10 กรกฎาคม 2552

โบรกฯแนะซื้อหุ้นแบงก์ดัชนีต่ำ 550

โบรกฯแนะซื้อหุ้นแบงก์ดัชนีต่ำ 550

บล.กสิกรไทยแนะเก็บหุ้นเดือน ส.ค. รอขายต้นปีหน้าเพื่อรับผลตอบแทน 21% หลังสืบย้อนหลัง 20 ปี พบช่วงไตรมาส 3 ต่างชาติขายหุ้นมากที่สุด ชี้ซื้อหุ้นธนาคารช่วงดัชนีต่ำกว่า 550 จุด หลังเห็นแววสินเชื่อแบงก์สะพัดจากการกู้ภาครัฐ ด้านคลังกำชับ 7 แบงก์ขายบอนด์ออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งหน้าเคาน์เตอร์เท่านั้น แย้มหากความต้องการเกินพร้อมเปิดขายล็อต 2

นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวในงานสัมมนา “Q3 หุ้นจะแย่ ทางแก้เป็นอย่างไร?” ซึ่งจัดขึ้นที่ตลาดหลักทรัพย์ ว่า ตามสถิติย้อนหลัง 20 ปี หากนักลงทุนเริ่มซื้อสะสมหุ้นตั้งแต่เดือน ส.ค.นี้ เพื่อขายในเดือน ม.ค.ปีหน้า จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 21% เนื่องจากตามสถิติแล้ว เดือน ส.ค.ของทุกปี จะเป็นปีที่ดัชนีปรับตัวลดลงมากที่สุด เพราะนักลงทุนต่างประเทศมีแรงขายมาก อย่างไรก็ตาม ลักษณะการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ อ้างอิงกับปัจจัยเรื่องเวลาทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับการลงทุนโดยอ้างอิงปัจจัยพื้นฐานแต่อย่างใด
เขากล่าวว่า การขายสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างสอดคล้องกับตัวเลขตามสถิติ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจากนี้ไป นักลงทุนต่างประเทศจะไม่ขายออกมาแรงนัก เพราะต้นทุนของนักลงทุนต่างประเทศรอบนี้อยู่ที่ระดับ 548 จุด โดยประเมินว่า รอบนี้ดัชนีจะค่อยๆ ปรับฐานลงจนถึงระดับ 550 จุด ในเดือน ส.ค.หรืออาจจะต่ำลงไปถึงระดับ 480 จุด ซึ่งมองว่าเป็นกรณีแย่ที่สุด ซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนควรเข้ามาซื้อสะสม

กลุ่มหลักทรัพย์ที่แนะนำให้ลงทุนคือกลุ่มธนาคาร เนื่องจากจะเป็นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์เรื่องการเติบโตของสินเชื่อ โดยเฉพาะการกู้เงินของภาครัฐที่ต้องการเงินมาอัดฉีดเศรษฐกิจอีกจำนวนมากในครึ่งปีหลัง โดยเชื่อว่าในปี 2552 รัฐบาลจะต้องกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์อีกราว 5 แสนล้านบาท และปี 2553 กู้อีก 5 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ไม่กังวลเรื่องสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ ที่มีอยู่ราว 9 แสนล้านบาท เชื่อว่าสามารถรองรับความต้องการในการกู้ได้

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มพลังงานที่น่าสนใจเข้าลงทุน เพราะในไตรมาส 4 ปีนี้ ราคาน้ำมันจะปรับขึ้นมาตามแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล และอาจผลักดันราคาน้ำมันให้ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม บล.กสิกรไทย ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารมากกว่ากลุ่มพลังงาน

นายกวีกล่าวว่า สำหรับแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจ เชื่อว่าในไตรมาส 3 จะดีกว่าไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และในไตรมาส 4 ปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะเป็นบวกได้ในที่สุด เพราะไตรมาส 3 และ 4 จะเป็นไตรมาสที่รายได้ภาครัฐจะกลับคืนมา หลังจากที่มีการใช้จ่ายอย่างหนักในไตรมาส 2 นอกจากนี้ยังเชื่อว่าตัวเลขการส่งออกในไตรมาส 4 โดยเฉพาะเดือน พ.ย.-ธ.ค. จะเริ่มกลับเป็นบวกอีกครั้ง โดยประเมินว่าน่าจะบวกประมาณ 10% หลังจากติดลบมาประมาณ 2 ไตรมาส

ทั้งนี้ เชื่ออีกว่าหากรัฐบาลสามารถผ่านงบประมาณปี 2553 ได้ในช่วงไตรมาส 4 นี้ จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของปี 2553 ได้ประมาณ 1-1.5% อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายภาครัฐก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเติบโตของจีดีพี รัฐบาลจะต้องทำให้ภาคเอกชนและประชาชนมีความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายมากกว่านี้

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า สำหรับภาวะตลาดหุ้นในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา สภาพคล่องมีพอสมควร มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 21,000 ล้านบาทต่อวัน นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งหวังว่าแนวโน้มช่วงครึ่งปีหลังจะดีเช่นเดียวกับไตรมาส 2 หลังจากรัฐบาลคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และหากรัฐบาลเริ่มลงทุนโดยเร็ว น่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น

ส่วนการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในไทยนั้น มองว่าเป็นแรงแพนิคช่วงสั้นๆ จากกระแสข่าวที่ออกมา แต่ภาพรวมเชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
กรณีที่รัฐบาลออกขายพันธบัตรรัฐบาล 50,000 ล้านบาทนั้น ยอมรับว่าอาจมีเม็ดเงินบางส่วนจากตลาดหุ้นโยกไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลบ้าง แต่คาดว่านักลงทุนที่เข้าไปลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีเงินออม จึงไม่กังวลในเรื่องดังกล่าว และมองว่าพันธบัตรที่เสนอขายออกมาน่าจะช่วยเกื้อหนุนและเสริมกันมากกว่า โดยผู้ที่เข้าไปลงทุนคงพิจารณาผลตอบแทนและอัตราดอกเบี้ย


