27 กรกฎาคม 2552

กำไรครึ่งปีแรกลดแต่ดีเกินคาด

กำไรครึ่งปีแรกลดแต่ดีเกินคาด
บทพิสูจน์แบงก์ไทยปึ้ก-สู้วิกฤต

ในภาวะที่เศรษฐกิจซบเซา ธนาคารพาณิชย์เป็นหนึ่งในธุรกิจหลักๆ ที่ถูกจับตามอง โดยเฉพาะประเด็นผลดำเนินงานและหนี้เสีย แต่ผลประกอบการ 2 ไตรมาสแรก ถือเป็นบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งของธุรกิจธนาคารไทยที่สามารถรองรับแรงกดดันทางเศรษฐกิจได้ดี

โดยล่าสุดในไตรมาส 2 และงวดครึ่งแรกปี 2552 แม้ภาพรวมกำไรสุทธิแต่ละแห่งโดยเฉพาะธนาคารขนาดกลางและขนาดใหญ่จะปรับตัวลดลง เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน (ดูตารางประกอบ)

แต่ความสามารถรักษากำไรให้อยู่ในระดับสูงและดีเกินคาดของธนาคารหลายแห่ง ในมุมมองของนักวิเคราะห์ บางสำนัก แสดงถึงพัฒนาการปรับตัวของธนาคารพาณิชย์ไทย หลังจากได้รับบทเรียนจากวิกฤตปี 2540

นายธนัท รังษีธนานนท์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี อยุธยา กล่าวว่า ไตรมาส 2 และครึ่งแรก ปีนี้ ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ (ไม่รวมธนาคารกรุงศรีอยุธยา) มีกำไร 1.96 หมื่นล้านบาท และ 4 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ถือว่าดีกว่าประมาณการที่คาดไว้ ซึ่งมาจาก 2 ประเด็นหลัก คือ การมีกำไรจากการลงทุนที่ปรับตัวดีขึ้นตามภาวะตลาดหุ้น และต้นทุนทางการเงินที่ลดลงตามภาวะดอกเบี้ย ในขณะที่ NPL ค่อนข้างทรงตัว ไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างที่หลายฝ่ายกังวล ซึ่งหากแต่ละแห่งยังสามารถทำกำไรได้ดีต่อเนื่อง คาดว่าจะต้องปรับประมาณการขึ้นอีก





"คลายกังวลได้แล้วสำหรับประเด็นคุณภาพสินทรัพย์ แต่ที่ต้องจับตามองคือ เศรษฐกิจจะมีการฟื้นตัวมากขึ้นเพียงใด แต่คาดว่าสินเชื่อครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งแรก ทำให้แนวโน้มกลุ่มแบงก์ค่อนข้างเป็นบวก ซึ่งหากมีการฟื้นตัว กลุ่มที่จะได้ประโยชน์คือ ธนาคารขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง พร้อมที่จะโยกเงินจากที่ฝากไว้ในตลาดเงินระยะสั้นมาปล่อยสินเชื่อ" นายธนัทกล่าว

ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ทั้งกลุ่มนอกจากจะได้รับปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศแล้ว ยังมีแรงกดดันจากสังคมในฐานะที่เป็นตัวกลางรับการส่งผ่านนโยบายดอกเบี้ย จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จนเป็นที่มาให้ต้องลดดอกเบี้ยเงินกู้ ลงขาเดียว 0.25-0.30% เหลือ 0.85-0.875% แต่ผ่านครึ่งปีแรก ทั้งผู้บริหารธนาคารและนักวิเคราะห์ต่างมองในทิศทางเดียวกันว่า ภาวะเศรษฐกิจที่เป็นแรงกดดันของธุรกิจ ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุด พร้อมที่จะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง

"6-8 สัปดาห์ที่ผ่านมา เราเห็นสัญญาณความต้องการสินเชื่อจากฝั่ง รายย่อยมากขึ้น แต่ในส่วนสินเชื่อเอสเอ็มอีและธุรกิจขนาดใหญ่อาจจะยังไม่ฟื้นตัว เร็วนัก"

ดังกล่าวคือการให้ความเห็นของ นายตัน คอง คูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งระยะ 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมาได้ชะลอการขยายสินเชื่อเพื่อดูแลคุณภาพสินทรัพย์ ให้สอดคล้องกับการหดตัวของภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งนายคอง คูนกล่าวว่า เพื่อชดเชยการเติบโตของธุรกิจที่มีการตั้งเป้าหมายในปีนี้ไว้ที่ 6% ธนาคารได้เลือกเดินกลยุทธ์การเติบโตจากภายนอก (inorganic growth) ด้วยการซื้อกิจการ ซึ่งภาวะเศรษฐกิจทำให้สามารถซื้อสินทรัพย์ได้ในราคาที่ไม่แพงมาก

"ในครึ่งหลังจะดีขึ้นเพราะเศรษฐกิจน่าจะผ่านช่วงต่ำสุดไปแล้ว คาดว่าเราจะสามารถขยายตัวได้ตามปกติ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้สมมติฐานที่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป" นายคอง คูนกล่าว

ขณะที่ นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย กล่าวว่า ภายหลังการปรับโครงสร้างภายใน ธนาคารมีความพร้อมมากขึ้นและมีความชัดเจนในแผนงาน ถ้าไม่มีประเด็นที่เหนือความคาดหมาย ธนาคารน่าจะรักษาความสามารถในการทำกำไรอยู่ในเกณฑ์ดีเช่นเดียวกับครึ่งปีแรก ซึ่งธนาคารยังคงเป้าหมายสินเชื่อที่ตั้งไว้ที่ 6% หรือ 1.8 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมองว่ามาตรการภาครัฐที่ออกมาจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นได้ และมีโอกาสที่นักลงทุนจะกลับมาทบทวนแผนเพิ่มเติมได้

ดูเหมือนบรรยากาศทางเศรษฐกิจที่เริ่มคลี่คลายกำลังสะท้อนผลบวกถึงหลายธุรกิจ รวมถึงธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะฟื้นจริงหรือไม่คงต้องติดตาม



0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4