15 มิถุนายน 2552

หุ้นเก็งกำไรเฉาสวนดัชนี

หุ้นเก็งกำไรเฉาสวนดัชนี ครึ่งปีแรกราคาดิ่งยกแผง


ครึ่งปีแรกหุ้นเก็งกำไรเฉา ราคาดิ่งสวนดัชนีและหุ้นขนาดใหญ่ กลุ่มไออีซีทรุดยกแผง ขณะที่หุ้นเอ็นพาร์คแชมป์ราคาดิ่ง 80% ส่วนหุ้นกลุ่มแบงก์ทะยานขึ้นกว่า 60% บล.ดีบีเอสเล็งปรับเป้าดัชนีสิ้นปีมีโอกาสเห็น 700 จุด ด้าน บลจ.กรุงไทย มองพื้นฐานหุ้นไทยแค่ 550 จุด ชี้ต้นเหตุตลาดหุ้นปรับเพิ่มขึ้นจากกระแสเงินทุนมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน


จากการรวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่เดือนม.ค.-มิ.ย. 2552 พบว่าราคาหุ้นเก็งกำไรปรับตัวลดลงสวนกับหุ้นขนาดใหญ่ที่มูลค่าตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) สูงสุดสิบอันดับแรก ขณะที่ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ดัชนีปรับตัวขึ้น 25.63% จากระดับ 449.96 จุดเป็น 628.10 จุด

สำหรับหุ้นที่นักลงทุนนิยมเก็งกำไรและมีการปรับตัวลดลงมากสุดได้แก่ หุ้นบริษัทแนเชอรัล พาร์ค (N-PARK) ปรับตัวลดลง 80% จากราคา 0.05 บาท เหลือ 0.01 บาท รองลงมาหุ้นไลฟ์ คอร์ปอเรชั่น (LIVE) ลดลง 66.67% จากราคา 0.36 บาท เหลือ 0.12 บาท หุ้นบลิส-เทล (BLISS) ลดลง 60% จากราคา 0.10 บาท เหลือ 0.04 บาท หุ้นไออีซี (IEC) ลดลง 28.57% จากราคา 0.07 บาท เหลือ 0.05 บาท (ราคาหุ้นหลังแตกพาร์เหลือ 0.10 บาท) หุ้นซันไชน์ (SSE) ราคาปรับลดลง จาก 1.60 บาท เหลือ 1.48 บาท (ราคาหุ้นคิดจากรวมพาร์แล้ว จาก 0.10 บาทเป็น 1 บาท) และ หุ้นแคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค (CEN) ราคาหุ้นลดลง 4.79% จากราคา 8.35 บาท เหลือ 7.95 บาท

ทั้งนี้หากนำมาเปรียบเทียบกับหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุดสิบอันดับแรกในตลาดหุ้นไทย ส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งหมด โดยหุ้นใหญ่ที่ปรับตัวขึ้นแรงสุดคือ แบงก์กรุงไทย (KTB)จากราคา 3.8 บาทต่อหุ้น เป็น 8.35 บาท คิดเป็น 119.74% รองลงมาเป็นหุ้นแบงก์ไทยพาณิชย์ (SCB) จากราคา 48.25 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 80 บาท คิดเป็น 65.8% หุ้นแบงก์กรุงศรีอยุธยา (BAY) จากราคา 9.3 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 15.1 บาท คิดเป็น 62.37% หุ้นแบงก์กสิกรไทย (KBANK) จากราคา 45 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 71.5 บาท คิดเป็น 58.89% หุ้นแบงก์กรุงเทพ (BBL) จากราคา 69 บาท เป็น 109 บาท คิดเป็น 57.97%

หุ้นปูนใหญ่ (SCC) จากราคา 103 บาท เป็น 161.5 บาท คิดเป็น 56.8% หุ้นบ้านปู (BANPU) จากราคา 228 บาท เป็น 356 บาท คิดเป็น 56.14% หุ้น ปตท.(PTT) ราคาเพิ่มขึ้นจาก 175 บาท เป็น 244 บาท คิดเป็น 39.43%หุ้น ปตท.สผ. (PTTEP) จากราคา 107 บาท เป็น 145.5บาท คิดเป็น 35.98% และ หุ้นแอดวานซ์ (ADVANC) จากราคา 79.5 บาท เป็น 87.5 บาทคิดเป็น 10.06%

