03 กรกฎาคม 2552

SGP คาดกำไรปีนี้โตเกิน 10%

"สยามแก๊ส" SGP คาดกำไรปีนี้โตเกิน 10%


สยามแก๊ส หวังผลงานทั้งปีโตมากกว่า10-15% ทั้งกำไรและรายได้ หลังเศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว ภาคอุตสาหกรรมเริ่มมีออเดอร์เข้ามา ผสมโรงกับช่วงครึ่งปีหลังยอดการใช้พลังงานพุ่งสูงขึ้น ส่วนแผนซื้อโรงงานแอลพีจีประเทศเวียดนาม คาดเสร็จภายในไตรมาส 3 ปี 2552 ระบุใช้เงินประมาณ 400 ล้านบาท


นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) เปิดเผยว่า ในปีนี้คาดว่าทั้งรายได้และกำไรจะเติบโตมากกว่าเป้าเดิมที่ตั้งไว้ 10-15% เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวและไม่ได้รุนแรงอย่างที่คาด ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมเริ่มมีคำสั่งซื้อแก๊สแอลพีจี เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานในการดำเนินการผลิต

นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของทุกปี จะเป็นช่วงที่มีการเติบโตมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากประเทศในยุโรปและสหรัฐเริ่มเข้าสู่ช่วงหน้าหนาว ส่งผลให้มีความต้องการใช้พลังงานมากขึ้น ขณะที่อุปทานพลังงานยังคงมีเท่าเดิมส่งผลให้ราคาน้ำมันและราคาแก๊สแอลพีจี ที่อ้างอิงราคาน้ำมันมีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นไปด้วย ประกอบกับภาคการผลิตต่างๆ เริ่มเดินกำลังการผลิตมากขึ้นส่งผลให้ออเดอร์แอลพีจี มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น

กรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดจะลอยตัวราคาแก๊สแอลพีจี เขาให้ความเห็นว่า ยังไม่มีความชัดเจนในประเด็นดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลควรมีการพิจารณาข้อดีและข้อเสีย โดยให้คณะกรรมการสำนักงานนโยบายและแผนธุรกิจพลังงานของกระทรวงพลังงานเพื่อนำมาเปรียบเทียบ

อย่างไรก็ตาม การที่จะลอยตัวราคาแอลพีจี ตามตลาดโลกจะต้องคำนึงถึงแก๊สแอลพีจี ที่ส่วนหนึ่งมาจากการผลิตในประเทศ ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าการที่อ้างอิงราคาในตลาดโลกมีความเหมาะสมหรือไม่ ทั้งนี้ หากมีการลอยตัวราคา จะส่งผลให้มีราคาขายสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นตามไปด้วย

สำหรับผลกระทบมองว่า ในเบื้องต้นอาจจะส่งผลให้ปริมาณการบริโภคแก๊สลดลง เนื่องจากมีราคาสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวประชาชน รวมถึงภาคอุตสาหกรรมจะหันมาบริโภคแก๊สแอลพีจี เนื่องจากราคาแอลพีจียังคงมีราคาถูกกว่าราคาน้ำมัน

นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ยอดขายแก๊สในไตรมาส 2 ปี 2552 จะเติบโตจากไตรมาสก่อน 10-15% จากไตรมาสก่อนที่มียอดขาย 200,000 ตัน โดยปัจจัยดังกล่าวจะสนับสนุนให้รายได้และกำไรในไตรมาส 2 น่าจะปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากบริษัทได้รับยอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากผลของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้คนหันมาใช้แก๊สทดแทนน้ำมันที่มีราคาแพง โดยเป็นการเติบโตจากภาคอุตสาหกรรมและภาครถยนต์ ประกอบกับภาคครัวเรือนที่ยังใช้แก๊สในชีวิตประจำวันเพื่อหุงต้ม ซึ่งยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ยจะโตประมาณ 5% ต่อปี

เขากล่าวถึงความคืบหน้าการซื้อโรงงานแก๊สแอลพีจีและท่าเรือรวมถึงคลังแอลพีจี คาดว่าจะสามารถเสร็จสิ้นได้ภายในไตรมาส 3 นี้ โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าวมาจากเงินทุนของบริษัท โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาถึงเรื่องกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีการศึกษารายละเอียด

สำหรับสาเหตุที่เลือกลงทุนในประเทศเวียดนามเนื่องจากเป็นประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตของปริมาณการใช้พลังงานสูง ประกอบกับมีจำนวนประชากรจำนวนมาก อีกทั้งยังมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดี และมีการปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจจากสังคมนิยมเป็นระบบทุนนิยม


0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4