02 เมษายน 2552

หุ้นสหรัฐปิดบวกรับแรงหนุน

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกรับแรงหนุน น้ำมันดิบร่วง 1.27 ดอลลาร์

สหรัฐ 2 เม.ย. - ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวในแดนบวกต่อเนื่อง จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มสำคัญ หลังข้อมูลเศรษฐกิจออกมาน่าพอใจ

ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งเป็นวันแรกในไตรมาส 2 ของปี ดัชนีปรับเพิ่มจากข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นบวก
ไม่ว่าจะเป็นยอดจำหน่ายบ้านในเดือนที่ผ่านมาที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ดัชนีกิจกรรมภาคอุตสาหกรรมแม้จะปรับลดลงในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ก็ถือว่าน้อยกว่าที่คาดไว้ เช่นเดียวกับการใช้จ่ายภาคการก่อสร้าง ที่แม้จะลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 แต่ก็ไม่มากอย่างที่คาดไว้เช่นกัน

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.50 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.28 พันล้านหุ้น


บิล สโตน นักวิเคราะห์จาก PNC Wealth Management กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคักคัก หลังจากสำนักงานจัดการด้านอุปทานระบุว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของโรงงานในสหรัฐปรับตัวลดลงน้อยเกินคาดในเดือนก.พ. และดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales)
เพิ่มขึ้น 2.1% แตะระดับ 82.1 จุดในเดือนก.พ. จาก 80.4 ในเดือนม.ค.

ก่อนหน้านี้สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนก.พ.พุ่งขึ้น 5.1% แตะระดับ 4.72 ล้านยูนิต สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.จะร่วงลง 0.9% แตะระดับ 4.45 ล้านยูนิต/ปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเริ่มรวบรวมข้อมูลในปีพ.ศ.2543

ดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอการปิดขายและยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.ที่พุ่งขึ้นเกินความคาดหมายทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่คลายความวิตกกังวลเรื่องปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยลอว์เรนซ์ ยุน หัวหน้านักวิเคราะห์ของสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ระบุว่า การที่ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.พุ่งขึ้นเกินคาดมาจากการที่ประชาชนเข้าซื้อบ้านในช่วงที่ราคาบ้านตกต่ำลง และความเชื่อมั่นที่ว่ารัฐบาลสหรัฐจะใช้มาตรการฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายซบเซาลงหลังจาก ADP National Employment Report รายงานว่า ภาคเอกชนของสหรัฐลดการจ้างงานลง 742,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูตัวเลขจ้างงานเดือนก.พ.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์ที่ 3 เม.ย.นี้

โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.5%
ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 8.1% และคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนมี.ค.จะร่วงลง 660,000 คน ซึ่งจะทำให้จำนวนคนตกงานโดยรวมพุ่งขึ้นเป็น 5 ล้านคน

นอกจากนี้ ตลาดยังคงถูกปกคลุมด้วยความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐ
หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ระบุว่า การล้มละลายเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการปรับโครงสร้างของบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) โดยผ่านกระบวนการที่ลูกหนี้คือจีเอ็มและเจ้าหนี้คือรัฐบาลสหรัฐทำข้อตกลงและจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการร่วมกัน (Prepackaged Bankruptcy)

นักลงทุนจับตาดูการประชุมสุดยอด G20 ที่กรุงลอนดอนในวันที่ 2 เม.ย.นี้ โดยคาดว่าที่ประชุมจะเรียกร้องให้ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ใช้กฎข้อบังคับด้านการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นและร่วมมือกันใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้ทั่วโลกสามารถรับมือกับวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันได้

หุ้นซิตี้กรุ๊ปปิดบวก 5.9% หุ้นเจพีมอร์แกนปิดพุ่ง 5.9%เช่นกัน ส่วนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นไมโครซอฟท์พุ่งขึ้น 5.1% และหุ้นแอปเปิลปิดบวก 3.4%


ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์
ลดลง 1.27 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ระดับ 48.39 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 7,761.60 จุด เพิ่มขึ้น 152.68 จุด
แนสแดคปิดที่ระดับ 1,551.60 จุด เพิ่มขึ้น 23.01 จุด
และเอสแอนด์พี ปิดที่ระดับ 811.08 จุด เพิ่มขึ้น 13.21 จุด

ที่มา: สำนักข่าวไทย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์

0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4