ผีซ้ำด้ำพลอย!!

ผีซ้ำด้ำพลอย!!
[31 มี.ค. 52 - 02:34]


ดัชนีหุ้นวันที่ 30 มี.ค.52 ปิดที่ 429.60 จุด ลดลง 11.21 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 8,389.28 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟินันซ่า ชี้ว่าปัจจัยลบหลักที่กดดันตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลงแรง มาจากความร้อนแรงของการชุมนุมของกลุ่ม นปช. มีท่าทีแข็งกร้าวขึ้นทุกขณะ และมีจำนวนผู้ชุมนุมหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ หลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรโฟนอินเข้ามาปลุกระดมถี่ขึ้น ด้วยเนื้อหาที่ดุดันรุนแรงและกล่าวพาดพิงในแง่ลบถึงบุคคลสำคัญ และอาจเป็นเหตุให้ฝ่ายตรงข้ามมีปฏิกิริยาตอบโต้และอาจชักนำสู่ความรุนแรงมากขึ้นได้

ขณะที่ต่างประเทศก็มีทั้งการล้มแผนอุ้ม 2 ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ และผู้บริหารของสถาบันการเงินหลายแห่งออกมายอมรับว่าผลประกอบการเดือนมีนาคมจะย่ำแย่ลงตามภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มการเงินและยานยนต์ออกมาทั่วโลก

มองแนวโน้มตลาดคาดว่าดัชนียังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของความเสี่ยงทางการเมืองที่กำลังกลับมาเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศอีกครั้ง แนะกลยุทธ์ นักลงทุนระยะสั้นให้ชะลอการลงทุน ด้านเทคนิคประเมินแนวรับ 410 จุด และแนวต้าน 430 จุด

บล.เคทีบี ระบุว่า นักลงทุนกังวลกับภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ยังมีทิศทางไม่ดีนัก มากกว่าประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง เนื่องจากการชุมนุมยังไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น แต่ความกังวลที่มีขึ้นทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนและบางส่วนเลือกที่จะขายหุ้นออกมามากกว่าเข้าซื้อ ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยมองว่าจะเคลื่อนไหวโดยอิงกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของแบงก์ชาติ โพลล์รอยเตอร์คาดว่าตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทยอาจดิ่งลงรุนแรงเป็นประวัติการณ์

ปิดท้าย “ศักรินทร์ ร่วมรังสี” ผู้ช่วยผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เผยถึงการใช้ช่วงราคาหุ้น (สเปรด) ใหม่ ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ 30 มี.ค. เป็นวันแรกว่า อาจยังเห็นผลไม่ชัด แต่ช่วงราคาที่แคบลงจะทำให้การจับคู่ (แมทช์) ของการซื้อขายง่ายขึ้น และไม่ทำให้ราคาหุ้นกระโดดขึ้นเร็วเกินไป

ส่วนผู้บริหารโบรกเกอร์รายหนึ่งให้ความเห็นว่า ความไม่คุ้นเคยของ ช่วงราคาใหม่ทำให้ลูกค้าต้องปรับกลยุทธ์การซื้อขายหุ้นใหม่ เพราะช่วงราคาที่แคบลงทำให้การสร้างโอกาสเก็งกำไรต้องใช้เวลานานขึ้น อาจส่งผลกระทบพวกชอบเก็งกำไรชะลอการลงทุนไปในช่วงแรก.

อินเด็กซ์ 51