26 มิถุนายน 2552

บ้านปูผนึกกลุ่มมิตรผล

บ้านปูผนึกกลุ่มมิตรผล เล็งบุกธุรกิจเอทานอล


บ้านปูฯ ระบุ ผลศึกษาธุรกิจพลังงานทดแทนจะแล้วเสร็จปีนี้ ส่อร่วมมือ "มิตรผล" ผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดในไทย ผงาดในธุรกิจเอทานอล ผนึกความแข็งแกร่งการเงิน-วัตถุดิบ หลังราคาน้ำมันยังคงทรงตัวในระดับสูง รวมทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยงธุรกิจจากถ่านหินและไฟฟ้า


นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการศึกษาการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่บ้านปูแสดงความสนใจจะเข้าไปลงทุน โดยระบุว่า ผลศึกษาในเรื่องดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ และยังบอกด้วยว่า มีความเป็นไปได้เช่นกันที่จะร่วมมือกับกลุ่มบริษัทน้ำตาลมิตรผล ผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ในการผลิตเอทานอล

"ตอนนี้เพลเยอร์เยอะมาก ผมก็มีทีมงานขึ้นมาดู ว่ากันจริงๆ แล้วเราศึกษาเรื่องนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ก็เริ่มมาดูโครงการต่างๆ จริงจังมากขึ้น แต่ยังไม่ถึงขั้นลงทุน ปีนี้ปีหน้าอาจจะเห็นโครงการ และอาจจะร่วมมือกับมิตรผลในเรื่องเอทานอล" ชนินท์ ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ไว้เช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ชนินท์เคยให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่บ้านปูสนใจโดดเข้ามาเล่นในธุรกิจพลังงานทดแทนว่า เป็นเหมือนการ "ปักธง" เพื่อรอโอกาสที่จะกอบโกยรายได้ เนื่องจากประเมินสถานการณ์จากดีมานด์-ซัพพลายน้ำมันของโลกแล้วพบว่า เป็นไปได้ยากที่ราคาน้ำมันจะกลับมายืนในระดับต่ำเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แต่จะทรงตัวในระดับสูงต่อไป ทำให้พลังงานทดแทนกลายเป็นทางเลือก ในการใช้พลังงานของผู้ใช้น้ำมันในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจของบ้านปูที่ปัจจุบันประกอบด้วย 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจถ่านหิน และธุรกิจผลิตไฟฟ้า

โดยเฉพาะธุรกิจถ่านหิน ที่มีความผันผวนของราคาค่อนข้างสูง ขณะที่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าก็มีความเสี่ยงในประเด็นผลกระทบสิ่งแวดล้อม ปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ปรับลดลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวยังกลายเป็นการจำกัดโอกาสเติบโตในธุรกิจผลิตไฟฟ้า

ทั้งนี้ ความสนใจในธุรกิจพลังงานทำให้ที่ผ่านมาบ้านปู ถึงขั้นตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ถือเป็นอีกธุรกิจหนึ่งในเครือ โดยระบุชัดไว้ก่อนหน้านี้ว่ามีความสนใจการผลิตเอทานอล เป็นพิเศษ

ผู้บริหารบ้านปู เคยระบุว่า กลุ่มบ้านปูมีเป้าหมายจะรุกทำเหมืองถ่านหิน-ไฟฟ้าครบวงจรในเอเชีย โดยกำลังพิจารณาขยายการลงทุนด้านเหมืองแร่ต่อจากจีน ไปยังอินเดีย หรือออสเตรเลีย เพื่อให้เป็น "ผู้เล่น" หลักด้านถ่านหิน-ไฟฟ้าในเอเชีย แต่เมื่อทั่วโลกเบนเข็มมาให้ความสนใจกับเทรนด์พลังงานทดแทน บ้านปูจึงไม่รอช้าที่จะโดดร่วม ขอเป็นหนึ่งในผู้เล่น เพื่อให้ครอบคลุมทุกธุรกิจพลังงาน ต้นน้ำ-ปลายน้ำ

เขายังระบุว่า พลังงานทดแทนถือเป็นกระแสใหม่ที่ทั่วโลกตื่นตัว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราวๆ ทศวรรษที่ 1980 ทั่วโลกเกิดการขาดแคลนพลังงาน ยิ่งเป็นการตอกย้ำความแรงเมื่อราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยราคาน้ำมันดิบเคยพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และทะยานขึ้นมาเหนือ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะหล่นลงมาอยู่ที่ 60 กว่าดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปัจจุบัน ซึ่งก็ถือว่าเป็นระดับราคาที่ค่อนข้างสูง

ขณะที่ปัจจุบันกลุ่มบริษัทน้ำตาลมิตรผลก็แสดงความสนใจในธุรกิจพลังงานทดแทนมานาน โดยโครงสร้างธุรกิจในปัจจุบันได้จัดตั้งเป็นกลุ่มธุรกิจเอทานอล โดยมีโรงงานผลิตเอทานอลบริสุทธิ์จำนวน 2 โรง ดำเนินการภายใต้บริษัท เพโทรกรีน จำกัด ซึ่งเป็นการผลิตเอทานอลจากอ้อยและกากน้ำตาล (โมลาส) โรงงานเอทานอลแห่งแรก ก่อตั้งขึ้น ในปี พ.ศ.2548 ที่อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ผลิตเอทานอลจากโมลาส มีกำลังการผลิตวันละ 200,000 ลิตร ส่วนโรงงานเอทานอลแห่งที่สอง ก่อตั้งในปี 2549 ที่อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ผลิตเอทานอลจากโมลาส มีกำลังการผลิต 200,000 ลิตรต่อวัน


นอกจากนี้ ในแง่ความสัมพันธ์ กลุ่มบริษัทน้ำตาลมิตรผล ถือเป็นธุรกิจดั้งเดิมของตระกูล ว่องกุศลกิจ โดยมี "ผู้พี่" อย่าง อิสระ ว่องกุศลกิจ กุมบังเหียน ก่อนที่ตระกูลนี้จะแตกไลน์มาดำเนินธุรกิจถ่านหินและโรงไฟฟ้า ในนามบ้านปู โดยมี "ผู้น้อง" อย่าง ชนินท์ ว่องกุศลกิจ นั่งเป็นซีอีโอ ทั้งนี้หากสองค่ายธุรกิจนี้ผสานความร่วมมือกันจริง จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งซึ่งกันและกันไม่น้อย เนื่องจากบ้านปู มีความแข็งแกร่งในการระดมทุน ฐานที่เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่กลุ่มมิตรผล จะมีความได้เปรียบในเรื่องวัตถุดิบ (อ้อยและโมลาส) ในการผลิต ทำให้ต้นทุนการผลิตเอทานอลต่ำ เกิดความสามารถในการแข่งขัน


0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4