26 มีนาคม 2552

PTTEP <99.00 บาท : ซื้อเก็งกำไร>

PTTEP <99.00> ปรับเพิ่มปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมขึ้นจากการรวมโครงการ Coogee Resources แต่รายจ่ายการลงทุนก็เพิ่มขึ้นด้วย


บมจ. ปตท. สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม
PTTEP <99.00>

คำแนะนำ
ใหม่ : ซื้อเก็งกำไร
ก่อนหน้านี้ : ซื้อเก็งกำไร
เป้าหมาย :
110.00 บาท

  • ปรับปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมปีนี้เพิ่ม 2.3%

บริษัทได้เปิดเผยประมาณการรายจ่ายลงทุน (Capital expenditure) และรายจ่ายดำเนินงาน (Operating expenditure) ของบริษัทและบริษัทย่อย ในช่วงปี 2552-2556 รวม 5 ปี ใหม่เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 485,166 ล้านบาท ในส่วนของรายจ่ายลงทุน เพิ่มขึ้นจากเดิมเฉลี่ยประมาณ 12.8% จาก 302,652 ล้านบาท เป็น 341,293 ล้านบาท จากการรวมต้นทุนการสำรวจ, พัฒนาและดำเนินการผลิตปิโตรเลียมของโครงการ Coogee Resources Limited ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดไปในปลายปีก่อนและเปลี่ยนชื่อเป็น โครงการ พีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย (PTTEP Australasia) โดยรายจ่ายลงทุนส่วนใหญ่จะเพิ่มในปีนี้คิดเป็นประมาณ 54.1% ของประมาณการเดิมเป็น 108,172 ล้านบาท ในส่วนของประมาณการปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมเฉลี่ยต่อวันของโครงการในปัจจุบันที่มีอยู่ 40 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่มีการผลิตเชิงพาณิชย์แล้วรวม 16 โครงการ ก็มีการเพิ่มปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมในปีนี้ขึ้น 2.3% จาก 234,878 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เป็น 240,240 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จากการรวมปริมาณการผลิตของโครงการ PTTEP Australasia (มีปริมาณสำรองปิโตรเลียมทั้งหมดประมาณ 27 ล้านบาร์เรล) เข้ามา จากการรวมโครงการดังกล่าว ทำให้ปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมเฉลี่ย 5 ปี เพิ่มขึ้น 6.4% เป็น 284,154 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน

  • ปรับลดประมาณการผลกำไรในปีนี้ลงตามค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น

เราปรับลดประมาณการผลกำไรในปี 2552 ลง 4% เป็น 29,221 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 8.84 บาท ลดลง 30% yoy ตามการปรับเพิ่มปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมในปีนี้เพิ่มขึ้น 2.3% และประมาณการรายจ่ายลงทุนในปีนี้ที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 54% และปรับลดประมาณการผลกำไรในปีหน้าลง 6% เป็น 35,462 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 10.72 บาท จากผลดังกล่าวทำให้ราคาที่เหมาะสมตามวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ลดลงจาก 114 บาท เป็น 110 บาท

  • ปรับราคาที่เหมาะสมเป็น 110 บาท แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ตามทิศทางราคาน้ำมัน

ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวขึ้นมา 19% ในช่วงเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมาตามราคาน้ำมันที่มีการฟื้นตัวขึ้นจากระดับ 35 เหรียญ/บาร์เรลมาอยู่ที่ 53 เหรียญ/บาร์เรลในปัจจุบัน (ราคาน้ำมันฟื้นตัวจาก demand-supply ที่กลับมาสมดุลมากขึ้นและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง) จนทำให้มี upside เหลือเพียง 11% จากราคาที่เหมาะสมของเราที่ 110 บาท อ้างอิงราคาน้ำมันดิบที่ 50 เหรียญ/บาร์เรล แม้เราจะยังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร แต่ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาประกอบการเก็งกำไรคือ ทิศทางของราคาน้ำมัน ซึ่งหากราคาน้ำมันยังปรับตัวขึ้นได้ต่อ ราคาหุ้นก็มีโอกาสปรับขึ้นได้ แต่หากราคาน้ำมันมีทิศทางอ่อนตัวลง นักลงทุนควรจะลดความเสี่ยงด้วยการทยอยขายทำกำไรออกไปก่อน

ที่มา บล.กิมเอ็ง

0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4