01 เมษายน 2552

จับตาหุ้นเด่นวันนี้

STOCKFOCUS: จับตาหุ้นเด่นวันนี้
IQ ข่าวหุ้น 01/04/2009 09:19:59

*PTTEP
-กำลังเจรจาขยายพื้นที่สำรวจในออสเตรเลีย,สรุปวงเงินหุ้นกู้ปลายเม.ย.

*BT
-เผย CIMB ไม่มีนโยบายลดสัดส่วนการถือหุ้น-ไม่มีแผนออกจากตลาดหุ้น

*PM
-กังวลรายได้ปี 52 พลาดเป้าที่ตั้งไว้โต10%จากปีก่อน-ล้างขาดทุนสะสมหมด

*BSM
-ตั้งเป้าปี 52 รายได้โต 20% เป็น 500 ลบ.จับมือ ROCK ทำตลาดต.อ.กลาง

*EGCO
-เผย"เอ็กโกบีวีไอ"ซื้อหุ้นที่เหลือของGPIQ เพื่อสร้างฐานในฟิลิปปินส์

*SECC
-รับแผนทำรถเมล์ NGV ส่อเค้าล่ม/คาดตรวจสอบความเสียหายเสร็จสิ้นปี 52

*DISTAR
-คาดลงทุนขั้นต่ำ 500 ลบ.ร่วมมือพันธมิตรรับงานรถเมล์ NGV 1 พันคัน

*CPN
-เตรียมออกหุ้นกู้ 2.5-3 พันลบ.ใน Q2/52, หาเงินกู้ระยะยาวใช้ลงทุน

*กลุ่มรับเหมา
-รฟท.เปิดประมูลรถไฟฟ้าสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิตพร้อมกัน 3 สัญญาราว ส.ค.

*AOT
-เตรียมเปิดบริการขึ้น-ลงเฮลิคอปเตอร์เชิงพาณิชย์-การแพทย์เม.ย.นี้

*CK
-รฟม.เร่งต่อรองรถไฟฟ้าสีม่วงสัญญา 1 กลุ่มCKTC จบต้นเม.ย.ก่อนส่งให้ JICA

*PAE
-เล็งหาทางแก้หลัง GPSชะงักแปลงวอร์แรนต์/ปีนี้รายได้โต-แต่กำไรยังลุ้น

*KTB/KTC
-บอร์ด KTB เสนอผถห.ไฟเขียวซื้อหุ้นเพิ่มทุน KTC ให้ถือได้มากกว่า 50%

*IHL
-เผยดีลลูกค้าใหม่หลุด 1 รายรอลุ้นอีก 2,รับรายได้ปี 52หดแต่ไม่แย่มาก

*CAWOW
-ปฏิเสธกระแสข่าวเจรจาพันธมิตรร่วมทุนรายใหม่เข้าถือหุ้น

*TIES
-นสพ.ระบุ ตลท. พร้อมตรวจสอบราคาหุ้นที่พุ่งตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค. ก่อนชนซิลลิ่ง 2 วันติด

*SGP
-นสพ.ระบุ เลื่อนข้อสรุปการลงทุนเวียดนามพ.ค.52 จากเดิมไตรมาส 1/52 เผยแนวทางเข้าไปเทกโอเวอร์กิจการ รับประโยชน์มากกว่าลงทุนเองปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 15% สวนทางเศรษฐกิจโลกชะลอตัว 24 เม.ย.ขออนุมัติผู้ถือหุ้นออกหุ้นกู้ 3,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจอนาคต

*LALIN
-นสพ.ระบุ มั่นใจกำไรสุทธิปีนี้ดีกว่าปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 178.86 ล้านบาท เหตุค่าใช้จ่าย-ต้นทุนก่อสร้างลด คาดอัตรากำไรสุทธิพุ่งขึ้นแตะ 18% ขณะอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวที่ 37%พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท ลุยเปิด 3-4 โครงการใหม่ มูลค่า 3,000 ล้านบาท

*EGCO/MDX/RATCH/BANPU/CK
-นสพ.ระบุ แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับหนังสือจากรัฐบาลประเทศลาวขอให้เปิดเจรจาซื้อขายไฟฟ้าอีกครั้ง หลังบันทึกความเข้าใจที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้สิ้นสุดไปเมื่อปี 2551 ที่ผ่านมา โดยมีความเป็นไปได้ที่ไทยจะใช้โอกาสในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนบวก 3 ซึ่งนายกรัฐมนตรีจากลาวจะเดินทางมาร่วมประชุม เป็นเวทีหารือเบื้องต้น

