ต่างชาติขายทิ้งหุ้นทาทาสตีล
จีสตีลแจงทวงหนี้ได้1.8พันล.
สถาบันต่างชาติ ลดสัดส่วนการถือครองหุ้นทาทาสตีล โดยเฉพาะโกลด์แมนแซคส์-สเตท สตรีทแบงก์-นอร์ทรัสต์นอมินีส์ โละขายเกลี้ยง จากเดิมเคยถือลงทุน ขณะที่เอชเอสบีซี นอมินี ขายกว่า 100 ล้านหุ้น ด้านโบรกเกอร์ แนะเก็งกำไร เหตุราคาวิ่งขึ้นมาแรง 3 เดือน 116% ด้านจีสตีล แจงตลาดตามหนี้ได้ราว 1.8 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 52%
จากการสำรวจโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุดของบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) ณ วันที่ 1 มิ.ย.2552 เปรียบเทียบกับการปิดสมุดทะเบียนครั้งก่อน ณ วันที่ 30 มิ.ย.2551 พบว่าสถาบันการเงินต่างประเทศไทย ได้ลดสัดส่วนการถือครองหุ้นทั้งหมดจากเดิมที่เคยถือลงทุนในระดับสูง และมีบางแห่งที่ทยอยลดสัดส่วนลง
สถาบันที่ได้ลดสัดส่วนการถือครองลงทั้งหมด ได้แก่ โกลด์แมนแซคส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จากเดิมที่เคยถือหุ้น 61.14 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.75% เคซีส์ แบงก์ ลักเซมเบิร์ก จากเดิมเคยถือหุ้น 60.76 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.74% สเตท สตรีท แบงก์ แอนด์ ทรัสต์ คอมปะนี ฟอร์ ออสเตรเลีย จากเดิม 45.91 ล้านหุ้นคิดเป็น 0.56 % สเตท สตรีท แบงก์ แอนด์ ทรัสต์ จากเดิม 44.90 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.55% นอร์ทรัสต์ นอมีนีส์ จากเดิม 41.03 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.50% ขณะที่ เอชเอสบีซี (สิงคโปร์) นอมีนีส์ พีเออี ได้ทยอยลดสัดส่วนการถือครอง ล่าสุดถือหุ้น 46 ล้านหุ้นคิดเป็น 0.56% จากเดิมที่เคยหุ้น 146.18 ล้านหุ้นคิดเป็น 1.79%
สำหรับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นในช่วงไตรมาส 2 ปี 2552 ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแล้ว 116.87% จากราคา 0.83 บาท เป็น 1.80 บาท ขณะที่ราคาเคยปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 1.86 บาท ณ 2 มิ.ย.2552 และต่ำสุดที่ 0.82 บาท ณ 1 เม.ย.2552 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.34 บาทต่อหุ้น
บทวิเคราะห์ บล.พัฒนสิน ระบุว่า บริษัทได้แนะนำให้ขายหุ้นทาทา สตีล เนื่องจากประเมินว่าจะเป็นหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะถูกถอดออกจากการคำนวณในดัชนี SET 50 index ที่จะใช้ระหว่างเดือนก.ค.ถึง สิ้นธ.ค.2552 นี้
นักวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย แนะนำให้เก็งกำไรหุ้นทาทา สตีล โดยราคาเหมาะสมของหุ้นในปีนี้อยู่ที่ 1.70 บาท เนื่องจากประเมินว่าบริษัทจะได้รับผลบวกจากการกระตุ้นการก่อสร้างของรัฐบาล เพราะมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเท่ากับ 35-40% ซึ่งแนวโน้มราคาเหล็กในตลาดโลกปี 2552 มีความผันผวนลดลงและเริ่มปรับเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ประกอบกับนโยบายไม่เก็งกำไรในสินค้าคงเหลือ ทำให้บริษัทสามารถบริหารส่วนต่างราคากับต้นทุนวัตถุดิบดีขึ้น และมีระดับอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงกว่า 13.15%
รวมถึงกำลังการผลิตและราคาขายที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้นำในการผลิตเหล็กในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหนุนให้กำไรใน 3 ปีข้างหน้าเติบโตอย่างมั่นคง 16% โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิปี 2552 อยู่ที่ 1.52 พันล้านบาท และปี 2553 เท่ากับ 1.82 พันล้านบาท และปี 2554 อยู่ที่ 2 พันล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิ 81 ล้านบาทในปี 2551
ขณะที่นายริวโซ โอกิโน กรรมการ บริษัท จี สตีล แจงตลาดถึงความคืบหน้าของสถานการณ์ของ อุตสาหกรรมเหล็ก และรายงานความคืบหน้าในการติดตามหนี้การขายเศษเหล็ก ตามที่ผู้สอบบัญชี ไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะของบริษัทในปี 2551 ต่อเนื่องมาจนถึง งบการเงินไตรมาส 1 ปี 2552 ว่า
สถานการณ์ของอุตสาหกรรมเหล็กในภาพรวมปรับตัวดีขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ เป็นผล มาจากการผลักดันนโยบายการใช้จ่ายโดยตรงของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนใน โครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และมีนโยบายที่ชัดเจนในการสนับสนุนอุตสาหกรรม เหล็กภายในประเทศ ทำให้อุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศปรับตัวดีขึ้นจากเดิมมาก และมีแนวโน้ม ที่จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเหล็ก และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ได้รับอานิสงส์ต่อการดำเนินกิจการอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนประเด็นลูกหนี้ 3 รายซื้อวัตถุดิบ (เศษเหล็ก) คุณภาพต่ำที่โรงงานใช้ไม่ได้ เก็บสะสม มาหลายปีและยังไม่ถึงกำหนดชำระเงิน จำนวน 3,582 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้แล้วเป็นจำนวน 358 ล้านบาทนั้น ขณะนี้บริษัท ได้รับชำระหนี้ รวมถึงสรุปแผนการ ชำระหนี้อย่างเป็นรูปธรรมแล้วคิดเป็น 52% จากจำนวนยอดหนี้ทั้งหมด สำหรับหนี้ส่วนที่เหลือบริษัทอยู่ระหว่างการเฝ้าติดตามทวงถามอย่างใกล้ชิด
Categories
- กองทุน (2)
- ข่าวห้องค้า (7)
- ความรู้ หุ้น (15)
- ความรู้อนุพันธ์ (6)
- ความรู้อนุพันธ์;TFEX (1)
- ความรู้ SET (5)
- คอลัมน์ทองคำ (1)
- คอลัมน์หุ้น (30)
- ค่าเงิน (4)
- ค่าระวางเรือ (2)
- ดอกเบี้ย (6)
- ตลาดเงิน (3)
- ตลาดหุ้นทั่วโลก (9)
