10 มีนาคม 2552

หุ้นสหรัฐแตะต่ำสุดใน12 ปี

ตลาดหุ้นสหรัฐแตะต่ำสุดในรอบ 12 ปี น้ำมันดิบดีดเพิ่ม 1.55 ดอลลาร์

สหรัฐ 10 มี.ค. - ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 12 ปี
หลังนักลงทุนยังไม่มั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นใกล้แตะจุดสูงสุดในรอบปีนี้

ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดการซื้อขายแม้จะมีแรงซื้อเข้ามาบ้างในหุ้นกลุ่มธนาคารและสถาบันจากข่าวที่แบงก์ ออฟ อเมริกา เตรียมจะประกาศเพิ่มทุน
รวมถึงข่าวที่เมิร์ก และแชริ่ง สองบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่บรรลุข้อตกลงควบกิจการด้วยมูลค่า 41,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐแต่นักลงทุนยังผิดหวังกับข่าวของแมคคลัตชีย์ หนังสือพิมพ์ออนไลน์ชื่อดัง ที่เตรียมปรับลดพนักงาน 1,600 ตำแหน่ง

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.56 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 5 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.07 พันล้านหุ้น

ควินซี ครอสบี นักวิเคราะห์จาก The Hartford กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนนับตั้งแต่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นแตะ 8.1% ในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 25 ปี ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรร่วงลง 651,000 ตำแหน่ง โดยอัตราว่างงานเดือนก.พ.ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่เคยพุ่งสูงถึง 8.3% ในเดือนธ.ค.2526

หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ดิ่งลงอย่างหนักและเป็นปัจจัยลบที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงมากที่สุด หลังจาก เมิร์ค แอนด์ โค อิงค์ (Merck & Co., Inc.)และ เชอริ่งพลาว คอร์ป (Schering-Plough Corporation) สองบริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ประกาศเมื่อวานนี้ว่า บอร์ดบริหารของบริษัทมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ทั้งสองบริษัทควบรวมกิจการกันภายใต้ชื่อบริษัท เมิร์ค

โดยข้อตกลงซื้อขายกิจการเป็นเงินสดและหุ้นรวมมูลค่า 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ระบุว่าผู้ถือหุ้นของเชอริ่งพลาวจะได้รับหุ้นจำนวน 0.5767 หุ้นและเงินสดมูลค่า 10.50 ดอลลาร์ต่อหุ้นเชอริ่งพลาวหนึ่งหุ้น ส่วนหุ้นของเมิร์คจะกลายเป็นหุ้นของบริษัทที่ควบรวมกันใหม่โดยอัตโมติ และริชาร์ด ที. คลาร์ก ประธานและซีอีโอของเมิร์ค จะเป็นผู้นำบริษัทเมิร์คต่อไปภายหลังเสร็จสิ้นการควบรวมกัน

ทั้งนี้ หุ้นเมิร์คร่วง 7.7% หุ้นจอห์นสันปิดลบ 2.9% และหุ้นไฟเซอร์รูดลง 0.8% อย่างไรก็ตาม หุ้นเชอริ่ง-พลาว ปิดพุ่ง 14.2% หุ้นเจเนนเทค ดีดขึ้น 2% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า
เจเนนเทคใกล้บรรลุข้อตกลงขายหุ้นให้กับบริษัท โรช ของสวิสเซอร์แลนด มูลค่า 95 ดอลลาร์/หุ้น

ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นหลังจากมีข่าวว่าแบงค์ ออฟ อเมริกา คอร์ปจะระดมทุนในภาคเอกชน โดยหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกาดีดขึ้น 19.4% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 15.8%

ตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ เจ้าของบริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ อิงค์แสดงความคิดเห็นผ่านทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า "เศรษฐกิจสหรัฐทรุดหนักเกินจะเยียวยาในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายหลังจากตัวเลขว่างงานพุ่งขึ้นรุนแรง"

ก่อนหน้านี้บัฟเฟตต์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐ จะตกอยู่ในภาวะ "ระส่ำระสาย" ตลอดทั้งปีนี้เนื่องจากสถาบันการเงินขาดทุนอย่างหนัก ซึ่งเป็นผลมาจากการปล่อยเงินกู้แบบขาดวินัยในช่วงที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์เฟื่องฟู

การแสดงความคิดเห็นของบัฟเฟตต์มีขึ้นหลังจากกระทรวพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2551 หดตัวลง 6.2%ต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่หดตัวรุนแรงสุดในรอบ 27 ปี
และมากกว่าที่ประเมินไว้ในเบื้องต้นว่าจะหดตัวเพียง 3.8% เนื่องจากการทรุดตัวลงของยอดส่งออก, ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค และการลงทุนในภาคเอกชน

หุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ทะยานขึ้น 5% หลังจากโฆษกของจีอีแถลงว่าบริษัท จีอี แคปิตอล ซึ่งเป็นบริษัทด้านการเงินในเครือจีอี เตรียมขายตราสารหนี้ภายใต้โครงการเสริมสภาพคล่องของรัฐบาลสหรัฐ

ด้านราคาน้ำมันดิบ
ตลาดไนเม็กซ์ บวกเพิ่ม 1.55 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ระดับ 47.07 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
เกือบจะสูงที่สุดในรอบปีนี้ ที่เคยขยับเข้าใกล้ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อช่วงต้นปี

ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ลดลง 79.89 จุด ไปปิดที่ระดับ 6,547.05 จุด
ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน 2540
แนสแดคปิดที่ระดับ 1,268.64 จุด ลดลง 25.21 จุด
และเอสแอนด์พีปิดที่ระดับ 676.53 จุด ลดลง 6.85 จุด

ที่มา : สำนักข่าวไทย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์

0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4