*OGC
-นสพ.ระบุ โอเชียนกลาสเดินหน้าสร้างแบรนด์ ย้ำอะแวร์เนส เท 30 ล้าน ออนแอร์โฆษณาชุดใหม่ ชูสินค้าอิงซีซันนอล-ไลฟ์สไตล์เป็นหัวหอก เผยแผนเตรียมใช้โฆษณาสร้างแบรนด์ในภูมิภาคเอเชีย เผย ศก.ไม่เอื้อขอพยุงยอดขายรวม

*NOBLE
-นสพ.ระบุ ผู้บริหาร "ธงชัย บุศราพันธ์" มั่นใจทั้งปียอดขายพุ่ง 3 พันล้านบาท ส่วนไตรมาส 2/2552 เตะเบรกโครงการใหม่ ช็อปที่ดินย่านรถไฟฟ้าตุนที่ดิน 7 พันล้านบาท ฟันธงมาร์จิ้นปีนี้ทะยาน 40% ยิ้มต้นทุนก่อสร้างต่ำติดดิน ยอดพรีเซลไตรมาสแรกพุ่ง 1.7 พันล้านบาท

*SITHAI
-นสพ.ระบุ บุก กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ ปั้นยอดขายเติบโต 5.1 พันล้าน เล็งใส่เกียร์ห้าอัดฉีดงบลงทุน 400 ล้านสั่งซื้อเครื่องจักรและแม่พิมพ์เพิ่มกำลังการผลิต 100% หวัง 5 ปีฐานยอดขายพุ่ง 1 หมื่นล้านบาท

*AP
-นสพ.ระบุ ยอดโอนคอนโดมิเนียม 3 เดือนแรก มูลค่ารวมกว่า 980 ล้านบาท ขณะที่แนวราบยังไปได้ดีคาดผลประกอบการไตรมาส 1/2552 ฉลุยจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่ทำได้ 1,324.26 ล้านบาท กำไรสุทธิ 151.52 ล้านบาท ย้ำชัดรายได้รวมปีนี้โตตาม 10% ชัวร์

*IEC
-นสพ.ระบุ "สัณห์จุฑา วิชชาวุธ" โบ้ยตลาดผันผวนไม่เอื้อลงทุนฉุดงบบักโกรก พร้อมแย้มลุยธุรกิจพลังงานทดแทน-ไฟฟ้า คาดได้ข้อสรุปไตรมาส 2-3/2552 หวังสร้างรายได้มั่นคงในอนาคต

*TYM
-นสพ.ระบุ ผู้บริหาร "บุญชัย จิระพงษ์ตระกูล" ตั้งเป้าผลงานปีนี้โตใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้รวม 5,587.26 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 45.71 ล้านบาท เปิดปากแผนเจรจาพันธมิตรคืบหน้าไปกว่า 70% คาดสิ้นปีได้ข้อสรุปชัวร์

*BGT
-นสพ.ระบุ ส่งซิก เดือนเมษายนนี้ มีบิ๊กเซอร์ไพรซ์ ด้าน "นพดล ธรรมวัฒนะ" ดอดลัดฟ้าซุ่มเจรจาทางธุรกิจ หวังหาพันธมิตรร่วมทุนไกลถึงเมืองผู้ดี ระบุ กลับมามีแถลงข่าวด่วนแน่ ขณะที่อัตราการเติบโตของรายได้ในปีนี้มีลุ้นเพิ่มขึ้น 10-15% จากปีก่อนที่ 600 ล้านบาท อานิสงส์ยอดขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาในปีนี้เพิ่มกว่า 20-30 แห่ง

*TMB
-นสพ.ระบุ มั่นใจปีนี้กำไรฉลุยหลังหมดภาระแบกสำรองเพิ่ม จัดโครงสร้างใหม่เสร็จสิ้น ส่วนสินเชื่อไตรมาสแรกปีนี้หดตัวต่อเนื่องจากปีก่อนโดยเฉพาะเทรดไฟแนนซ์และเวิร์กกิ้งแคปปิตอล แต่ลั่นทั้งปีโตเข้าเป้า 2-3% ปั๊มสัดส่วนรายย่อยและ SME เพิ่ม คาดสิ้นปีกดหนี้เน่าลงตามเป้า 10%