- ตลาดหุ้นไทย (239)
- ตลาดหุ้นสหรัฐ (46)
- ตลาดหุ้นสหรัฐ;เศรษฐกิจสหรัฐ (2)
- ตัวเลขส่งออก (1)
- ตัวเลข GDP (2)
- ทองคำ (14)
- น้ำมัน (15)
- แนวโน้มตลาดรายวัน (8)
- บทความหุ้น (56)
- ปฎิทินหุ้น (3)
- แผนกู้วิกฤตการเงิน (19)
- วอร์แรนท์ (3)
- เศรษฐกิจญี่ปุ่น (1)
- เศรษฐกิจไทย (91)
- เศรษฐกิจโลก (29)
- เศรษฐกิจสหรัฐ (11)
- หุ้น (65)
- หุ้นกู้ (3)
- หุ้นเด่นวันนี้ (4)
- หุ้นแบงค์ (2)
- G20 (3)
- warrant (1)
--==::: ข่าวประกาศ :::==--
ตลาดหลักทรัพย์ เปลี่ยนช่วงราคา และการแสดงราคา จาก 3 ระดับเป็น 5 ระดับ เริ่มวันจันทร์ 30 มี.ค.2552
บทความย้อนหลัง
- 05 ก.ค. (1)
- 11 ก.ย. (3)
- 09 ก.ย. (6)
- 03 ก.ย. (3)
- 02 ก.ย. (2)
- 27 ส.ค. (2)
- 20 ส.ค. (3)
- 18 ส.ค. (4)
- 10 ส.ค. (4)
- 04 ส.ค. (1)
- 03 ส.ค. (5)
- 30 ก.ค. (5)
- 28 ก.ค. (4)
- 27 ก.ค. (3)
- 24 ก.ค. (4)
- 23 ก.ค. (4)
- 22 ก.ค. (5)
- 21 ก.ค. (3)
- 20 ก.ค. (7)
- 17 ก.ค. (3)
- 16 ก.ค. (4)
- 15 ก.ค. (2)
- 14 ก.ค. (4)
- 13 ก.ค. (5)
- 10 ก.ค. (5)
- 09 ก.ค. (5)
- 08 ก.ค. (4)
- 03 ก.ค. (6)
- 30 มิ.ย. (5)
- 29 มิ.ย. (6)
- 26 มิ.ย. (4)
- 25 มิ.ย. (5)
- 24 มิ.ย. (5)
- 23 มิ.ย. (5)
- 22 มิ.ย. (5)
- 19 มิ.ย. (5)
- 18 มิ.ย. (5)
- 17 มิ.ย. (4)
- 16 มิ.ย. (4)
- 15 มิ.ย. (6)
- 12 มิ.ย. (5)
- 11 มิ.ย. (4)
- 10 มิ.ย. (4)
- 09 มิ.ย. (4)
- 08 มิ.ย. (4)
- 05 มิ.ย. (5)
- 04 มิ.ย. (4)
- 03 มิ.ย. (1)
- 28 พ.ค. (4)
- 27 พ.ค. (4)
- 26 พ.ค. (6)
- 25 พ.ค. (6)
- 22 พ.ค. (8)
- 21 พ.ค. (5)
- 20 พ.ค. (4)
- 19 พ.ค. (3)
- 14 พ.ค. (3)
- 13 พ.ค. (2)
- 12 พ.ค. (2)
- 11 พ.ค. (5)
- 07 พ.ค. (3)
- 06 พ.ค. (4)
- 30 เม.ย. (4)
- 29 เม.ย. (5)
- 28 เม.ย. (4)
- 24 เม.ย. (4)
- 23 เม.ย. (4)
- 22 เม.ย. (4)
- 20 เม.ย. (3)
- 17 เม.ย. (4)
- 16 เม.ย. (4)
- 10 เม.ย. (5)
- 09 เม.ย. (3)
- 08 เม.ย. (7)
- 07 เม.ย. (7)
- 05 เม.ย. (4)
- 03 เม.ย. (7)
- 02 เม.ย. (8)
- 01 เม.ย. (8)
- 31 มี.ค. (5)
- 30 มี.ค. (6)
- 29 มี.ค. (4)
- 28 มี.ค. (2)
- 27 มี.ค. (9)
- 26 มี.ค. (8)
- 25 มี.ค. (4)
- 24 มี.ค. (6)
- 23 มี.ค. (7)
- 20 มี.ค. (6)
- 19 มี.ค. (9)
- 18 มี.ค. (6)
- 17 มี.ค. (6)
- 16 มี.ค. (7)
- 13 มี.ค. (3)
- 12 มี.ค. (3)
- 11 มี.ค. (5)
- 10 มี.ค. (8)
- 09 มี.ค. (7)
- 05 มี.ค. (7)
- 04 มี.ค. (6)
- 03 มี.ค. (3)
- 02 มี.ค. (5)
- 27 ก.พ. (5)
- 26 ก.พ. (2)
- 25 ก.พ. (5)
- 18 ก.พ. (2)
- 17 ก.พ. (3)
- 16 ก.พ. (2)
- 12 ก.พ. (2)
- 11 ก.พ. (3)
- 09 ก.พ. (1)
12 มิถุนายน 2552
ต่างชาติขายทิ้งหุ้น TSTH
โดย Mboy เวลา 09:02
ป้ายกำกับ: บทความหุ้น, หุ้น
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น