คลังกำชับ 7 แบงก์ขายบอนด์หน้าเคาน์เตอร์

ด้านนายจักรกฤษฎิ์ พาราพันธกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า สบน.ได้แจ้งให้ธนาคารพาณิชย์ทั้ง 7 แห่งที่เป็นผู้จำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งวงเงินรวม 5 หมื่นล้านบาทว่า จะต้องทำการจำหน่ายตามขั้นตอนที่กระทรวงการคลังวางไว้อย่างเข้มงวด โดยไม่มีการเปิดรับจองล่วงหน้า แต่จะต้องเปิดขายที่หน้าเคาน์เตอร์ธนาคาร ณ วันที่กระทรวงการคลังกำหนด เพื่อให้ผู้ซื้อรายย่อยสามารถเข้าจองซื้อพันธบัตรได้ตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาล
นอกจากนี้ แต่ละสาขาของธนาคารที่เปิดจำหน่ายพันธบัตร ควรจะมีการแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าว่า มีวงเงินรวมที่สาขาสามารถเปิดให้ลูกค้าสามารถจองซื้อได้จำนวนเท่าใด เพื่อให้ลูกค้าได้เตรียมตัวว่า ควรจะไปจองซื้อได้ในสาขาใด เพราะแต่ละธนาคารอาจจะจัดสรรวงเงินที่แต่ละสาขาจำหน่ายได้ตามฐานเงินของแต่ละสาขา

เขากล่าวว่า หากธนาคารใดไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด คลังจะสงวนสิทธิในการเป็นผู้จำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ครั้งต่อไป โดยประชาชนรายใดที่ไม่ได้รับสิทธิในการซื้อพันธบัตร แม้จะปฏิบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด เช่น เข้าจองซื้อในคิวแรก แต่ได้รับการปฏิเสธจากธนาคาร ให้ร้องเรียนมายังกระทรวงการคลังได้ ซึ่งสะท้อนว่าธนาคารแห่งนั้น ไม่ปฏิบัติตามเกณฑ์ที่คลังกำหนด
เขากล่าวด้วยว่า การกำหนดวงเงินให้กับผู้สูงอายุให้ได้สิทธิในการซื้อพันธบัตรในระยะแรกจำนวน 3 หมื่นล้านบาท ถือว่าน่าจะเพียงพอสำหรับความต้องการ โดย สบน.ได้เทียบเคียงจากยอดจองซื้อพันธบัตรออมทรัพย์สำหรับผู้สูงอายุที่เปิดขายเฉพาะผู้สูงอายุในปีที่แล้ววงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งปรากฏว่า มีผู้จองซื้อรายใหญ่ หรือมีวงเงินการจองซื้อมากกว่า 1 ล้านบาทต่อรายจำนวน 7 คนเท่านั้น แต่ขณะนี้ มีวงเงินให้ซื้อพันธบัตรมากกว่า 4 เท่า จึงน่าจะเพียงพอสำหรับความต้องการ

อย่างไรก็ตาม หากความต้องการซื้อมีมากกว่าวงเงินที่กำหนด คลังเตรียมแผนรองรับไว้ใน 2 แนวทาง คือ อาจเปิดจำหน่ายอีกครั้งภายใต้วงเงินที่เกินความต้องการจากการขาย ล็อตแรก ซึ่งจะเป็นวงเงินที่ไม่มาก หรือเปิดขายในวงเงินจำนวนมาก เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการระดมเงินของคลัง ซึ่งคลังจะตัดสินใจ หลังผลซื้อพันธบัตรล็อตแรกออกขายเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ หากมองในแง่ต้นทุน กรณีที่คลังจะต้องระดมเงินในจำนวนที่มากกว่า 5 หมื่นล้านบาทนั้น ไม่ถือว่าเป็นต้นทุนที่มากกว่าเดิม เพราะเงินที่ระดมมาได้ ทางกระทรวงการคลังก็จะนำมาใช้ในไตรมาสนี้


ตลาดไม่ห่วงบล.แข่งตัดค่าคอมฯ

นางภัทรียา กล่าวอีกว่า ตลาดหลักทรัพย์ไม่มีความกังวลหากเปิดใช้ค่าคอมมิชชั่นแบบขั้นบันไดในปีหน้าจะเป็นการกระตุ้นให้ บล.แข่งขันตัดค่าคอมมิชชั่น หรือรีเบท เพื่อให้ลูกค้าเทรดกับโบรกเกอร์ ต้นสังกัดเพิ่มขึ้น โดยตลาดหลักทรัพย์ พยายามตรวจสอบและดูแลในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมี บล.บางแห่งรีเบทบ้าง แต่ก็ถูกดำเนินการตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์
"ส่วนการที่สมาคม บล.จะขอแยกบัญชีของลูกค้าในการคำนวณวอลุ่มเทรดต่อวันนั้น ตลาดหลักทรัพย์ในฐานะเป็นผู้ดูแลและออกประกาศเกณฑ์ในการซื้อขายของ บล. พร้อมที่จะพิจารณาหากทางสมาคม บล.ยื่นเรื่องมาให้พิจารณา เพื่อจะทำให้ต้นทุนไม่สูงมากนัก แต่ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ต้องรอสมาคมเข้ามาหารืออีกครั้งก่อนสรุปว่าจะดำเนินการอย่างไร"


0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4