณทำเนียบ
รัฐบาล คาดว่าจะส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุนมูลค่าการซื้อขายลดลง
เพื่อรอดูความชัดเจนของสถานการณ์อีกครั้ง

กลยุทธ์การลงทุน : แนะนำซื้อสะสมหุ้นรับเหมาฯ และกลุ่มการบริโภคในประเทศ
กลุ่มรับเหมาฯ ITD(FV@B2.91), CK(FV@B4.57), STEC(FV@B3.83)
กลุ่มการบริโภค BIGC(FV@B48.8), CPALL(FV@B14)
,BEC(XD เงินปันผล 0.75/หุ้น วันที่ 27 มี.ค.52)

Investor’s Plus
แนวรับ / แนวต้านใน 1 สัปดาห์ของดัชนีตลาด : 420/450 จุด

ตลาดวันนี้ : คาดวันนี้ดัชนีแกว่งตัวด้านข้าง แนวรับ 432 จุด แนวต้าน 440 จุด

0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4