หุ้นไทยปิดบวก 2.70% บล.
ฟาร์อีสท์แนะเก็งกำไรระยะสั้นไว้รอขายที่ 586 จุด
นายจักรกริช เจริญเมธาชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในวันนี้ปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากหลังร่วงลงอย่างหนักกว่าตลาด หุ้นอื่นในภูมิภาคตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในวันนี้เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน ส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมดีขึ้น สำหรับผลประกอบการของสถาบันการเงินสหรัฐฯ ที่ยังมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบไตรมาส 1/52 นั้น จะทำให้ตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับลดลงได้ แต่ก็อาจดีดตัวขึ้นได้บ้างในช่วงที่มีแรงขายมากเกินไป ขณะที่ตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวไปตามปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก นายจักรกริชกล่าวว่า ที่ผ่านมามีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มถ่านหิน เหล็ก สำรวจและผลิต และเดินเรือ อย่างชัดเจน แต่เนื่องจากกระแสเงินทุนที่เริ่มไหลรวดเร็ว จะทำให้มีแรงเทขายออกมาทันทีหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตลอดจนผลประกอบการสถาบันการเงินและภาคอุตสาหกรรมที่แท้จริง (Real Sector) ออกมาแย่เกินคาด เนื่องจากตลาดหุ้นในขณะนี้มีการซื้อขายกันที่ P/E สูงถึง 16 เท่า และเมื่อเทียบกับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะลดลงไปอีก 2 ไตรมาส ทำให้ยังไม่น่าสนใจเข้าลงทุนระยะยาว แต่เหมาะกับการเก็งกำไรแทน ทั้งนี้ บล. ฟาร์อีส์แนะนำให้ลงทุนหุ้นธนาคารกสิกรไทย ( KBANK) และ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เพราะเชื่อว่าสินเชื่อจะยังขยายตัวได้ดี ประกอบกับการตั้งสำรองที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในกลุ่ม เดียวกัน ทำให้ราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ สำหรับแนวทางการลงทุนหุ้นพลังงานในขณะนี้ ควรเป็นการลงทุนระยะกลาง หรือเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในอนาคตยังปรับเพิ่มขึ้นได้ ทำให้ยังมีปัจจัยเข้ามาหนุนผลประกอบการกลุ่มพลังงานต้นน้ำ เช่น บมจ. บ้านปู (BANPU) และ บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ขณะที่ยังควรหลีกเลี่ยงพลังงานปลายน้ำ เช่น ปิโตรเคมี เพราะยังมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ชะลอตัว และปริมาณการผลิตใหม่จากตะวันออกกลางและจีนที่เข้ามามากด้วย บล. ฟาร์อีสท์ยังแนะนำให้เพิ่มพอร์ตการลงทุนในระยะสั้น และทยอยทำกำไรออกมาในช่วงที่ดัชนีขึ้นไปแตะที่ระดับ 586 จุด โดยควรนำปัจจัยต่างประเทศเข้ามาประกอบด้วย ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปิดเพิ่มขึ้น 15.20 จุด หรือ 2.70% มาอยู่ที่ 577.75 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ 14,135.56 ล้านบาท - นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 925.96 ล้านบาท - นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 54.95 ล้านบาท - นักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 980.91 ล้านบาท |
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น