*TUCC
-นสพ.ระบุ แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า การขายหุ้นของนายยงยุทธรอบนี้น่าจะเป็นหุ้นที่ถูกบังคับขาย (ฟอร์ซเซล) ออกมาอีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่านายยงยุทธได้นำหุ้นจำนวนมากไปให้กับ “เสี่ยผมม้า" ทำ โดยเสี่ยคนดังได้ทำราคาหุ้น TUCC ขึ้นไปสูงมาก ก่อนจะขายทิ้งลงมา แต่หลังจากนั้นไม่ยอมซื้อหุ้นกลับคืน ทำให้นายยงยุทธโมโหมาก และตามไปบังคับให้ซื้อหุ้นคืนกลับมา

ข่าวห้องค้า 1 เม.ย.52

ข่าวห้องค้า


TAI CHONG YIH ซื้อหุ้นถิรไทย

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า ก.ล.ต.ได้รับแบบรายงานการได้มาซึ่งหุ้นของบริษัทถิรไทย โดย TAI CHONG YIH เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2552 จำนวน 1.38% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ทำให้จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น 10.54% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

กระเบื้องตราเพชรตั้งกรรมการ
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท กระเบื้องหลังคาตราเพชร ครั้งที่ 203 เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2552 มีมติแต่งตั้งนายศักดา มณีรัตนฉัตรชัย เป็นกรรมการ กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ แทนนายสุวิทย์ นาถวังเมือง ที่ไม่ขอรับทุกตำแหน่งอีกเมื่อครบวาระ ทั้งนี้ตามคณะกรรมการสรรหาและพิจารณาผลตอบแทนได้สรรหาและเสนอแนะ เพื่อเสนอที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 24 วันที่ 17 เม.ย.2552 พิจารณาอนุมัติต่อไป

กรรมการซีพีอาร์ลาออก
นายโทโมฮิสา โอโน ได้ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทและกรรมการผู้จัดการของบริษัทซีพีอาร์ โกมุ อินดัสเตรียล ตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.2552 และที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 25 มี.ค.2552 มีมติแต่งตั้งให้ นายเซอิชิ โอกาว่า ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท และนายยูจิ เคียวอิ รักษาการตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2552 เป็นต้นไป

นวกิจแจงข้อมูลพันธมิตร
บริษัท นวกิจประกันภัย แจ้งว่า จากการเข้ามาถือหุ้นบริษัทของบริษัท นิปปอนโคอะอินชัวรันส์ จำกัดนั้น มีข้อมูลเพิ่มเติมที่ต้องแจ้งผู้ถือหุ้นได้รับทราบ คือบริษัท นิปปอนโคอะอินชัวรันส์ จำกัด เป็นบริษัทประกันภัยที่มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 9% ของธุรกิจประกันวินาศภัย และเป็นบริษัทเก่าแก่อันดับ 3 ในประเทศญี่ปุ่น มีเบี้ยประกันภัยรับสุทธิประมาณ 698,685 ล้านเยน และสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 3,323,190 ล้านเยน มีสาขาในประเทศญี่ปุ่น 81 สาขา และสำนักงานในต่างประเทศ 26 แห่ง ครอบคลุม 16 ประเทศ
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 5 อันดับแรก ณ 30 ก.ย.2551 ประกอบด้วย State Street Bank and Trust Company 9.93% Longleaf Partners Fund 7.80% Nippon Express Co.,Ltd. 4.35% Mellon Bank NA Treaty Client Omnibus 2.69% และ The Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ,Ltd. 2.67%

จีเจสตีลตั้งกรรมการตรวจสอบ
บริษัท จี เจ สตีล แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 23 มี.ค.2552 มีมติแต่งตั้งประธานกรรมการตรวจสอบ และกรรม การตรวจสอบ คือ ร.ศ.นิพัทธ์ จิตรประสงค์ เป็นประธานกรรมการตรวจสอบ ผศ.ดร.ธนวรรธ ศรีวะรมย์ และนางอาทิตยา สุธาธรรม เป็นกรรมการตรวจสอบโดยให้มีผล ณ วันที่ 23 มี.ค.2552

