ขึ้นอยู่กับ Fund Flow จากต่างชาติ
คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวภายในกรอบแนวรับ 570-575 จุด กับแนวต้าน 587-590 จุด
สภาพตลาดวันวาน
ภาคเช้า : การที่ตลาดหุ้นต่างประเทศยังคงเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าทรงตัว ทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มหลัก เข้ามาตั้งแต่เริ่มเปิดซื้อขาย หนุนให้ดัชนีเปิดเพิ่มขึ้นเกือบ 8 จุด (+1.4%) ในขณะที่การคาดหวังว่า พ.ร.ก. กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ของรัฐบาลคงไม่ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ช่วยหนุนให้มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีแรงขายทำกำไรออกมาเป็นระยะ ๆ เช่นกัน ดัชนีจึงแกว่งขึ้นต่อเนื่องตลอดภาคเช้า โดยมีระดับต่ำสุดที่ 581.50 จุด ในช่วง 5 นาทีแรก และระดับสูงสุดที่บริเวณ 587 จุด และปิดภาคเช้าที่ 586.53 จุด เพิ่มขึ้น 12.23 จุด (+2.13%) โดยมีปริมาณซื้อขายเกือบ 1.4 หมื่นล้านบาท
ภาคบ่าย : ภาวะการซื้อขายค่อนข้างผันผวน หลังจากทราบผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีมติว่าการออก พ.ร.ก. กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ไม่ขัดต่อกฎหมาย โดยช่วงเปิดภาคบ่ายแรงซื้อเก็งกำไรได้หนุนให้ดัชนีแกว่งขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 588.15 จุด จากนั้นก็มีแรงขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่องเกือบ 1 ชั่วโมงครึ่ง กดดันให้ดัชนีลดลงมาต่ำสุดที่บริเวณ 578.44 จุด จนเมื่อเข้าใกล้ครึ่งชั่วโมงสุดท้าย จึงมีแรงซื้อเก็งกำไรกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคาร พลังงาน (บางบริษัท) พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐในอนาคต หนุนให้ดัชนีกระเตื้องขึ้นไปยืนเหนือระดับ 580 จุด อีกครั้ง และปิดตลาดที่ 582.25 จุด เพิ่มขึ้นเกือบ 8 จุด (บวก 1.38%) โดยยังคงมีปริมาณซื้อขายหนาแน่นกว่า 3 หมื่นล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องอีกเกือบ 4 พันล้านบาท
แนวโน้มตลาด : ขึ้นอยู่กับผลกระทบจากปัจจัยสำคัญ ต่อไปนี้
1.ทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหุ้นแกนนำยังคงมีแนวโน้มแกว่งตัวปรับฐานในระยะสั้น หลังจากตอบรับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ มาหลายสัปดาห์ติดต่อกัน นักลงทุนยังคงให้ความสำคัญกับตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ค. ซึ่งจะประกาศในคืนวันพุธ และวันศุกร์นี้ หากตัวเลขไม่กระเตื้องขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าการขายทำกำไรจะมีออกมามากขึ้น ในขณะที่นักลงทุนบางส่วนคงจะชะลอการลงทุนเพื่อรอฟังทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากคำแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ต่อคณะกรรมาธิการงบประมาณสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในวันพุธนี้
2.ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า ยังคงมีแนวโน้มผันผวนบ้างในระยะสั้น แม้มีแรงหนุนจากการคาดหวังว่าอุปสงค์การใช้น้ำมันอาจจะกระเตื้องขึ้น จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด รวมทั้งความกังวลต่อการลดลงต่อเนื่องของสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็อาจมีแรงกดดันจากการขายทำกำไรระยะสั้น หากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกระเตื้องขึ้นบ้าง ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. จึงมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 66-70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลอีกสักระยะ ซึ่งจะสร้างความผันผวนต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงานเช่นเดิม
