30 เมษายน 2552

ดาวโจนส์พุ่งกว่า 160 จุด

ดาวโจนส์พุ่งกว่า 160 จุด หลังเฟดระบุ ศก.สหรัฐชะลอตัวน้อยลง

นิวยอร์ก 30 เม.ย.-ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 160 จุด หลังเฟดระบุเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มที่จะผ่อนคลายลงแล้ว

ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีพุ่งขึ้นต่อเนื่อง หลังธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ออกแถลงการณ์ในการประชุมสองวันที่ระบุว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐโดยรวมจะยังคงชะลอตัว แต่ทิศทางถือว่าน้อยลงมากกว่าเมื่อเดือนที่แล้ว ชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น ประกอบกับนักลงทุนเลือกที่จะมองข้ามปัจจัยลบอย่างตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรกของปีนี้ ที่ดิ่งลงถึง 6.1%

Fed Holds Steady On Interest Rates
NEW YORK - APRIL 29: Traders work on the floor of the New York Stock Exchange moments before the Federal Reserve announcement on interest rates April 29, 2009 in New York City. The Fed left the federal funds rate unchanged at at 0% to 0.25%.

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.48 พันล้านหุ้น
มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2,560 ต่อ 484
ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.40 พันล้านหุ้น

ริชาร์ด คลิปส์ นักวิเคราะห์จาก Stifel Nicolaus ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กคึกคักขึ้นทันทีหลังจากคณะกรรมการเฟดออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมเมื่อคืนนี้ว่า มีสัญญาณบ่งชี้บางอย่างที่บ่งชี้ว่าภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจอาจจะทุเลาลง โดยเฟดระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้นปานกลางตั้งแต่เดือนมี.ค. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาวะตึงตัวในตลาดการเงินเริ่มบรรเทาลงแล้ว นอกจากนี้ เฟดเชื่อว่าตลาดการเงินจะเริ่มมีเสถียรภาพขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลและเฟดร่วมมือกันใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและระบบการคลังภายในประเทศ

การแสดงความคิดเห็นในด้านบวกของเฟดช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก (swine flu) และในการประชุมครั้งนี้คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ที่ระดับ 0-0.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีพ.ศ.2497 โดยมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เข้าสู่ภาะถดถอยนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีพ.ศ.2550

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในปีนี้ หลังจากเฟดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวประมาณ 0.5-1.3% ในปีนี้ มากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัวเพียง 0.2-1.1% โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวตลอดทั้งปี 2552 ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวทั้งปีเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีและคาดว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 8.5-8.8% สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 7.1-7.6%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกหดตัวลง 6.1% ต่อปี แต่รายงานระบุว่าการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้น และสต็อกสินค้าคงคลังลดลง
ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกจำเป็นต้องเก็บสต็อกสินค้าเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกาปิดบวก 6.5% หุ้นซิตี้กรุ๊ปิดบวก 8%

หุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 4.4% ยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ปิดบวก 2%
ส่วนหุ้นวอล-มาร์ท ปิดพุ่งขึ้น 4.1% หลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์
เพิ่มขึ้น 1.05 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ 50.97 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 8,185.73 จุด ปรับขึ้น 168.78 จุด หรือ 2.11%
ดัชนีแนสแดค ปิดที่ 1,711.94 จุด ปรับขึ้น 38.13 จุด หรือ 2.28%
และดัชนีเอสแอนด์พี ปิดที่ 873.64 จุด ปรับขึ้น 18.48 จุด หรือ 2.16%

ด้านตลาดหุ้นสำคัญของยุโรป
ดัชนี FTSE 100 ตลาดลอนดอน ปิดที่ 4,189.59 จุด ปรับขึ้น 93.19 จุด หรือ 2.27%
ดัชนี DAX ตลาดแฟรงก์เฟิร์ต ปิดที่ 4,704.56 จุด ปรับขึ้น 97.14 จุด หรือ 2.11%
และดัชนี CAC 40 ตลาดปารีส ปิดที่ 3,116.94 จุด ปรับขึ้น 65.92 จุด หรือ 2.16%

ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ ตลาดลอนดอน ปิดที่ 50.78 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ปรับขึ้น 79 เซนต์

ขณะที่ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก
ปิดที่ 899.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ปรับขึ้น 7 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนตลาดลอนดอน ปิดที่ 897.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ปรับขึ้น 4.30 ดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา:สำนักข่าวไทย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์

0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4