ไทยเกรียงกำไร 944 ล้าน
บริษัท ไทยเกรียง กรุ๊ป แจ้งผลการดำเนินงานของบริษัทประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2551 มีกำไรสุทธิ 944.70 ล้านบาท หรือ 1.77 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ขาดทุนสุทธิ 139.31 ล้านบาท หรือ 0.26 บาทต่อหุ้นได้รวม โดยบริษัทมีรายได้รวม 1,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,039 ล้านบาท หรือ 8,704% โดยเป็นผลมาจากกำไรจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และกำไรจากการขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของบริษัท นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้จากการประกอบธุรกิจ จากการเป็นนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์อีก 27.84 ล้านบาท
บริษัทไม่มีต้นทุนจากการขาย เนื่องจากบริษัทประกอบธุรกิจในปี 2551 เป็นนายหน้าในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารประจำปี 2551 เท่ากัน 22 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 10 ล้านบาท หรือ ลดลง 33%

เอ็มเอฟซี โกลบอลพลิกขาดทุน
กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล อิควิตี้ ฟันด์ แจ้งผลการดำเนินงานประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2551 ขาดทุนสุทธิ 317.56 ล้านบาท หรือ 4.68 บาทต่อหุ้น ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่กำไรสุทธิ 10.31 ล้านบาท หรือ 0.14 บาทต่อหุ้น


คาดสิงคโปร์ลดค่าเงิน

นักวิเคราะห์คาดสิงคโปร์ลดค่าเงินกู้วิกฤติเศรษฐกิจ


นักวิเคราะห์คาด สิงคโปร์จะปล่อยสกุลเงินอ่อนค่าลงเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออกหนุนเศรษฐกิจที่ อ่อนแอ โดยอาจปรับลดอย่างน้อย 1-2% แต่ติงต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างผลกระทบลูกโซ่ต่อสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย โดยล่าสุดเงินดอลลาร์สิงคโปร์เคลื่อนไหวอยู่ที่ 1.51 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อดอลลาร์สหรัฐ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ธนาคารกลางสิงคโปร์ มีแนวโน้มผ่อนคลายอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สิงคโปร์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ ข้างหน้า โดยอาจจะปรับขีดขั้นต่ำของอัตราแลกเปลี่ยน ขยายช่วงอัตราแลกเปลี่ยนกว้างขึ้นเพื่อให้สกุลเงินเคลื่อนไหวได้มากขึ้น หรือปรับความลาดเอียงของช่วงอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อเปิดโอกาสให้สกุลเงินเคลื่อนไหวไปในทางใดทางหนึ่งรวดเร็วขึ้น

นักวิเคราะห์ส่วนมากเชื่อว่า ธนาคารกลางสิงคโปร์ ที่มักเก็บงำรายละเอียดของอัตราแลกเปลี่ยน จะปรับลดค่ากลางของกรอบอัตราแลกเปลี่ยนอย่างน้อย 1-2% เพื่อชักนำให้ค่าเงินปรับตัวลง ในการทบทวนนโยบายอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณการผ่อนคลายนโยบาย หลังจากธนาคารกลางใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบเป็นกลาง ในการทบทวนนโยบายเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์ต้องหลีกเลี่ยงความเข้าใจว่า การผ่อนคลายอัตราแลกเปลี่ยน เป็นการจงใจ ทำให้ค่าเงินอ่อนตัวลง เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก นายแมกนัส พริม นักยุทธศาสตร์สกุลเงิน เอสอีบี ในสิงคโปร์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนต้องอาศัยการพิจารณาทางการเมืองอย่างมาก เพราะการประกาศเป้าหมายปล่อยให้สกุลเงินอ่อนค่าลงอาจไม่เป็นที่ต้อนรับใน หมู่ประเทศเพื่อนบ้าน

ตลาดการเงินคาดหมายถึงความเสี่ยงที่เอเชีย จะปล่อยให้ค่าเงินลดลง เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากการส่งออกของภูมิภาคนี้ต้องพึ่งพาสหรัฐและยุโรป ที่กำลังประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย สกุลเงินที่อ่อนค่าลงอาจไม่ช่วยกระตุ้นความต้องการที่ได้รับผลกระทบจาก วิกฤติเศรษฐกิจโลก แต่อาจช่วยหนุนความสามารถในการแข่งขันด1 ?นการทบทวนนโยบายอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณการผ่อนคลายนโยบาย หลังจากธนาคารกลางใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบเป็นกลาง ในการทบทวนนโยบายเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์ต้องหลีกเลี่ยงความเข้าใจว่า การผ่อนคลายอัตราแลกเปลี่ยน เป็นการจงใจ ทำให้ค่าเงินอ่อนตัวลง เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก นายแมกนัส พริม นักยุทธศาสตร์สกุลเงิน เอสอีบี ในสิงคโปร์ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนต้องอาศัยการพิจารณาทางการเมืองอย่างมาก เพราะการประกาศเป้าหมายปล่อยให้สกุลเงินอ่อนค่าลงอาจไม่เป็นที่ต้อนรับใน หมู่ประเทศเพื่อนบ้าน