3.ปัจจัยภายในประเทศ ปัจจัยการเมืองมีแนวโน้มผ่อนคลายลงบ้าง หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐบาลสามารถออก พ.ร.ก. กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ได้โดยไม่ขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยรัฐบาลจะดำเนินการเปิดประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญในช่วงวันที่ 15-23 มิ.ย.นี้ เพื่อนำร่าง พ.ร.ก. ดังกล่าวและร่าง พรบ. งบประมาณรายจ่ายปี 2553 เข้าสู่การพิจารณา ในขณะที่ที่ประชุม ครม. ยังไม่เห็นชอบโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคันของกระทรวงคมนาคม โดยให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาความคุ้มค่าระหว่างการซื้อกับการเช่า ให้เวลาศึกษา 1 เดือน ทำให้ชนวนแห่งความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลถูกถอดลงชั่วคราว แรงกดดันจากปัจจัยการเมืองจึงบรรเทาลงบ้าง
ากปัจจัยข้างต้น คาดว่าตลาดหุ้นวันนี้ มีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น ขึ้นอยู่กับทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศ ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า และทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ
คาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวภายในกรอบแนวรับ 570-575 จุด กับแนวต้าน 587-590 จุด
กลยุทธ์ นักลงทุนระยะสั้น - ลดพอร์ตลงให้มากขึ้น เมื่อดัชนีเข้าใกล้แนวต้าน รอซื้อคืนสัปดาห์หน้า
นักลงทุนระยะยาว - ถือต่อ หรือ Short Port บ้าง ที่บริเวณแนวต้าน
ที่มา:บล.ยูโอบีเคย์เฮียนฯ
โดย : โกสินทร์ ศรีไพบูลย์
Categories
- กองทุน (2)
- ข่าวห้องค้า (7)
- ความรู้ หุ้น (15)
- ความรู้อนุพันธ์ (6)
- ความรู้อนุพันธ์;TFEX (1)
- ความรู้ SET (5)
- คอลัมน์ทองคำ (1)
- คอลัมน์หุ้น (30)
- ค่าเงิน (4)
- ค่าระวางเรือ (2)
- ดอกเบี้ย (6)
- ตลาดเงิน (3)
- ตลาดหุ้นทั่วโลก (9)
- ตลาดหุ้นไทย (239)
- ตลาดหุ้นสหรัฐ (46)
- ตลาดหุ้นสหรัฐ;เศรษฐกิจสหรัฐ (2)
- ตัวเลขส่งออก (1)
- ตัวเลข GDP (2)
- ทองคำ (14)
- น้ำมัน (15)
- แนวโน้มตลาดรายวัน (8)
- บทความหุ้น (56)
- ปฎิทินหุ้น (3)
- แผนกู้วิกฤตการเงิน (19)
- วอร์แรนท์ (3)
- เศรษฐกิจญี่ปุ่น (1)
- เศรษฐกิจไทย (91)
- เศรษฐกิจโลก (29)
- เศรษฐกิจสหรัฐ (11)
- หุ้น (65)
- หุ้นกู้ (3)
- หุ้นเด่นวันนี้ (4)
- หุ้นแบงค์ (2)
- G20 (3)
- warrant (1)
--==::: ข่าวประกาศ :::==--
บทความย้อนหลัง
- 05 ก.ค. (1)
- 11 ก.ย. (3)
- 09 ก.ย. (6)
- 03 ก.ย. (3)
- 02 ก.ย. (2)
- 27 ส.ค. (2)
- 20 ส.ค. (3)
- 18 ส.ค. (4)
- 10 ส.ค. (4)
- 04 ส.ค. (1)
- 03 ส.ค. (5)
- 30 ก.ค. (5)
- 28 ก.ค. (4)
- 27 ก.ค. (3)
- 24 ก.ค. (4)
- 23 ก.ค. (4)
- 22 ก.ค. (5)
- 21 ก.ค. (3)
- 20 ก.ค. (7)
- 17 ก.ค. (3)
- 16 ก.ค. (4)
- 15 ก.ค. (2)
- 14 ก.ค. (4)
- 13 ก.ค. (5)
- 10 ก.ค. (5)
- 09 ก.ค. (5)
- 08 ก.ค. (4)
- 03 ก.ค. (6)
- 30 มิ.ย. (5)
- 29 มิ.ย. (6)
- 26 มิ.ย. (4)
- 25 มิ.ย. (5)
- 24 มิ.ย. (5)
- 23 มิ.ย. (5)
- 22 มิ.ย. (5)
- 19 มิ.ย. (5)
- 18 มิ.ย. (5)
- 17 มิ.ย. (4)
- 16 มิ.ย. (4)
- 15 มิ.ย. (6)
- 12 มิ.ย. (5)
- 11 มิ.ย. (4)
- 10 มิ.ย. (4)
- 09 มิ.ย. (4)
- 08 มิ.ย. (4)
- 05 มิ.ย. (5)
- 04 มิ.ย. (4)
- 03 มิ.ย. (1)
- 28 พ.ค. (4)
- 27 พ.ค. (4)
- 26 พ.ค. (6)
- 25 พ.ค. (6)
- 22 พ.ค. (8)
- 21 พ.ค. (5)
- 20 พ.ค. (4)
- 19 พ.ค. (3)
- 14 พ.ค. (3)
- 13 พ.ค. (2)
- 12 พ.ค. (2)
- 11 พ.ค. (5)
- 07 พ.ค. (3)
- 06 พ.ค. (4)
- 30 เม.ย. (4)
- 29 เม.ย. (5)
- 28 เม.ย. (4)
- 24 เม.ย. (4)
- 23 เม.ย. (4)
- 22 เม.ย. (4)
- 20 เม.ย. (3)
- 17 เม.ย. (4)
- 16 เม.ย. (4)
- 10 เม.ย. (5)
- 09 เม.ย. (3)
- 08 เม.ย. (7)
- 07 เม.ย. (7)
- 05 เม.ย. (4)
- 03 เม.ย. (7)
- 02 เม.ย. (8)
- 01 เม.ย. (8)
- 31 มี.ค. (5)
- 30 มี.ค. (6)
- 29 มี.ค. (4)
- 28 มี.ค. (2)
- 27 มี.ค. (9)
- 26 มี.ค. (8)
- 25 มี.ค. (4)
- 24 มี.ค. (6)
- 23 มี.ค. (7)
- 20 มี.ค. (6)
- 19 มี.ค. (9)
- 18 มี.ค. (6)
- 17 มี.ค. (6)
- 16 มี.ค. (7)
- 13 มี.ค. (3)
- 12 มี.ค. (3)
- 11 มี.ค. (5)
- 10 มี.ค. (8)
- 09 มี.ค. (7)
- 05 มี.ค. (7)
- 04 มี.ค. (6)
- 03 มี.ค. (3)
- 02 มี.ค. (5)
- 27 ก.พ. (5)
- 26 ก.พ. (2)
- 25 ก.พ. (5)
- 18 ก.พ. (2)
- 17 ก.พ. (3)
- 16 ก.พ. (2)
- 12 ก.พ. (2)
- 11 ก.พ. (3)
- 09 ก.พ. (1)
04 มิถุนายน 2552
ขึ้นอยู่กับ Fund Flow จากต่างชาติ
โดย Mboy เวลา 11:22 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ตลาดหุ้นไทย, เศรษฐกิจไทย
พรก.กู้เงินผ่าน คาดQ4ขยายตัว4%
พรก.กู้เงินผ่าน คาดQ4ขยายตัว4% |
