19 มีนาคม 2552

ปีนี้คาดจีดีพี -1.8%

ส.นักวิเคราะห์คาดจีดีพี-1.8% สิ้นปีดัชนี495จุด/เชียร์4หุ้นเด่น

สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์เผยผลสำรวจปีนี้คาดจีดีพี -1.8% ดัชนีตลาดสิ้นปีอยู่ที่ 495 จุด ชี้ปัจจัยลบน่าห่วงสุดอยู่ที่ปัญหาว่างงาน-NPL-ศก.ตกต่ำ แนะคนติดหุ้นลดพอร์ตหากราคาต่ำกว่าพื้นฐาน-ฐานะการเงินไม่ดี เปิดโพล 4 หุ้นเด่น

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวถึงผลสำรวจของนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์จำนวน 23 แห่ง ล่าสุดเมื่อ 16 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจใน

ปี 2552 เฉลี่ยที่ -1.8% และดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นปีอยู่ที่ 495 จุด โดยมีจุดสูงสุด 527 จุด และต่ำสุด 348 จุด ส่วนอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) 5% ขณะที่ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปีอยู่ที่ 36.3 บาท อัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในสิ้นปีอยู่ที่ 0.91% และเงินเฟ้อทั้งปี-0.2% พร้อมคาดเศรษฐกิจโลกแตะจุดต่ำสุดในไตรมาสแรกนี้ จากนั้นจะเริ่มฟื้นตัวได้ใน ปีหน้า

"จีดีพีไตรมาส 1/52 จะหดตัวมากสุดที่ -4.8% และไตรมาส 2-3 ยังติดลบจนถึงไตรมาส 4 ที่คาดว่าจะพลิกฟื้นตัวดีขึ้น"

กลุ่มธุรกิจที่มีกำไรต่อหุ้นเติบโตสูงสุด ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้างโต 24.7% เพราะ ไม่ต้องบันทึกรายการพิเศษสต๊อกสินค้า คาดพลิกขาดทุนเป็นกำไร, กลุ่มพลังงานโต 23.1% หลังไม่มีรายการสต๊อกน้ำมัน และกลุ่มโรงแรมโต 11.9% ส่วนกลุ่มที่กำไรต่อหุ้นติดลบมากสุด คือกลุ่มเดินเรือ -51.4% กลุ่มปิโตรเคมี -34.2% และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -10.8%

ส่วนปัจจัยลบที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้น้ำหนักมากสุด คือปัญหาว่างงานที่เพิ่มขึ้น, ปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้น, เศรษฐกิจในประเทศโตลดลง, สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่กระทบประเทศคู่ค้าของไทย, ความไม่แน่นอนทางการเมือง และปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นที่เบาบาง พร้อมสนับสนุนรัฐลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค เพื่อจ้างงานในระยะสั้นและ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

ส่วนมาตรการแจกเงิน 2,000 บาท กว่า 50% นักวิเคราะห์ไม่เห็นด้วย เพราะเป็น การช่วยเหลือที่ไม่ตรงจุด แต่ควรจะเป็นการเข้าไปอุ้มผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาว่างงาน หรือกลุ่มธุรกิจที่ผลกระทบจริงๆ

สำหรับคำแนะนำลงทุนจะต้องใช้ความระมัดระวังในการทยอยลงทุน โดยเลือกหุ้นที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง การจ่ายปันผลสม่ำเสมอ และเป็นหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวก จากมาตรการรัฐ ส่วนผู้ที่ติดหุ้นควรปรับพอร์ตและเลือกลงทุนในตลาดอนุพันธ์ มาช่วย หุ้นที่แนะนำได้แก่ แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC), บีอีซี เวิลด์ (BEC),ซีพี ออลล์ (CPALL) และธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)


0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4