ตลาดการเงินคาดหมายถึงความเสี่ยงที่เอเชีย จะปล่อยให้ค่าเงินลดลง เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากการส่งออกของภูมิภาคนี้ต้องพึ่งพาสหรัฐและยุโรป ที่กำลังประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย สกุลเงินที่อ่อนค่าลงอาจไม่ช่วยกระตุ้นความต้องการที่ได้รับผลกระทบจาก วิกฤติเศรษฐกิจโลก แต่อาจช่วยหนุนความสามารถในการแข่งขันด้านราคา

ทั้งนี้ ดีลเลอร์ค้าเงินกล่าวว่า ไทยและไต้หวันเข้าแทรกแซงตลาดเงินในเดือนนี้ เพื่อลดมูลค่าสกุลเงินและหนุนการส่งออก แต่ทั้งสองประเทศไม่ได้ยืนยันความเคลื่อนไหวดังกล่าว

สิงคโปร์เป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกมากที่สุดในเอเชีย ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ประเทศก้าวสู่ภาวะถดถอยรุนแรงสุดเป็น ประวัติการณ์ โดยรายได้จากการส่งออกคิดเป็นสัดส่วน 200% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของสิงคโปร์

นักลงทุนทราบถึงจุดอ่อนของสิงคโปร์ และผลักค่าดอลลาร์สิงคโปร์ ร่วงลงเกือบ 6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ นับจากต้นปี ส่งผลให้สกุลเงินสิงคโปร์ กลายเป็นสกุลเงินที่อ่อนแอที่สุดอันดับสองของเอเชีย รองจากเงินวอนของเกาหลีใต้ แต่หากเทียบตามน้ำหนักการค้า นายเอ็มมานูเอล อึ้ง นักยุทธศาสตร์สกุลเงินของธนาคารโอซีบีซี ประเมินว่า ค่าดอลลาร์สิงคโปร์ร่วงลงประมาณ 2.6% ในปีนี้

ขณะที่ธนาคารกลางของประเทศอื่นๆ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ธนาคารกลางสิงคโปร์กลับดำเนินนโยบายผ่านทางสกุลเงิน ซึ่งการเก็บช่วงอัตราแลกเปลี่ยนเป็นความลับ ทำให้นักวิเคราะห์ต้องพัฒนาแบบจำลองขึ้นมาเองเพื่อประเมินนโยบายของสิงคโปร์ นายเว่ย เจียง คิต นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ป ตั้งข้อสงสัยว่า ธนาคารกลางสิงคโปร์อาจปล่อยค่าเงินลดลงถึงจุดต่ำสุดของกรอบอัตราแลกเปลี่ยน แล้ว เพื่อปูทางสู่การผ่อนคลายนโยบาย ส่วนนายคลอดิโอ ไพรอน นักยุทธศาสตร์สกุลเงิน เจ.พี.มอร์แกน เชส แบงก์ เชื่อว่า ธนาคารกลางสิงคโปร์จะปรับลดขีดขั้นต่ำของช่วงอัตราแลกเปลี่ยน 1-1.5% แต่นายฌอน คัลโลว์ จากเวสต์แพค คาดว่าจะมีการปรับช่วงอัตราแลกเปลี่ยนอย่างน้อย 2% โดยค่าเงินสิงคโปร์จะลดลงเหลือ 1.57 ดอลลาร์ต่อดอลลาร์สหรัฐ ภายในเวลา 1 เดือน และขยับไปอยู่ที่ 1.61 ดอลลาร์ต่อดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นเดือนมิ.ย.


โอบามาเยือนยุโรป

โอบามาเยือนยุโรปครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง ปธน.

