25 มิถุนายน 2552

โบรกฯลุ้น"JMART"ฝ่าตลาดร่วง

โบรกฯลุ้น"JMART"ฝ่าตลาดร่วง คาดปีนี้รายได้หดรอปี"53กำไรโต


นักวิเคราะห์ลุ้นหุ้น JMART เทรดวันแรก 25 เม.ย.นี้ ตั้งราคาเป้าหมายปี"53 สูงเหนือจองที่ 1.80 บาท ชี้ครึ่งปีแรกยอดขายมือถือร่วงตามภาวะ ศก. เร่งปั๊มยอดขาย "เจโฟน" ฟันมาร์จิ้นสูงในครึ่งหลัง หวังประคองกำไรไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน ส่วนปีหน้าฟื้นทั้งรายได้-กำไรโต



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART จะเข้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นวันแรกในตลาดเอ็มเอไอ ในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ โดยที่ผ่านมาได้กระจายหุ้นเสนอขายประชาชน (IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น, ผู้อุปการคุณ 7.5 ล้านหุ้น และพนักงาน และผู้บริหารบริษัทอีก 7.5 ล้านหุ้น ราคาจองหุ้นละ 1.80 บาท โดยเงินระดมทุนที่ได้ประมาณ 135 ล้านบาท จะใช้ขยายธุรกิจ รับซื้อหนี้มาบริหารมูลค่า 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้ชำระคืนหนี้ระยะสั้นบางส่วน

นายถกล บรรจงรักษ์ นักวิเคราะห์ หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรีอยุธยา วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของหุ้น JMART ว่า ผลประกอบการในปีนี้ของ JMART ได้รับผลกระทบทั้งด้านยอดขายและกำไรลดลงเมื่อเทียบกับปี 2551 โดยเฉพาะในครึ่งปีแรกผลประกอบการจะลดลงค่อนข้างมาก เพราะมีค่าใช้จ่ายด้านทำการตลาดโปรโมตแบรนด์โทรศัพท์ "J-PHONE" ของ JMART โดยคาดหวังว่าจะเริ่มเห็น ยอดขายกระเตื้องขึ้นในครึ่งปีหลังได้ และต่อเนื่องถึงยอดขายในปี 2553 เติบโต มากขึ้น โดยคาดรายได้ที่ 5,458 ล้านบาท และกำไร 114 ล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่รวมเรื่อง 3G จะส่งผลบวกต่อการขาย

"ราคาหุ้นเป้าหมาย ณ สิ้นปี"52 ของ JMART อยู่ที่ 3.14 บาท จากการประเมิน ค่าพี/อี (อัตราส่วนราคาตลาดต่อกำไรสุทธิ ต่อหุ้น) ที่ 10 เท่า ซึ่งสะท้อนอัตราการเติบโตของบริษัทในปี"53" นายถกลกล่าว

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ JMART รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกที่ผ่านมามีรายได้ 1,231 ล้านบาท ลดลง 12.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน กำไร 20 ล้านบาท ลดลง 28% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมาที่ 12.8% จากเดิม 11.6% และต้นทุนลดลงเหลือ 1,231 ล้านบาท จาก 1,412 ล้านบาท โดยคาดว่าทั้งปีนี้จะมีกำไรเกิน 100 ล้านบาท จากปีก่อนที่อยู่ 97 ล้านบาท แต่ยอดขายอาจลดลงจากที่คาดการณ์ ์ไว้ 6,600 ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) อยู่ระดับ 25% ซึ่งเป็นผลจากการขายโทรศัพท์มือถือแบรนด์ของบริษัทเอง พร้อมทั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) จะเพิ่มขึ้นเป็น 40% จากปัจจุบัน 8.5%

นายเมธี รัมภาสกุล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บีที กล่าวว่า JMART มีรายได้หลักจากการขายโทรศัพท์มือถือสัดส่วน 92% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งคาดว่าผลจากภาวะเศรษฐกิจจะกระทบต่อยอดขายในปีนี้ลดลง 6% จากปีก่อนอยู่ที่ 5,500 ล้านบาท และกำไรลดลง 4% จากปีก่อนที่อยู่ 97 ล้านบาท แต่คาดว่าในปีหน้าจะปรับตัวดีขึ้นจากยอดขาย์แบรนด์เจโฟนที่มีมาร์จิ้นสูง

สำหรับรายได้จากธุรกิจอื่น นายเมธีวิเคราะห์ว่า รายได้จากธุรกิจเร่งรัดหนี้สินมีสัดส่วน 4% ของรายได้รวม และธุรกิจบริหารพื้นที่ใช้เช่า 4% ซึ่งธุรกิจเร่งรัดหนี้สินมีมาร์จิ้นค่อนข้างสูงที่ 20-25% น่าจะส่งผลดีต่ออัตราการเติบโตในอนาคต

"เมื่อเทียบกับคู่แข่งในรายอุตสาหกรรมเดียวกันแล้ว JMART จะมีงบฯการเงินค่อนข้างแข็งแกร่ง เพราะมีการบริหารเงินสดและเงินกู้เพียง 40 วัน ทำให้ความเสี่ยงน้อยลง จึงประเมินราคาเหมาะสมสิ้นปีที่ 2.50-2.80 บาท ที่ค่าพี/อี 8 เท่า" นายเมธีกล่าว


0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4