16 มิถุนายน 2552

หุ้นร้อน TUF, SCC, TASCO

หุ้นร้อน



บมจ.ไทยยูเนี่ยน :TUF

ซื้อ:ราคาเป้าหมาย 23.70บ.


ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯปรับตัวเพิ่มขึ้น 24% นับจากต้นเดือนพฤษภาคมขณะที่ราคาหุ้น TUF ปรับตัวขึ้นเพียง 8% ซึ่งยังไม่สะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งของบริษัทจากยอดขายที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินบาทที่มีเสถียรภาพมากกว่าปีที่ผ่านมา รวมทั้งต้นทุนที่ลดต่ำลงจากราคาวัตถุดิบปลาทูน่าและราคาน้ำมันที่ลดลง ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พีอี เรโช ) ที่ 7.8 เท่า ซึ่งยังมีส่วนต่าง 15% เทียบกับราคาเป้าหมายที่ 27.30 บาท จากการประเมินมูลค่าหุ้นด้วยพี/อี 9 เท่า ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้นTUF


หลังจากกำไรไตรมาส 1/52 เติบโตแข็งแกร่ง คาดว่าไตรมาส 2/52 TUF จะทำกำไรได้ดียิ่งขึ้นไปอีกและยังเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/51 การเติบโตของผลประกอบการคาดว่าจะถูกผลักดันจากยอดขายที่ยังขยายตัวต่อเนื่องแม้ว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นแต่ TUF ยังมีการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นต้นทุนราคาวัตถุดิบปลาทูน่าก็คาดว่าจะลดลงถึง 36% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากราคาเฉลี่ย 1,798 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ในไตรมาส 2/51 มาอยู่ที่ประมาณ 1,150 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตันในไตรมาส 2/52
ประเมินว่ายอดขายของ TUF จะเพิ่มขึ้น 13% ในปีนี้จากสินค้าทูน่ากระป๋อง อาหารแมว อาหารทะเลกระป๋อง และซาร์ดีนกระป๋อง ขณะที่ต้นทุนลดลงจากการที่ราคาวัตถุดิบปลาทูน่าปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นคาดว่ากำไรปกติจะเพิ่มขึ้น 18% เป็น 2,676 ล้านบาท (3.03 บาท/หุ้น) โดยหากรวมรายการพิเศษคือ ค่าใช้จ่ายจากการปิดโรงงานซามัว 15.3 ดอลลาร์สหรัฐฯ กำไรสุทธิคาดว่าจะอยู่ที่ 2,140 ล้านบาทซึ่งลดลงเพียง 3% จากปีก่อน


ที่มา บล.กิมเอ็งฯ


บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย:SCC


ซื้อเมื่ออ่อนตัว


ราคาหุ้นSCC ได้ทะยานพุ่งขึ้นนับจากต้นปีถึง 53% เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มปูนซีเมนต์ และ ปิโตรเคมี ของประเทศแถบเอเชีย ปรากฏว่าส่วนใหญ่ล้วนทะยานขึ้น โดยหุ้นกลุ่มปูนซีเมนต์ปรับตัวขึ้น 56% นับจากต้นปี และหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีปรับตัวขึ้น 54% นับจากต้นปี ดังนั้นหุ้น SCC จึงยังปรับขึ้นน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมของประเทศแถบเอเชียอยู่เล็กน้อย และเมื่อพิจารณาลักษณะกระแสเงินลงทุนต่างชาติ ก็ปรากฏว่ามีความสัมพันธ์กับราคาหุ้นของ SCC อย่างแนบแน่น


