18 มิถุนายน 2552

ยังคงแกว่งตัวตามปัจจัยต่างประเทศ

ยังคงแกว่งตัวตามปัจจัยต่างประเทศ


สภาพตลาดวันวาน :

ภาคเช้า - แรงกดดันจากการดิ่งลงต่อเนื่องของตลาดหุ้นต่างประเทศ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า ส่งผลให้มีแรงขายหุ้นในกลุ่มหลัก ๆ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน ออกมาตั้งแต่เริ่มเปิดซื้อขาย ทำให้ดัชนีเปิดลดลงจากวันก่อน 7.65 จุด จากนั้นจึงมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มหลักทยอยกลับเข้ามาหนุนให้ดัชนีเริ่มกระเตื้องขึ้น โดยแกว่งตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดบริเวณ 598 จุด ต่อมามีแรงขายหุ้นกลุ่มนำตลาดออกมาเป็นระยะ ๆ ทำให้ดัชนีอ่อนตัวลงมาปิดภาคเช้าที่ 596.39 จุด ลดลง 0.15 จุด


ภาคบ่าย : แรงซื้อเก็งกำไรช่วงเปิดตลาดหนุนให้ดัชนีขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 600 จุด แต่ก็ไม่อาจผ่านขึ้นไปได้ จากนั้นก็มีแรงขายหุ้นกลุ่มหลักออกมาอย่างต่อเนื่อง จากความกังวลต่อการปรับฐานของดัชนี การลดลงของดัชนีตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาค และการเปิดตลาดลดลงของดัชนีตลาดหุ้นยุโรป ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้ามีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้ดัชนีแกว่งตัวลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 585.29 จุด โดยแรงซื้อในช่วง 30 นาทีสุดท้าย หนุนให้ดัชนีกระเตื้องขึ้นมาปิดที่ระดับ 586.14 จุด ลดลง 10.40 จุด (-1.7%) โดยมีปริมาณซื้อขายลดลงเป็น 2.0 หมื่นล้านบาท ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่อง


แนวโน้มตลาด : ขึ้นอยู่กับผลกระทบจากปัจจัยสำคัญ ต่อไปนี้

1. ทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในช่วงการปรับฐาน หลังจากนักลงทุนเริ่มมีความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอีกครั้ง ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมามีทิศทางไม่ชัดเจน โดยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านออกมาดีกว่าคาด ในขณะที่ตัวเลขการผลิตทางอุตสาหกรรมยังคงลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลง ส่งผลให้ทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหุ้นแกนนำ ยังคงมีแนวโน้มผันผวนในสัปดาห์นี้ ซึ่งก็จะสร้างความผันผวนต่อตลาดหุ้นเอเชียเช่นกัน

2. ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และน้ำมันดิบ ราคาน้ำมันดิบยังคงมีแนวโน้มผันผวน เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรสินค้าโภคภัณฑ์ และสัญญาส่งมอบน้ำมันดิบล่วงหน้า อย่างไรก็ดี คาดว่าปริมาณสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งจะช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. ให้ยังคงยืนเหนือระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ และจะช่วยหนุนราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานไม่ให้ลดลงมากนัก

3. ปัจจัยภายในประเทศ ปัจจัยบวกจากการที่สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบพระราชบัญญัติกู้เงิน 4 แสนล้านบาทแล้ว จากนั้นรัฐบาลจะนำเสนอให้วุฒิสภาพิจารณาในต้นสัปดาห์หน้า และคาดว่ารัฐบาลจะสามารถดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 วงเงิน 1.43 ล้านล้านบาท ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งที่จะใช้ไปจนถึงปี 2555 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการก่อสร้าง ประกอบกับการที่ รฟม. จะเปิดซองราคาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญาที่ 3 ในสัปดาห์หน้า จะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง โดยรัฐบาลคาดว่าจะสามารถผลักดันให้ GDP ในปี ’53 เติบโต 2-3% ในขณะที่ปัจจัยลบที่ต้องจับตายังคงเป็นสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งลุกลามไปเรื่อย ๆ และจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ดีปัจจัยในประเทศโดยรวมยังไม่กดดันทิศทางตลาดหุ้นเท่าใดนัก

จากปัจจัยข้างต้น คาดว่าตลาดหุ้นวันนี้ มีแนวโน้มผันผวน ขึ้นอยู่กับทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า และทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวระหว่างกรอบแนวรับ 575-580 จุด กับแนวต้าน 600-605 จุด

กลยุทธ์ นักลงทุนระยะสั้น - ขึ้นขายก่อน รอซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลักที่แนวรับ
นักลงทุนระยะยาว - Short Port บ้าง ที่แนวต้าน รอซื้อกลับต่ำกว่า 580 จุด

โกสินทร์ ศรีไพบูลย์


0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4