นางอาภาพร แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส (ประเทศไทย) กล่าวว่าการที่หุ้นเก็งกำไรปรับตัวลดลงสวนภาพรวมตลาดเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่หันมาให้ความสนใจหุ้นขนาดใหญ่ เพราะมีปัจจัยพื้นฐานที่ดีรองรับ ถือลงทุนแล้วปลอดภัยกว่า ขณะเดียวกันที่ผ่านมาราคาหุ้นยังอยู่ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ทำให้ทยอยเข้าไปลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่มากกว่า และแม้ว่าราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวจะปรับตัวขึ้นมากแล้ว แต่ถ้าเปรียบเทียบกับมูลค่าพื้นฐานหรือราคาเป้าหมายในปีนี้ยังมีอีกหลายบริษัทยังมีส่วนต่างให้ทำกำไรได้

เธอกล่าวว่า ขณะนี้ บล.ดีบีเอสฯ อยู่ระหว่างทบทวนเป้าหมายดัชนีหุ้นสิ้นปีนี้ใหม่ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาแรง โดยเบื้องต้นคาดว่ากรอบของการเคลื่อนไหวดัชนีจากนี้ไปน่าจะอยู่ที่ระดับ 650-700 จุด ซึ่งระดับ 700 จุด น่าจะมีโอกาสได้เห็น เนื่องจากมีปัจจัยที่สนับสนุนได้แก่ ภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่โครงการลงทุนขนาดใหญ่มีความคืบหน้ามากขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลน่าจะเริ่มเห็นผล

ด้าน นายสุทยุต เชื้อพานิช ผู้จัดการฝ่ายลงทุน-ตราสารทุน บลจ.กรุงไทย กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นทั่วโลกถูกผลักดันด้วยกระแสเงินทุนไหลเข้าไม่ใช่ด้วยปัจจัยพื้นฐานของตลาด ในส่วนของเศรษฐกิจน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วแต่ในส่วนของตลาดหุ้นเองยังไม่คิดว่าตลาดหุ้นจะขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมได้ภายในหนึ่งปี แต่ภาพรวมของตลาดหุ้นยังเป็นแนวโน้มขาขึ้นอยู่ ในขณะที่เศรษฐกิจอาจจะเป็นลักษณะของ W-Shape เพราะภาคการผลิตและการบริโภคแม้จะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ฟื้นตัวเร็วนัก ด้วยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยตลาดหุ้นน่าจะอยู่ที่ระดับ 550 จุด ที่ระดับราคาต่ำกำไรสุทธิ (P/E) 9-10 เท่า แต่หากขยับขึ้นไปเทรดที่ระดับ P/E มากกว่า 10 เท่า ดัชนีก็มีโอกาสจะไปถึงระดับ 700 จุด ได้เช่นเดียวกัน

นายสุทยุต ยังกล่าวอีกว่า ปัจจัยการเมืองของประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคก็ไม่แตกต่างกัน หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียก็มีปัญหาทางการเมืองเช่นเดียวกัน ในส่วนนี้นักลงทุนต่างชาติเองคงเข้าใจและไม่ได้กังวลอะไรมาก การที่ตลาดปรับตัวขึ้นในระยะสั้นนี้สะท้อนถึงการคาดหวังต่อผลกำไรบริษัทจดทะเบียนในระยะยาวที่จะออกมาเป็นหลัก ในส่วนของกองทุนหุ้นของ บลจ.กรุงไทยเองเมื่อราคาขยับขึ้นมาถึงระดับหนึ่งก็จะมีการขายทำกำไรสลับออกมาบ้าง หรือหุ้นตัวไหนที่เต็มมูลค่าแล้วก็อาจจะต้องเปลี่ยนตัวหุ้นเพื่อลงทุนเป็นการบริหารพอร์ตไปในตัว


0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4