24 เมษายน 2552

น้ำมันดิบปิดบวก 77 เซนต์

ภาวะตลาดน้ำมัน NYMEX: น้ำมันดิบปิดบวก 77 เซนต์ หลังดาวโจนส์ฟื้นตัว

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) หลังจากสถาบันการเงินรายใหญ่ในสหรัฐรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นไม่มากนักเนื่องจากสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเกินคาดในสหรัฐสะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลให้ดีมานด์พลังงานหดตัวลงด้วย

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ไต่ขึ้น 77 เซนต์ หรือ 1.58% ปิดที่ 49.62 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 48.37-49.92 ดอลลาร์

สัญญาน้ำมันฮีทติ้งออยล์ส่งมอบเดือนพ.ค.ลดลง 1.20 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 1.3179 ดอลลาร์/แกลลอน และสัญญาน้ำมันเบนซินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 0.38 เซนต์ ปิดที่ 1.3944 ดอลลาร์/แกลลอน

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.6% แตะที่ 50.11 ดอลลาร์/บาร์เรล

ฟิล ไฟน์ นักวิเคราะห์จากอลารอน เทรดดิ้ง กล่าวว่า ตลาดน้ำมันนิวยอร์กเคลื่อนไหวตามทิศทางของตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากพีเอ็นซี ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส รายงานตัวเลขกำไรที่พุ่งขึ้นเกินคาด 22% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้าซื้อกิจการเนชั่นแนล ซิตี้ คอร์ป และต้นทุนการกู้ยืมที่ปรับตัวลดลง

"นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลง ซึ่งดอลลาร์อ่อนตัวลงเรื่อยมานับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจลดดอกเบี้ยระยะสั้นเหลือเพียง 0-0.25% อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายค่อนข้างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากกังวลเรื่องสต็อกน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเกินคาดในสหรัฐ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้ดีมานด์พลังงานลดน้อยลงด้วย จึงทำให้น้ำมันดิบคงค้างอยู่ในสต็อกจำนวนมาก" ไฟน์กล่าว

กระทรวงพลังงานสหรัฐรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 17 เม.ย.พุ่งขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรล แตะที่ 370.6 ล้านบาร์เรลซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 19 ปี และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรล แตะที่ 217.3 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 400,000 บาร์เรล

นักลงทุนวิตกกังวลต่อข่าวที่ว่าบริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ คอร์ป (จีเอ็ม) เตรียมปิดโรงงานหลายแห่งในสหรัฐนานสูงสุด 9 สัปดาห์ในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังยอดขายร่วงลงจนทำให้ยอดรถค้างสต็อกเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้พนักงานหลายพันคนถูกลอยแพหลังการปิดโรงงาน นอกจากนั้นบริษัทซัพพลายเออร์ยังเป็นอีกกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากการปิดโรงงานทำให้บริษัทไม่สามารถขายชิ้นส่วนยานยนต์ให้กับจีเอ็มได้

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานรอบสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้นมากเกินคาด 27,000 ราย แตะระดับ 640,000 ราย ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ที่มา : IQ ข่าวสินค้าโภคภัณฑ์

0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4