สหรัฐ 1 เม.ย. - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ ออกเดินทางเยือนหลายประเทศในยุโรปครั้งแรก นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐเมื่อ 2 เดือนก่อน

ประธานาธิบดีโอบามาจะเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำจี 20 ที่กรุงลอนดอน อังกฤษ ในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการรับมือวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังส่งผลกระทบ ไปทั่วโลก โดยในการประชุมจี 20 ประธานาธิบดีโอบามายังจะได้พบหารือกับประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ ผู้นำรัสเซีย เป็นครั้งแรกด้วย จากนั้นประธานาธิบดีโอบามาจะเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดชาติสมาชิกนาโต ช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งผู้นำสหรัฐเตรียมจะนำเสนอแนวนโยบายใหม่ของการดำเนินยุทธศาสตร์ต่อ อัฟกานิสถาน

นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐและนางมิเชล ภริยา ยังจะเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐเช็ก และตุรกี ซึ่งจะเป็นการเดินทางเยือนชาติมุสลิมเป็นประเทศแรกด้วย.


ที่มา:สำนักข่าวไทย

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวก

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกแรงซื้อหนาแน่น น้ำมันดิบเพิ่ม 1.25 ดอลลาร์

สหรัฐ 1 เม.ย. -ตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาบวกเพิ่ม จากแรงซื้อหนาแน่นในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและสถาบันการเงิน

ปิดการซื้อขายตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีกลับมาบวกเพิ่มอีกครั้ง หลังดิ่งลงหนัก 2 วันติดต่อกัน โดยนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ธนาคารและสถาบันการเงิน โดยเฉพาะกูเกิล, ไอบีเอ็ม, แบงก์ ออฟ อเมริกา และซิตี้กรุ๊ป เนื่องจากผลประกอบการไตรมาสแรกของปีนี้ออกมาน่าพอใจ

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.64 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.20 พันล้านหุ้น

เคธ วิทธ์ นักวิเคราะห์จาก Fifth Third Asset Management กล่าวว่า ในช่วงเช้านั้นตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเรื่องอนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐ หลังจากคณะทำงานเฉพาะกิจด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐมีมติคัดค้านแผนการปรับโครงสร้างของบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) และบริษัทไครสเลอร์ โดยให้เหตุผลว่าค่ายรถยนต์ทั้งสองไม่ได้นำเสนอแผนปรับโครงสร้างที่น่าเชื่อถือถึงขนาดทำให้กิจการดำรงอยู่ต่อไปได้ และประเมินบริษัททั้งสองอาจดำเนินกิจการต่อไปได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น

นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายหุ้นก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์ที่ 3 เม.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 8.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี จากเดือนก.พ.ที่ระดับ 8.1%

แต่ในช่วงบ่าย ตลาดเริ่มดีดตัวขึ้นสู่แดนบวกเนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มเทคโนโลยี
หลังจากบริษัทหลายแห่งรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาดูการประชุมสุดยอด G20 ที่กรุงลอนดอนในวันที่ 2 เม.ย.นี้ โดยนายบิล แรมเมลล์ รัฐมนตรีฝ่ายกิจการเครือจักรภพและต่างประเทศของอังกฤษเปิดเผยว่า ที่ประชุมจะเรียกร้องให้ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ใช้กฎข้อบังคับด้านการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นและร่วมมือกันใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้ทั่วโลกสามารถรับมือกับวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันได้

นายแรมเมลล์ยังกล่าวด้วยว่า รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางในกลุ่ม G20 จะให้คำมั่นสัญญาต่อกัน
อย่างแข็งขันในการต่อต้านค่านิยมปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศตนเองที่อาจสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ที่ประชุมจะให้ความสำคัญต่อความร่วมือในการตอบสนองวิกฤตการณ์ รวมถึงการลดภาษีและอัตราดอกเบี้ย ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนธนาคารพาณิชย์ให้ขยายวงเงินกู้และจะกระตุ้นตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

หุ้นกลุ่มการเงินได้รับแรงหนุนจากการที่คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐประกาศใช้
งบประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อกำจัดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพออกจากงบดุลบัญชีของธนาคารพาณิชย์
ภายใต้ชื่อ "โครงการลงทุนภาครัฐ-เอกชน" โดยมีเป้าหมายที่จะยับยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอยและฟื้นฟูระบบการเงินในสหรัฐ

ทั้งนี้ หุ้นซิตี้กรุ๊ป หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา หุ้นธนาคาร HSBC ทะยานขึ้นราว 5%