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่า พ.ร.ก.กู้เงินจำนวน 400,000 ล้านบาท ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก็จะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน ภาคธุรกิจ และนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และจะทำให้รัฐบาลมีเม็ดเงินที่จะออกมาใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า หากพระราชบัญญัติกู้เงินอีก 400,000 ล้านบาท ผ่านการพิจารณาของสภาด้วย และรัฐบาลกู้เงินได้ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ก็จะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบในเดือนสิงหาคมนี้ ก่อให้เกิดการจ้างงานและการซื้อวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจของไทยในไตรมาสที่ 4 ปีนี้เป็นบวกได้ร้อยละ 4 จากที่ช่วงต้นปีเศรษฐกิจไทยติดลบร้อยละ 5-6 และเมื่อมีเม็ดเงินชุดแรกจากการกู้เงินของ พ.ร.ก.จำนวน 100,000 ล้านบาท จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป ก็จะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ ติดลบร้อยละ 2-3.5
เอกชนขานรับเชื่อกระตุ้นศก.ได้
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพ.ร.ก.กู้เงิน4 แสนล้านบาทของรัฐบาลไม่ขัดรัฐธรรมนูญ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลให้มากขึ้น การที่นายกรัฐมนตรีจะให้มีการประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณา พ.ร.ก.ดังกล่าว นับเป็นเรื่องที่ดี เพราะเมื่อการกู้เงินได้รับอนุมัติ รัฐบาลจะได้รีบวางแผนใช้เงินกู้ และคาดว่าเงินจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาสที่ 3 ต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ซึ่งน่าจะมีการใช้เม็ดเงินได้ประมาณ 4 -5 หมื่นล้านบาท เชื่อว่า จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้พอสมควร แต่ทั้งนี้รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการกู้เงินออกมาใช้จ่ายโครงการต่าง ๆ โดยเร็ว หากดำเนินการเร่งรัดการใช้จ่ายได้เร็วเท่าใดจะมีส่วนช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้ตามไปด้วย
รบ.เร่งเดินหน้าใช้เงินกระตุ้นศก.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมครม.วันนี้ว่าต้องขอขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างรวดเร็วตั้งใจว่าจะสามารถนำเข้าพิจารณาในการประชุมสภาสมัยวิสามัญได้พร้อมกับ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 พร้อมปฎิเสธว่า การยืดเวลาโครงการเช่ารถเมล์NGV จำนวน 4พันคัน เพราะต้องการรอให้ร่าง พ.ร.ก.เงินกู้ผ่านสภาก่อน จากนี้ไปจะเดินหน้าเตรียมการใช้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะดำเนินการต่อได้ทันที ซึ่งมีการวางแผนงานไว้แล้ว โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)จะเป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดซึ่งตามกรอบ เงินกู้จำนวนดังกล่าวกำหนดให้กู้แล้วเสร็จภายในปี 53
โดย Mboy เวลา 11:21 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ตลาดหุ้นไทย, เศรษฐกิจไทย
ประธานเฟดคาดเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวปลายปีนี้
ประธานเฟดคาดเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวปลายปีนี้
สหรัฐ 4 มิ.ย. - ประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด ระบุเศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มฟื้นตัวได้ช่วงปลายปีนี้
นายเบน เบอร์นานกี เข้าให้ปากคำต่อกรรมาธิการงบประมาณของวุฒิสภา ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งตลาดการเงินและภาวะตลาดหุ้น ทำให้เขามั่นใจว่าเศรษฐกิจจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความพยายามของเฟด ที่ดำเนินมาตรการให้สถาบันการเงินกลับมาปล่อยกู้อีกครั้ง แต่รัฐบาลมีภาระจะต้องรักษาความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเอาไว้ ด้วยการแก้ไขปัญหาขาดดุลงบประมาณให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากจะยิ่งส่งผลกระทบทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวเพิ่มสูงขึ้น
โดย Mboy เวลา 11:19 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ตลาดหุ้นสหรัฐ, เศรษฐกิจโลก
ฝรั่งซื้อทะลัก!!
