04 มิถุนายน 2552

ขึ้นอยู่กับ Fund Flow จากต่างชาติ

ขึ้นอยู่กับ Fund Flow จากต่างชาติ

คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวภายในกรอบแนวรับ 570-575 จุด กับแนวต้าน 587-590 จุด

สภาพตลาดวันวาน
ภาคเช้า : การที่ตลาดหุ้นต่างประเทศยังคงเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าทรงตัว ทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลัก เข้ามาตั้งแต่เริ่มเปิดซื้อขาย หนุนให้ดัชนีเปิดเพิ่มขึ้นเกือบ 8 จุด (+1.4%) ในขณะที่การคาดหวังว่า พ.ร.ก. กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ของรัฐบาลคงไม่ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ช่วยหนุนให้มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีแรงขายทำกำไรออกมาเป็นระยะ ๆ เช่นกัน ดัชนีจึงแกว่งขึ้นต่อเนื่องตลอดภาคเช้า โดยมีระดับต่ำสุดที่ 581.50 จุด ในช่วง 5 นาทีแรก และระดับสูงสุดที่บริเวณ 587 จุด และปิดภาคเช้าที่ 586.53 จุด เพิ่มขึ้น 12.23 จุด (+2.13%) โดยมีปริมาณซื้อขายเกือบ 1.4 หมื่นล้านบาท

ภาคบ่าย : ภาวะการซื้อขายค่อนข้างผันผวน หลังจากทราบผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีมติว่าการออก พ.ร.ก. กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ไม่ขัดต่อกฎหมาย โดยช่วงเปิดภาคบ่ายแรงซื้อเก็งกำไรได้หนุนให้ดัชนีแกว่งขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 588.15 จุด จากนั้นก็มีแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่องเกือบ 1 ชั่วโมงครึ่ง กดดันให้ดัชนีลดลงมาต่ำสุดที่บริเวณ 578.44 จุด จนเมื่อเข้าใกล้ครึ่งชั่วโมงสุดท้าย จึงมีแรงซื้อเก็งกำไรกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคาร พลังงาน (บางบริษัท) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐในอนาคต หนุนให้ดัชนีกระเตื้องขึ้นไปยืนเหนือระดับ 580 จุด อีกครั้ง และปิดตลาดที่ 582.25 จุด เพิ่มขึ้นเกือบ 8 จุด (บวก 1.38%) โดยยังคงมีปริมาณซื้อขายหนาแน่นกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องอีกเกือบ 4 พันล้านบาท


แนวโน้มตลาด : ขึ้นอยู่กับผลกระทบจากปัจจัยสำคัญ ต่อไปนี้

1.ทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหุ้นแกนนำยังคงมีแนวโน้มแกว่งตัวปรับฐานในระยะสั้น หลังจากตอบรับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มาหลายสัปดาห์ติดต่อกัน นักลงทุนยังคงให้ความสำคัญกับตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ค. ซึ่งจะประกาศในคืนวันพุธ และวันศุกร์นี้ หากตัวเลขไม่กระเตื้องขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าการขายทำกำไรจะมีออกมามากขึ้น ในขณะที่นักลงทุนบางส่วนคงจะชะลอการลงทุนเพื่อรอฟังทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากคำแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ต่อคณะกรรมาธิการงบประมาณสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในวันพุธนี้

2.ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า ยังคงมีแนวโน้มผันผวนบ้างในระยะสั้น แม้มีแรงหนุนจากการคาดหวังว่าอุปสงค์การใช้น้ำมันอาจจะกระเตื้องขึ้น จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด รวมทั้งความกังวลต่อการลดลงต่อเนื่องของสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็อาจมีแรงกดดันจากการขายทำกำไรระยะสั้น หากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกระเตื้องขึ้นบ้าง ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. จึงมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 66-70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลอีกสักระยะ ซึ่งจะสร้างความผันผวนต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงานเช่นเดิม

3.ปัจจัยภายในประเทศ ปัจจัยการเมืองมีแนวโน้มผ่อนคลายลงบ้าง หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐบาลสามารถออก พ.ร.ก. กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ได้โดยไม่ขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยรัฐบาลจะดำเนินการเปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญในช่วงวันที่ 15-23 มิ.ย.นี้ เพื่อนำร่าง พ.ร.ก. ดังกล่าวและร่าง พรบ. งบประมาณรายจ่ายปี 2553 เข้าสู่การพิจารณา ในขณะที่ที่ประชุม ครม. ยังไม่เห็นชอบโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคันของกระทรวงคมนาคม โดยให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาความคุ้มค่าระหว่างการซื้อกับการเช่า ให้เวลาศึกษา 1 เดือน ทำให้ชนวนแห่งความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลถูกถอดลงชั่วคราว แรงกดดันจากปัจจัยการเมืองจึงบรรเทาลงบ้าง
ากปัจจัยข้างต้น คาดว่าตลาดหุ้นวันนี้ มีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น ขึ้นอยู่กับทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า และทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ

คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวภายในกรอบแนวรับ 570-575 จุด กับแนวต้าน 587-590 จุด

กลยุทธ์ นักลงทุนระยะสั้น - ลดพอร์ตลงให้มากขึ้น เมื่อดัชนีเข้าใกล้แนวต้าน รอซื้อคืนสัปดาห์หน้า
นักลงทุนระยะยาว - ถือต่อ หรือ Short Port บ้าง ที่บริเวณแนวต้าน

ที่มา:บล.ยูโอบีเคย์เฮียนฯ
โดย : โกสินทร์ ศรีไพบูลย์



0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4