หุ้นกูเกิลพุ่งขึ้น 5.37 ดอลลาร์ ปิดที่ 348.06 ดอลลาร์ หลังจากมีข่าวว่าบริษัท วอลท์ ดิสนีย์ และกูเกิล ทำข้อตกลงเพื่อให้วีดิโอไซท์ยูทูบของกูเกิลนำเสนอภาพวีดิโอจากเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ ABC และ ESPN
ของดีสนีย์ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นดิสนีย์ดีดขึ้น 31 เซนต์ ปิดที่ 18.64 ดอลลาร์

ด้านราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์
เพิ่มขึ้น 1.25 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 49.66 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 86.90 จุด ปิดที่ 7,608.92 จุด
แนสแดคปิดที่ 1,528.59 จุด เพิ่มขึ้น 26.79 จุด
และเอสแอนด์พีปิดที่ 797.87 จุด เพิ่มขึ้น 10.34 จุด


ที่มา:สำนักข่าวไทย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์

ขายหากหุ้นปรับเพิ่มขึ้นแรง

บล. ฟาร์อีสท์ยังแนะนำให้ขายหากหุ้นปรับเพิ่มขึ้นแรง หลังมองสถานการณ์ยังเสี่ยง


นายจักรกริช เจริญเมธาชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในวันนี้ที่ปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มสำรวจและผลิต และโรงกลั่น ค่อนข้างมาก ทำให้หุ้นไทยได้รับอานิสงส์ไปด้วย ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนหุ้นไทยไม่ย่ำแย่นัก

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในระยะนี้ยังมีความเสี่ยง เพราะแม้ว่าดัชนีจะปรับเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณการซื้อขายก็ยังค่อนข้างเบาบาง และสถานการณ์การเมืองก็ยังมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีด้วย จึงยังแนะนำให้ขายหากดัชนีหุ้นปรับเพิ่มขึ้นแรง เพราะเชื่อว่าไม่น่าจะปรับเพิ่มขึ้นได้มากนัก

สำหรับหุ้นบมจ. การบินไทย (THAI) เป็นหุ้นที่บล. ฟาร์อีสท์แนะนำให้ซื้อนับตั้งแต่สัปดาห์ก่อน หลัง อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor) ได้ขยับขึ้นไปที่ 75% ซึ่งเหนือกว่าจุดคุ้มทุนที่ 70% และจากราคาน้ำมันที่ลดลง ก็ทำให้ THAI ประหยัดต้นทุนพลังงานลงมาก นอกจากนี้ THAI ยังได้ปรับโครงสร้างองค์กรอีกด้วย แม้ว่าราคาหุ้น THAI ในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับเพิ่มขึ้นมากแล้วก็ตาม แต่เนื่องจาก THAI ยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังมีโอกาสได้รับแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติในอนาคตด้วย เนื่องจากมูลค่าหุ้นในปัจจุบันยังต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่ามีความน่าสนใจมากขึ้น


ดัชนีหุ้นไทยในวานนี้ปิดเพิ่มขึ้น 1.90 จุด หรือ 0.44% มาอยู่ที่ 431.50 จุด ปริมาณการซื้อขาย 6,150.85 ล้านบาท

- นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 9.90 ล้านบาท
- นักลงทุนสถาบันต่างชาติ ขายสุทธิ 368.99 ล้านบาท
- นักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 378.89 ล้านบาท


- Money Channel โดยวาสิฏฐี อนุกูล Email: wasittee@set.or.th

หุ้นไทยระยะสั้นยังเสี่ยง

บล. กสิกรไทยชี้แม้หุ้นไทยระยะสั้นยังเสี่ยง แต่ยังแนะสะสมหุ้นเพื่อเศรษฐกิจฟื้นครึ่งปีหลัง


นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. กสิกรไทย กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในระยะนี้มีโอกาสปรับฐานหลุดระดับ 420 จุดได้ เนื่องจากยังมีข่าวลบที่จะทยอยเข้ามาในเดือนเมษายน ทั้งการที่นักลงทุนอาจไม่กล้าถือลงทุนข้ามวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จึงต้องเทขายออกมาก่อนล่วงหน้า และการประกาศผลประกอบการของสถาบันการเงินสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มแย่เกินคาด ซึ่งอาจทำให้ต้องเพิ่มทุนอีกครั้ง ขณะที่ตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนมีนาคมก็มีแนวโน้มหดตัวลงมากกว่า 30% และหนี้เสียในระบบสถาบันการเงินก็ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งยังถือเป็นปัจจัยลบที่เข้ามาปกคลุมตลาด อย่างไรก็ตาม บล. กสิกรไทยยังมองว่า การปรับฐานระยะนี้ จะเป็นโอกาสสะสมหุ้นเพื่อลงทุนระยะกลางถึงยาว เพราะเชื่อว่าดัชนีหุ้นจะฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง และมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นไปทะลุระดับ 500 จุดได้ จากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะเข้ามาเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นได้