ฝรั่งซื้อทะลัก!!
ดัชนีหุ้นวันที่ 3 มิ.ย.52 ปิดที่ 582.25 จุด เพิ่มขึ้น 7.95 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 30,743.92 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิทะลักล้น 3,992.57 ล้านบาท
หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด นำโดย TTA ปิดที่ 24.50 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท, PTT ปิดที่ 226 บาท ลดลง 1 บาท, PTTEP ปิดที่ 138.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท, KBANK ปิดที่ 62 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท และ SCB ปิดที่ 75.50 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท
วอลุ่มต่างชาติที่จู่ๆก็ทะลักล้นวันเดียวไล่ซื้อสุทธิร่วม 4,000 ล้านบาท ไม่ได้เห็นนานแล้ว เป็นประเด็นที่ต้องจับตา...!!
แม้หลายฝ่ายจะออกมาฟันธงว่า ต่างชาติซื้อรอบนี้น่าจะเป็นการเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้น แต่หุ้นกำลังวิ่ง อะไรก็เกิดขึ้นได้
"ทองมกุฎ ทองใหญ่"นายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างชาติ บอกว่า มีแรงเข้ามาไล่ซื้อหุ้นในกระดานซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติหนาแน่นในแบงก์ขนาดใหญ่ จนทำให้เกิดส่วนต่างของราคาหุ้น (พรีเมี่ยม) ระหว่างหุ้นที่เทรดในกระดานหลักกับกระดานต่างประเทศ (Foreign)
โดยเฉพาะในหุ้นแบงก์ใหญ่ เช่น KBANK -F มีพรีเมียมหรือราคาสูงกว่าหุ้น KBANK ในกระดานหลักถึง 12% ถือว่าสูงกว่าปกติมากเพราะปกติจะมีพรีเมียมแค่ 1-2% เท่านั้น แสดงถึงความต้องการซื้อหุ้นของต่างชาติที่ยอมซื้อหุ้นในราคาสูง
ทั้งนี้ จึงมองข้ามช็อตว่า หุ้นขึ้นรอบนี้ที่มีวอลุ่มต่างชาติเข้ามาหนุนหนาแน่น อาจทำให้ดัชนีดีดเด้งขึ้นไปได้สูงกว่า 600 จุด แม้จะไม่แน่ใจว่าการเข้ามาซื้อหุ้นของต่างชาติครั้งนี้จะเป็นการกลับเข้ามาแบบของจริงหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นการเข้ามาเทรดดิ้งระยะสั้นหรือรับข่าวบวกเรื่อง พ.ร.ก. 4 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังพบว่านักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่ตกรถไฟไม่ได้เข้ามาซื้อหุ้นก่อนหน้านี้ ได้กลับเข้ามาไล่ราคาหุ้นเพื่อหวังเกาะขบวนรถไปกับเขาด้วย
ปิดท้าย ก่อนหน้านี้บล.กิมเอ็งปรับลดดัชนีหุ้นเดือน มิ.ย.ลงเหลือ 540-560 จุด จาก 530-590 จุด แนะให้ถือเงินสดเพิ่มเป็น 85% ของพอร์ตลงทุนและแนะให้นักลงทุนขายเมื่อราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นไปอีก.
โดย Mboy เวลา 11:18 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ตลาดหุ้นไทย