30 มิถุนายน 2552

หุ้นร้อน

หุ้นร้อน

บมจ. บีอีซี เวิลด์:BEC


กดดันระยะสั้น

บมจ.อสมท(MCOT )เปิดเผยว่าสัญญาสัมปทานระหว่าง MCOT และ BEC นั้นกำลังจะหมดอายุลงในเดือนมี.ค. 2553 และ BEC มีต่ออายุสัญญาสัมปทานไปอีก 10 ปีถึงปี 2563 โดย

MCOT ได้จัดตั้งคณะกรรมการ เพื่อเจรจาหาข้อสรุปในเรื่องการปรับอัตราค่าสัมปทานใหม่ เพราะ MCOT เห็นว่าค่าสัมปทานของ BEC ในปัจจุบันต่ำเกินไป

ในขณะที่ BEC โต้ว่าสัญญาสัมปทานดังกล่าวมีระยะยาวถึงปี 2563 ไม่ได้หมดสัญญาในปี 2553 และมีการกำหนดค่าสัมปทานรวมที่ 2,000 ล้านบาท ตามที่กำหนดไว้ในปี 2532 ทาง MCOT คาดว่าความชัดเจนเรื่องดังกล่าวน่าจะแล้วเสร็จภายใน 3 เดือน

กรณีเลวร้ายสุดคือ BEC จะต้องเสียส่วนแบ่งรายได้ 6.5% แต่ฝ่ายวิเคราะห์บล.เคจีไอ ฯ คาดว่าคงไม่เกิดขึ้น ขณะที่ตลาดกังวลว่าหาก BEC ต้องจ่ายค่าสัมปทานเพิ่มเท่ากับ 6.5% ของรายได้แทนอัตราคงที่ ซึ่งเป็นอัตราที่ MCOT คิดกับTrue Visions โดยมองว่าเป็นกรณีเลวร้ายสุด จากการปรับเพิ่มค่าสัมปทานในระดับต่างๆ หาก BEC ต้องจ่ายค่าสัมปทานให้ MCOT ที่ 6.5% ของรายได้แล้วนั้น กำไรของ BEC จะได้รับผลกระทบ 10 % นับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป และราคาเป้าหมายของ BEC จะลดลงเหลือ 20.17 บาท/หุ้น จาก 22.50 บาท/หุ้น ในขณะที่ MCOT จะได้ประโยชน์และราคาเป้าหมายเพิ่มเป็น 23.11 บาท/หุ้น จาก18.90 บาท/หุ้น

คงแนะนำ 'ซื้อ'หุ้นBEC โดยมีราคาเป้าหมายที่ 22.50 บาท คาดว่าข้อขัดแย้งดังกล่าวน่าจะจบลงด้วยดี เนื่องจากบริษัททั้งสองมีความสัมพันธ์ในการดำเนินงานร่วมกันมาอย่างยาวนาน ปัญหาสัญญาสัมปทานที่ยืดเยื้อจะกดดันราคาหุ้นของ BEC ในระยะสั้น




ที่มา บล.เคจีไอฯ


บมจ.ปตท.PTT

ซื้อ: ราคาพื้นฐาน 285 บ.



ราคาหุ้น PTT ที่ปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมานับเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ หุ้นน่าจะมีการปรับมูลค่าในอนาคตจากแนวโน้มกำไรที่แน่นอนในปีหน้า ด้านมูลค่า PTT ซื้อขายในระดับต่ำกว่าคู่แข่งในภูมิภาคที่ราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(พีอี เรโช) 11.3 เท่า และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4.0% สำหรับปี 2552 เทียบกับค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่ 13.5 เท่า และ 2.8% ตามลำดับ

เพื่อสะท้อนแนวโน้มที่สดใสในปีหน้า และการปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้นบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) ในช่วงที่ผ่านมาจึงเลื่อนไปใช้มูลค่าในปี 2553 แทนและปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 285 บาทจากเดิม 232 บาท คิดกลับเป็นราคาต่อมูลค่าตามบัญชี(PBV )1.5 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยระยะยาวของ PTT

มูลค่าธุรกิจก๊าซธรรมชาติของ PTT ในปัจจุบันถือว่าถูก จากการวิเคราะห์รายธุรกิจของฝ่ายวิเคราะห์บล.บัวหลวงฯ ชี้ว่าที่ราคาหุ้นในปัจจุบัน ธุรกิจก๊าซธรรมชาติซื้อขายที่มูลค่ากิจการต่อกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่าย(EV/EBITDA )เพียง 2.3 เท่าและพี/อี 7.0 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย EV/EBITDA สูง/ต่ำสุดในระยะยาวที่ 5.6/3.2 เท่า และพี/อี กลุ่มไฟฟ้าไทยที่ 8.2 เท่าอยู่มาก เนื่องจากเศรษฐกิจคาดว่าจะฟื้นตัวปีหน้า ธุรกิจก๊าซธรรมชาติจึงมีแนวโน้มที่ดี และอาจจะดีกว่าที่ประมาณการไว้ในปัจจุบัน

แนะนำ"ซื้อ"หุ้นPTT ให้ราคาเป้าหมาย 285 บาท



ที่มา บล.บัวหลวงฯ



บมจ. ทาทา สตีล : TSTH

ซื้อเมื่ออ่อนตัว

คาดผลประกอบการไตรมาส 1/53 (งวด เม.ย. - มิ.ย. 2552) ของTSTH จะยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 18 ล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสก่อน แต่ลดลงจากปีก่อนถึง 99% เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยในไตรมาส 1/53 คาดว่าจะลดลงเหลือ 17,000 บาท/ตัน เทียบกับ 17,800 บาท/ตัน ในไตรมาสก่อน

ผู้ผลิตเหล็กชั้นนำของโลกประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และ ยุโรป ได้บรรลุข้อตกลงราคาสินแร่เหล็กใหม่กับบริษัท Rio Tinto ประเทศออสเตรเลีย สำหรับสัญญาระหว่าง เม.ย. 2552 - มี.ค. 2553 มีราคาปรับลดลง 33% ในขณะที่ผู้ผลิตเหล็กในจีนต้องการลดลงในระดับ 40-45% อย่างไรก็ตามคาดว่าในที่สุดประเทศจีนจะยอมรับราคาที่ปรับลดลงในระดับประมาณ 33% ซึ่งเป็นระดับที่ปรับลดลงน้อยกว่าราคาเหล็กที่ทรุดลงถึง 55-60% คาดแรงกดดันในด้านต้นทุนดังกล่าวจะผลักดันให้ราคาเหล็กค่อยๆฟื้นตัวต่อในครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากประเทศหลักๆของโลกได้ออกมาตรการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเน้นที่โครงสร้างพื้นฐาน สำหรับไทยโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง และ สายสีม่วง ที่จะเริ่มก่อสร้างในครึ่งปีหลังนี้ จะเพิ่มความต้องการเหล็กเท่ากับ 24,500 ตัน และ 163,300 ตัน ตามลำดับในระยะ 4-5 ปีข้างหน้า

มองว่าหุ้น TSTH เป็นหุ้นที่มีศักยภาพจากเป็นผู้ผลิตเหล็กเส้นรายใหญ่สุดของประเทศ มีทั้งเตาหลอม และ โรงถลุงเหล็กขนาดย่อม ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 1.8 บาท/หุ้น จากเดิม 1.5 บาท/หุ้น แนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว"



ที่มา บล.กิมเอ็งฯ



0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4