บล. กสิกรไทยยังแนะนำให้ลงทุนหุ้นบมจ. น้ำตาลขอนแก่น (KSL) โดยมองว่าการที่กระทรวงการคลังจะพิจารณาการคำนวณราคาเอทานอลใหม่โดยอ้างอิง ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยของผู้ประกอบการทั่วประเทศ จะทำให้ราคาเอทานอลในประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีระยะสั้นต่อผู้ประกอบการเอทานอลรวมถึง KSL ได้ แม้ว่า KSL จะมีรายได้จากธุรกิจเอทานอลเพียง 10% และแม้ว่า KSL จะมีแนวโน้มขาดทุนจากโรงงานน้ำตาลในลาวและกัมพูชาในไตรมาส 2/52 ซึ่งมีส่วนทำให้กำไรสุทธิในปีนี้อาจปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2% แต่การที่ในปีหน้าจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20% จากโรงงานที่จะทำกำไรได้มากขึ้น จึงมองเป็นโอกาสในการซื้อลงทุนระยะยาว

บล. กสิกรไทยให้ราคาที่เหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้น KSL ไว้ที่ 7.5 บาท


ซบเซา!!

ซบเซา!!
[1 เม.ย. 52 - 02:06]

ดัชนีวันที่ 31 มี.ค. 52 ปิดที่ 431.50 จุด เพิ่มขึ้น 1.90 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 6,150.85 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 368.80 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.บัวหลวงชี้ว่า หุ้นไทยรีบาวน์ตามเทคนิคหลังวันก่อนปรับตัวลงแรงรับข่าวยักษ์ใหญ่จีเอ็มและไครสเลอร์ถูกรัฐบาลสหรัฐฯปฏิเสธแผนฟื้นฟูกิจการ

ประกอบกับมีกองทุนและนักลงทุนสถาบันบางส่วนเข้ามาซื้อหุ้นทำ window dressing แต่งตัวเลขการปิดงวดบัญชีไตรมาส 1 ส่งผลให้ราคาหุ้นตัวใหญ่ปรับขึ้นบวกทั้งแผงดันดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นได้

ส่วนการเมืองเรื่อง “วันแดงเดือด” การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ได้ขยายฐานการชุมนุมกว้างขึ้นและทำท่าจะบาน ปลายมากขึ้นยังเป็นประเด็นที่นักลงทุนต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าจะ เกิดเหตุรุนแรงกระทบต่อเศรษฐกิจชาติแค่ไหน

มองแนวโน้มระยะสั้นดัชนียังมีโอกาสอ่อนตัวลงหมดเทศกาลทำ window dressing ของกองทุน รวมทั้งนักลงทุนต้องติดตามผลการดำเนินงานของสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ที่จะทยอยประกาศกลางเดือนหน้าว่าจะมีสถาบันการเงินมีปัญหาเพิ่มเติมอีกหรือ ไม่

แนะกลยุทธ์การลงทุนให้หาจังหวะขายทำกำไร


สรุปปิดงวดตลาดหุ้นไทยไตรมาส 1 ซบเซาสุดๆ ดัชนีลดลง 18.46 จุด หรือลบ 4.10% จากสิ้นปี 51 ซึ่งปิดที่ 449.96 จุด ขณะที่ต่างชาติยังขายสุทธิหุ้นไทยต่ออีก 5,177.63 ล้านบาท เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 6,504.20 ล้านบาท ส่วนรายย่อยหน่วยกล้าตายซื้อสุทธิ 11,681.50 ล้านบาท

ขณะที่ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ลดลงเหลือ 8,700 ล้านบาทต่อวัน จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท หายไปเกือบ 50% บริษัทหลักทรัพย์ย่ำแย่กันเป็นแถว

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไตรมาส 2 บล.เคจีไอให้กรอบดัชนีไว้ที่ 370-530 จุด.

อินเด็กซ์ 51


Template by - Abdul Munir | Blogging4