13 กรกฎาคม 2552

ปัจจัยบวกมากกว่าลบ

หุ้นไทยสัปดาห์นี้ปัจจัยบวกมากกว่าลบ แต่ก็ยังผันผวน
ถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้บังคับบัญชา สายงานวิจัยหลักทรัพย์ บล.พัฒนสินกล่าวในรายการ Trading Hour (Afternoon) ว่า การลงทุนในตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้น่าจะมีความผันผวนสูงตามประเด็นต่าง ๆ ที่น่าสนใจใน 4 ประเด็นด้วยกันคือ

- การประกาศตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ประจำไตรมาส 2/52 ของจีน ที่คาดว่าจะขยายตัวจากไตรมาส 2/51 ประมาณ 7.8% เป็นการปรับเพิ่มประมาณการเดิม และหากเทียบกับไตรมาส 1/52 ก็คาดว่าจะขยายตัว 6.1% ส่วนในครึ่งหลังของปีนี้คาดว่า GDP จะขยายตัว 8-10% ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่หนุนตลาดโลก

- การประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 2/52 ทั้งของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯและของไทย ซึ่งนักลงทุนบางส่วนที่ยังลังเลไม่เข้าลงทุนในสัปดาห์นี้ก็เพราะต้องการติดตามผลประกอบการไตรมาส 2/52 ก่อน สำหรับกลุ่มสถาบันการเงินของไทยที่จะประกาศออกมาเป็นหลุ่มแรกคาดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมจะลดลง อันเนื่องมาจากการชะลอตัวของการปล่อยสินเชื่อ และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง อย่างไรก็ตาม บล.พัฒนสินคาดว่า ธนาคารทหารไทย (TMB) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) และธนาคารนครหลวงไทย (SCIB) น่าจะยังเป็นกลุ่มที่ผลการดำเนินงานดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/52

- การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่แม้ส่วนใหญ่จะคาดกันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% ไปจนถึงสิ้นปี แต่หากกนง.ตัดสินใจลดดอกเบี้ยลงก็อาจกลางเป็นการสร้าง Surprise ครั้งใหญ่ให้กับตลาดได้ด้วยเช่นกัน

- ประเด็นทางการเมืองที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณาคุณสมบัติของสส.จากพรรคประชาธิปัตย์ในประเด็นเรื่องการถือครองหุ้นบริษัทเอกชน อีกทั้งในวันที่ 16 ก.ค. 52 ยังถึงกำหนดที่คณะกรรมการสมานฉันท์จะส่งร่างรัฐธรรมนูญให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาอีกด้วย

ถนอมศักดิ์มองว่า แนวโน้มของบรรยากาศการลงทุนจะเป็นบวกมากกว่าลบ โดยให้แนวรับหลักไว้ที่ 561 จุด โดยเชื่อว่าหากไม่หลุดไปจากแนวรับนี้ก็จะมีการเก็งกำไรเข้ามา แต่หากหลุดจากระดับ 561 จุด ก็อาจต้องไปรอที่ระดับ 550 จุดหรือต่ำกว่า

สำหรับการเปิดจองพันธบัตรออมทรัพย์นั้น ถนอมศักดิ์มองว่าจะส่งผลต่อตลาดหุ้นไม่มากนัก เพราะเชื่อว่าเงินที่จะนำไปลงทุนในพันธบัตรจะเป็นเงินออมในธนาคารพาณิชย์มากกว่าการโยกเงินจากการลงทุนในหุ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนในตลาดหุ้นที่ไม่ชอบความเสี่ยงมากนัก ในระหว่างนี้อาจเลือกลงทุนหุ้นปันผลที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า 3% แทนก็ได้


ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดทำการ ณ จุดต่ำสุดของวันที่ 566.03 จุด ลดลง 15.96 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 15,838.712 ล้านบาท

- นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,057.29 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,263.80 ล้านบาท
- นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 3,321.09 ล้านบาท




0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4