09 มีนาคม 2552

ตลท.ประชุมด่วน

จับตาอาทิตย์นี้ ตลท.ประชุมด่วนรับมือตลาดหุ้นซบเซา

ผงะหุ้นไทยสภาพคล่องเหือด! ต่างชาติทิ้งแล้ว 2 แสนล้านบ.

หุ้นไทยเลือดไหลไม่หยุด ปีครึ่งนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นตัวหล่อเลี้ยงสภาพคล่อง ทั้งกองทุนเก็งกำไร นักลงทุนระยะยาว ถอนเงินลงทุนแล้วถึง 2.21 แสนล้านบาท ตัวแทนโบรกเกอร์ต่างประเทศชี้สุดเยียวยา เหตุทั้งโลกดำดิ่ง รับหุ้นไทยสภาพคล่องเหือดหนัก โวลุ่มต่ำหมื่นล้านต่อวันอยู่ลำบาก โบรกฯในประเทศ รับฝืดเต็มทีเหตุมีหุ้นแค่ 4 ตัวที่น่าลงทุน ผงะทั้งตลาดมีหุ้นต่ำกว่าบุ๊กแวลูถึง 360 บริษัท คิดเป็น 70-80 % ของทั้งตลาด

หลังเกิดวิกฤติซับไพรม์ในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม 2551 จนกลายเป็นวิกฤติการเงินโลก จนทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย อยู่ในปัจจุบัน เหตุการณ์นี้กินเวลามาแล้ว 1 ปีกับ 7 เดือน ส่งผลกระทบให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตกต่ำประมาณ 40-50%

สำหรับตลาดหุ้นไทย"ฐานเศรษฐกิจ" ได้รวบรวมการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ พบว่า ในช่วง 1 ปี 7 เดือน มียอดขายสุทธิแล้วถึง 2.13 แสนล้านบาท ซึ่งความตกต่ำของตลาดหุ้นไทย เช่นเดียวกับหุ้นทั่วโลกนั้นยังส่งผลให้มีหุ้นถึง 360 บริษัท หรือคิดเป็นประมาณ 70% จากหุ้นทั้งตลาด 500 กว่าบริษัท ราคาปรับตัวลงต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (บุ๊กแวลู)


จากภาวะดังกล่าวทำให้ล่าสุด นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่าสัปดาห์นี้( 9-13 มี.ค.) จะระดมความคิดเห็นจากภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน เช่น สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ และชมรมบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศ หาทางแก้ปัญหาเพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดในภาวการณ์ซื้อขายซบเซา

ด้านม.ล.ทองมกุฏ ทองใหญ่ ผู้อำนวยการฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ซิตี้คอร์ป(ประเทศไทย) ในฐานะประธานชมรมบริษัทหลักทรัพย์ต่างชาติกล่าวว่า ในขณะนี้ยังไม่มีมาตรการเสนอเพื่อฟื้นตลาดหุ้นไทย แต่มองว่าสิ่งที่น่าจะทำคือ รัฐบาลไทยจะต้องเร่งสร้างความชัดเจนของมาตรการพยุงเศรษฐกิจ และเดินหน้าให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้นักลงทุนได้บ้าง โดยเฉพาะนักลงทุนในประเทศ


ทั้งนี้ปัญหาที่เกิดมาจากภาพใหญ่ระดับโลก ที่ไม่สามารถควบคุมได้ทำให้สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่เกิดผลกระทบไปทั่วโลก โดยขณะนี้สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ทั่วโลกกำลังประเมินถึงสภาพคล่องอยู่ และล่าสุดที่ทางธนาคารเอชเอสบีซี (hsbc) ที่เพิ่มทุนไปแล้วมูลค่าประมาณ 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นต้น ดังนั้นอาจทำให้เศรษฐกิจโลกย่ำแย่ไปอีก 1-2 ปี


อย่างไรก็ตามภาพรวมบริษัทในตลาดหุ้นไทย ไม่ได้ย่ำแย่มาก โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ถือว่ายังแข็งแกร่ง แต่การที่ต่างชาติชะลอและหยุดการซื้อขายไปนั้นเป็นปัญหาความไม่เชื่อมั่นจาก เศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาที่ออกมาแย่มากกว่า จึงทำให้นักลงทุนต่างชาติ ยังขายหุ้นไทยต่อเนื่องทั้งกองทุนบริหารความเสี่ยง (เฮดจ์ฟันด์) และนักลงทุนระยะยาว


ม.ล.ทองมกุฏ กล่าวยอมรับว่า การที่ปัจจุบันมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นซบเซาอย่างมาก เฉลี่ย 6,000-7,000 ล้านบาทต่อวัน นั้นมีผลกระทบต่อธุรกิจหลักทรัพย์แน่นอนซึ่งลูกค้าของ บล.ซิตี้คอร์ปฯ ส่วนใหญ่ชะลอและหยุดซื้อขายเช่นกัน


นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวโดย มองเห็นข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ว่ายังน่าสนใจต่อการขยายฐานไปยังกลุ่มนักลงทุนระยะยาว ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้นในการประชุมกับตลท. สัปดาห์หน้า สมาคมจะเสนอกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่ยังมีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลใน อัตราที่สูงกว่าเงินฝาก โดยมองว่าปีนี้บจ.ทั้งตลาดให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 6-7% ต่อปี


"แม้นักลงทุนระยะยาว ซึ่งเป็นเป้าหมายใหม่ที่สมาคมนักวิเคราะห์จะเสนอที่ประชุม อาจไม่ได้สร้างสภาพคล่องให้กับตลาดได้มากนัก แต่เชื่อว่าน่าจะช่วยทดแทนนักลงทุนระยะสั้นที่หยุดซื้อขายได้ระดับหนึ่ง"


ที่มา :ฐานเศรษฐกิจ

0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4