06 พฤษภาคม 2552

แนะลงทุน PSL, PS และ GFPT

บล. เอเซียพลัสแนะลงทุน PSL, PS และ GFPT เหตุ P/E Ratio ต่ำ เพียง 3-4 เท่า


ภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บล. เอเซียพลัส ว่า ดัชนีหุ้นไทยในวันจันทร์ได้ปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากในทิศทางเดียวกับภูมิภาค จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มเข้ามาซื้อสุทธิตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นได้จากราคาหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน อาทิ บมจ. ปตท. (PTT) และ บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เช่น ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY)

อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีหุ้นเพิ่มขึ้นจากระดับ P/E Ratio เพียง 8 เท่าในปลายปี 2551 มาเป็น P/E Ratio ที่ 10 เท่า หรือ มาอยู่ที่ระดับ 506 จุด ทำให้ราคาหุ้นขนาดใหญ่ เช่น PTT, BANPUและ PTTEP ขึ้นมาแตะระดับราคาที่เหมาะสมของปี 2552 และมี P/E Ratio สูงกว่า 11 เท่าไปเรียบร้อยแล้ว จึงควรถือไว้ก่อน และหาโอกาสทยอยปรับพอร์ตการลงทุน แล้วจึงค่อยเข้าซื้ออีกครั้งหากมีจังหวะที่เหมาะสม

สำหรับแนวทางการลงทุนขณะนี้ ควรเลือกหุ้นที่ราคายังไม่ปรับเพิ่มขึ้น หรือมี P/E Ratio เพียง 3-4 เท่า เช่น บมจ. พรีเชียส ชิพปิ้ง (PSL) ที่มีระดับ P/E Ratio ที่ 4 เท่า แต่ค่าระวางเรือยังเพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้ผลประกอบการไตรมาส 1/52 เป็นช่วงที่ต่ำสุดของปีนี้แล้ว และหลังจากนี้ก็น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหุ้นอสังหาริมทรัพย์ เช่น บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท (PS) และ กลุ่มอาหาร คือ บมจ. จีเอฟพีที (GFPT) มีระดับ P/E Ratio เพียง 3-4 เท่า ก็ยังอาจเข้าลงทุนได้เช่นกัน

สำหรับหุ้นกลุ่มสื่อสาร ที่ราคายังขึ้นน้อยกว่าตลาด (Laggard) คือบมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ที่ราคายังห่างจากมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน ก็ยังสามารถลงทุนได้เช่นกัน


ดัชนีหุ้นไทยในวันจันทร์ปิดทะยานขึ้น 14.57 จุด หรือ 2.96% มาอยู่ที่ระดับสูงสุดของวันที่ 506.26 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขาย 20,262.06 ล้านบาท

- นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,448.40 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 580.02 ล้านบาท
- นักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 2,028.42 ล้านบาท



- Money Channel โดยวาสิฏฐี อนุกูล Email: wasittee@set.or.th


0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4