31 มีนาคม 2552

ผวา2ค่ายยักษ์รถยนต์ล้มละลาย

ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งกว่า 200 จุดผวา2ค่ายยักษ์รถยนต์มะกันล้มละลายน้ำมันดิบร่วง 3.97 ดอลลาร์

สหรัฐ 31 มี.ค. - ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงกว่า 3%
หลังรัฐบาลส่งสัญญาณไม่ตอบรับแผนปรับโครงสร้างองค์กรของเจเนอรัล มอเตอร์ส หรือจีเอ็ม และไครสเลอร์

ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ นักลงทุนเทขายหุ้นอย่างหนัก ภายหลังรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอมาบา เดินทางกดดันให้เจเนอรัล มอเตอร์ส หรือจีเอ็ม และไครสเลอร์ ให้ปรับโครงสร้างองค์กรอย่างเร่งด่วน แลกกับการได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล จนทำให้นายริค แวโกเนอร์ ซีอีโอของจีเอ็ม ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่ง นักลงทุนเกรงว่า หากแผนปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหม่ของทั้งสองบริษัทไม่ได้รับการตอบรับจากรัฐบาล ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นบริษัททั้งสองแห่งต้องล้มละลาย

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.51 พันล้านหุ้น
มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 7 ต่อ 1
ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.04 พันล้านหุ้น

เดวิด เคทซ์ นักวิเคราะห์จาก Matrix Asset Advisors กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หลังจากคณะทำงานเฉพาะกิจด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐมีมติคัดค้านแผนการปรับโครงสร้างของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) และบริษัทไครสเลอร์ โดยให้เหตุผลว่าค่ายรถยนต์ทั้งสองไม่ได้นำเสนอแผนปรับโครงสร้างที่น่าเชื่อถือถึงขนาดทำให้กิจการดำรงอยู่ต่อไปได้ และคาดว่าบริษัทรถยนต์ทั้งสองแห่งอาจดำเนินกิจการต่อไปได้เพียง 2 เดือนเท่นั้น

คณะทำงานระบุว่า ไครส์เลอร์ไม่สามารถดำเนินธุรกิจตามแผนการปัจจุบันได้ แม้รัฐบาลให้เวลา 30 วัน
ในการควบรวมกิจการกับบริษัท เฟียต เอสพีเอของอิตาลี และเสนอว่าจะให้เงินช่วยเหลือ 6 พันล้านดอลลาร์
หากบริษัทสามารถทำข้อตกลงกับเฟียตได้ก่อนเวลาที่กำหนด แต่หากไครสเลอร์ไม่สามารถควบรวมกิจการ
กับเฟียตได้ รัฐบาลก็จะตัดความช่วยเหลือทันที

ส่วนกรณีของจีเอ็มนั้น คณะทำงานให้เวลา 60 วันในการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อแลกกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน พร้อมกับวางเงื่อนว่าซีอีโอของจีเอ็มควรจะลาออกจากตำแหน่ง โดยเมื่อวานนี้ นายริค วาโกเนอร์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ได้ลาออกจากตำแหน่งตามคำขอของคณะทำงาน และจีเอ็มได้แต่งตั้ง ฟริทซ์ เฮนเดอร์สัน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดำเนินงานคนปัจจุบัน
ดำรงตำแหน่งซีอีโอคนใหม่

นอกเหนือจากความวิตกกังวลเรื่องการล้มละลายในอุตสาหกรรมรถยนต์แล้ว นักลงทุนยังกระหน่ำขายหุ้นหลังจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 8.1% และคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) เดือนมี.ค.จะร่วงลง 660,000 คน ซึ่งจะทำให้จำนวนคนตกงานโดยรวมพุ่งขึ้นเป็น 5 ล้านคน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนก.พ.ในคืนวันศุกร์ที่ 3 เม.ย.นี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังหวั่นวิตกต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคการเงิน หลังจากนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐระบุว่า อาจมีธนาคารพาณิชย์อีกหลายแห่งที่ต้องระดมทุนเพิ่ม ซึ่งข่าวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากธนาคารกลางสเปนตัดสินใจเข้าเทคโอเวอร์ธนาคารบางแห่งและอัดฉีดเงินกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อพยุงกิจการธนาคาร

ทั้งนี้ หุ้นจีเอ็มดิ่งลง 25.4%
หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 17.9%
และห้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 11.8%

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์
ลดลงถึง 3.97 ดอลลาร์สหรัฐ ไปปิดที่ระดับ 48.41 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ทำให้หลังปิดตลาด
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดิ่งลง 254.16 จุด หรือ 3.3% ไปปิดที่ระดับ 7,522.02 จุด
แนสแดค ปิดที่ระดับ 1,510.80 จุด ลดลง 43.40 จุด
และเอสแอนด์พี ปิดที่ระดับ 787.53 จุด ลดลง 28.41 จุด

ที่มา:สำนักข่าวไทย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์

0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4