ราคาหุ้น SCC ปัจจุบันซื้อขายที่อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี เรโช)ปี 2552 เท่ากับ 10.6 เท่า หากเทียบกับพี/อี ตลาดปัจจุบัน 20.5 เท่า พี/อีกลุ่มปูนซีเมนต์ภูมิภาคนี้ 12.19 เท่า และพี/อี กลุ่มปิโตรเคมีภูมิภาคนี้ 23 เท่า ดังนั้นจึงปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 175 บาท บนฐานพี/อี ปี 2552 เท่ากับ 12 เท่า และถ้าหากรวมโครงการใหม่จะมีค่าสูงถึง 270 บาท มองแนวโน้มราคาหุ้นยังฟื้นตัวต่อเนื่อง จนถึงประกาศงบในวันที่ 29 กรกฎาคมนี้ เพราะกำไรไตรมาสสองจะชะลอตัวลงเพียงเล็กน้อย ซึ่งนับว่าอยู่ในเกณฑ์ดีภายใต้แรงกดดันอย่างหนักจากปัจจัยแวดล้อมในด้านลบ จึงปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" จากเดิม "ถือ" หลังจากที่ราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาได้พุ่งขึ้นแรง


คาดการณ์ไตรมาส 2/52 SCC มีกำไรเบื้องต้น 4,500-4,800 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี ชะลอตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 5,188 ล้านบาท



ที่มา บล.กิมเอ็งฯ


บมจ. ทิปโก้แอสฟัลต์:TASCO


ลงทุนอย่างระมัดระวัง



คาดการณ์กำไรไตรมาส 2/52 ของTASCO ยังอยู่ในระดับดีเท่ากับ 80-100 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 61 ล้านบาท แต่ชะลอตัวเทียบไตรมาส 1/52 ที่มีกำไรสุทธิ 133 ล้านบาท โดยยังเหลือสำรองการขาดทุนในสต๊อกที่จะบวกกลับ 247 ล้านบาท เทียบไตรมาสแรกมีการบวกกลับ 367 ล้านบาท และจะยังได้แรงหนุนจากราคาขายมีแนวโน้มที่ปรับเพิ่มขึ้น หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น รวมถึงได้แรงหนุนจากยอดขายในประเทศ และตลาดส่งออกที่ยังขยายตัวดี


นอกจากนี้โรงกลั่นที่มาเลเซียได้สั่งซื้อน้ำมันดิบหนักจำนวน 630,000 บาร์เรล ที่ราคาเทียบกับราคาน้ำมันดิบ WTI เท่ากับ 55 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ขณะที่ปัจจุบันได้พุ่งขึ้นมาเป็น 66-68 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล คาดจะส่งผลบวกในรูปของกำไรจากส่วนต่างของราคาซึ่งจะรับรู้ในไตรมาส 3 แต่โรงกลั่นยางมะตอยในมาเลเซียในไตรมาส 2/52 จะมีการหยุดซ่อมบำรุงประมาณ 1 เดือน คาดจะมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ประมาณ 20 ล้านบาท โดยประเมินยอดขาดทุนของโรงกลั่นยางมะตอยในมาเลเซีย ในไตรมาส 2/52 จะน้อยกว่ายอดขาดทุนในไตรมาส 1/52 ที่มียอดขาดทุนประมาณ 60 ล้านบาท


ปรับประมาณการยอดขายและกำไรปีนี้ขึ้น โดยประเมินมูลค่ายอดขายที่ 10,147 ล้านบาท ขยายตัว 8% และมีกำไรสุทธิ 271 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 1.78 บาท) ฟื้นตัวจากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิหนักถึง 1,089 ล้านบาท จึงปรับเพิ่มราคาหุ้นเหมาะสมขึ้นเป็น 14 บาท จาก 10 บาท บนฐานอัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น (พีอี เรโช) ปี 2552 เท่ากับ 8 เท่า และจากปัจจัยต่างๆที่ยังเอื้อประโยชน์ต่อ TASCO จึงปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" จากเดิม "ขาย" อย่างไรก็ตาม ขอเตือนความเสี่ยงในเรื่องยางมะตอยนับว่าเป็นผลิตภัณฑ์จากน้ำมันดิบหนัก จึงยังมีความผันผวน และอาจเกิดการพลิกผันได้ตลอดเวลา และ โรงกลั่นยางมะตอยในมาเลเซียก็ยังขาดทุนต่อเนื่อง


ที่มา บล.กิมเอ็งฯ


0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4