29 เมษายน 2552

ตลาดหุ้นเชื่อไข้หวัดเม็กซิโกไม่กระทบ

ตลาดหุ้นเชื่อไข้หวัดเม็กซิโกไม่กระทบ


ตลาดหลักทรัพย์ไม่หวั่นไข้หวัดเม็กซิโกกระทบแรงซื้อ ระบุเข้าไตรมาส 2 วอลุ่มซื้อขายกระเตื้องแตะหลักหมื่นล้านบาท เตรียมประเมินเป้าหมายวอลุ่มและจำนวนไอพีโอประชุมบอร์ดครั้งหน้า ขณะที่วานนี้ดัชนีหุ้นผันผวนเหตุนักลงทุนกังวลไข้หวัดเม็กซิโก

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ไม่กังวลกับสถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยปัจจุบันนี้ มูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นมา 9,800 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าในช่วง 2 เดือนแรกในต้นปี และในบางวัน มูลค่าการซื้อขายก็ปรับขึ้นสูงถึง 20,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับตัวสอดรับกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นทั่วโลก

"เท่าที่ติดตามมา นักลงทุนต่างประเทศเริ่มขายสุทธิลดลง และภาพของการซื้อสุทธิเริ่มมากขึ้น และจากการประชุมร่วมกันกับภูมิภาคก็เริ่มมีสัญญาณการลงทุนกลับเข้ามาในภูมิภาคเอเชีย ตลาดหุ้นบางประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นไป 10-20% แล้ว ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับตลาดหุ้นไทยด้วย "

เธอกล่าวอีกว่า กรณีไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก แม้ตลาดหลักทรัพย์จะไม่กังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากนัก เพราะมองว่า การแพร่ระบาดยังไม่เข้ามาในประเทศไทย รวมทั้งภาครัฐได้ให้ความสำคัญและเข้ามาดูแล รวมถึงมีมาตรการต่างๆ ออกมาป้องกัน แต่ตลาดหลักทรัพย์ก็ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด และจะไม่ละเลยปัจจัยนี้

นอกจากนี้ ยังแนะนำให้นักลงทุนติดตามเกี่ยวกับประเด็นการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก หรือ ไข้หวัดหมู รวมถึงติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา

“ส่วนตลาดหุ้นในสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมา จากการติดตามข้อมูลก็พบว่าในช่วงแรกหุ้นในกลุ่มการบินและท่องเที่ยวก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน แต่หลังจากผ่านไประยะหนึ่งการซื้อขายก็กลับสู่ภาวะปกติ ผลกระทบจึงยังไม่รุนแรง ดังนั้น ก็ต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปว่าจะควบคุมโรคได้เร็วแค่ไหน”

นางภัทรียา กล่าวอีกว่า จากเดิมที่ตลาดหลักทรัพย์จะประเมินเป้าหมายมูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันสำหรับปีนี้ และจำนวนบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้ใหม่ ภายในไตรมาส 1 นั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ในครั้งต่อไป

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ได้รับความสนใจมากขึ้น จากการที่มีตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) มาเป็นหนึ่งในทางเลือก โดยตลาดอนุพันธ์ ได้เปิดให้บริการมาครบ 3 ปีและได้รับความสนใจอย่างมาก มีปริมาณสัญญาซื้อขายต่อวัน เพิ่มขึ้นมากกว่า 60% หรือเพิ่มเป็น 8,600 สัญญาต่อวัน จากปีแรกที่เปิดดำเนินการที่มีปริมาณสัญญาซื้อขาย 100 สัญญาต่อวัน ขณะเดียวกัน จำนวนบัญชีก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,000 บัญชี

“ในปีที่แล้ว มูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง 6% เทียบจากปี 2550 แต่ตลาดอนุพันธ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 66% จากปี 2550 สะท้อนว่านักลงทุนให้ความสนใจ และใช้ตลาดอนุพันธ์เป็นการบริหารความเสี่ยงมากขึ้น และสินค้าโกลด์ ฟิวเจอร์ส เพิ่มเข้ามาซื้อขาย ก็ยิ่งทำให้รับความสนใจมากขึ้น ทั้งนี้ ปริมาณสัญญาซื้อขายของ SET50 Futures ยังมีปริมาณสัญญาซื้อขาย 90% มูลค่าอนุพันธ์อยู่”

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นวานนี้ (28 เม.ย.) ดัชนียังคงผันผวนทั้งแดนบวกและลบ ตามแรงเทขายหุ้นกลุ่มหลัก ทั้งพลังงานและธนาคาร เพื่อลดความเสี่ยงจากความกังวลไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกจะลุกลามจนกระทบเศรษฐกิจ โดยระหว่างวันดัชนีทะยานขึ้นสูงสุดที่ 480.35 จุด ลดลงต่ำสุดที่ 468.96 จุด จนมาปิดตลาดที่ 472.72 จุด ลดลง 2.27 จุด หรือคิดเป็น 0.48% ด้วยมูลค่าการซื้อขายคึกคัก 17,642.85 ล้านบาท

ด้านสัดส่วนการลงทุน แบ่งเป็น นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 140.09 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 479.36 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 619.45 ล้านบาท

นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บล.เคที ซีมิโก้ มองว่า ดัชนีตลาดหุ้นช่วงเช้าปรับตัวขึ้นได้ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น จากนั้นก็มีแรงเทขายทำกำไรออกมา ตามแรงเก็งกำไรหุ้นรายตัว ซึ่งน่าจะเป็นกระแสเงินจากนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนต่างชาติ หลังก่อนหน้านี้รายย่อยเป็นฝ่ายซื้อสุทธิมามากแล้ว

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (29 เม.ย.) มองว่า ดัชนียังคงแกว่งตัวผันผวนคล้ายกับ 2 วันก่อน โดยต้องติดตามปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก เช่น จะมีการเพิ่มทุนของ แบงก์ ออฟ อเมริกา หรือไม่ และโรคไข้หวัดเม็กซิโกจะลากยาวจนเป็นปัญหากระทบเศรษฐกิจหรือไม่ โดยประเมินแนวรับที่ 465 จุด และแนวต้าน 485-490 จุด ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเลือกลงทุนหุ้น 20 อันดับแรก โดยเน้นกลุ่มที่มีพื้นฐานดีและสภาพคล่องสูง


0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4