17 มิถุนายน 2552

แรงขายต่างชาติ

แรงขายต่างชาติ-สถาบันกดดันหุ้นไทยปิดร่วง 2.51%
นครหลวงไทยคาดกลุ่มรับเหมา-แบงก์เด้งรับพ.ร.บ.กู้เงิน แต่ดัชนีภาพรวมยังไม่สดใส

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาตลาดได้เก็งกำไรตามข่าวพ.ร.บ. กู้เงิน ของรัฐบาลไปแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และสถาบันการเงิน เพราะจากรายละเอียดของโครงการกู้เงินนั้น รัฐบาลจะนำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานถึง 70% ซึ่งจะทำให้ บมจ. ช. การช่าง (CK) บมจ. ซีฟโก้ (SEAFCO) และผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่รายอื่น รวมถึงกลุ่มสถาบันการเงินที่เป็นแหล่งเงินทุนให้กับภาคเอกชนได้รับประโยชน์โดยตรงได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นการลงทุนที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ กลุ่มเหล็กต้นน้ำ คือ บมจ. ทาทา สตีล (ประเทศไทย) (TSTH) ก็น่าจะได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นผู้ประกอบการเหล็กต้นน้ำรายใหญ่ของประเทศ

นายสุกิจได้ประเมินแนวรับถัดไปของดัชนีหุ้นไทยไว้ที่ 590 จุด และหลังจากนั้นที่ 550 จุด หลังจากที่ยังมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ อาทิ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงกว่าปกติ และยังมีแรงขายของต่างชาติออกมาในภูมิภาคมากขึ้นด้วย

“เชื่อว่าหุ้นไทยยังลงไปกว่าระดับ 600 จุดได้ หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงกว่าปกติ ทำให้มีโอกาสที่เม็ดเงินจะไหลเข้าไปตลาดพันธบัตรได้ และยังเริ่มเห็นแรงขายต่างชาติออกมาในตลาดหุ้นภูมิภาคอีกด้วย จึงถือเป็นความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นจะปรับลดลงได้มากกว่าที่ผ่านมา จึงน่าจะรอดูทิศทางเงินทุนต่างชาติให้ชัดเจนก่อนด้วย หรือรอให้ดูสถานการณ์ให้นิ่งกว่านี้อีกนิด” นายสุกิจกล่าว


บล. ฟาร์อีสท์แนะติดตามราคาน้ำมัน-ค่าเงิน-ตัวเลขเศรษฐกิจ อย่างใกล้ชิด

นายจักรกริช เจริญเมธาชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในวันนี้มีโอกาสปรับดลงไม่หนักมาก เนื่องจากยังพอมีแรงซื้อเข้ามาในเหล็ก และขนส่งทางเรือ ในตลาดเกิดใหม่ในช่วงท้ายการซื้อขายของเมื่อวานนี้ โดยนักลงทุนยังคงต้องติดตามทิศทางราคาน้ำมัน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และข้อมูลเศรษฐกิจที่จะประกาศออกมา เนื่องจากเงินทุนต่างชาติยังค่อนข้างอ่อนไหวต่อปัจจัยเหล่านี้ และยังทำให้นักลงทุนมีการเข้าเร็วออกเร็ว หรือเทขายทำกำไรออกมาในระหว่างทางด้วย

ส่วนพ.ร.ก. และพ.ร.บ. การกู้เงินของรัฐบาล ถือเป็นปัจจัยที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว ซึ่งหากผลการพิจารณาไม่เป็นไปตามคาดก็จะเข้ามาเป็นปัจจัยลบกดดันตลาดได้

สำหรับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ยังอ่อนค่าในระยะยาว ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในขณะนี้ยังปรับลดลงค่อนข้างแรง จึงยังแนะนำซื้อหุ้นบมจ. ปตท. (PTT) , บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) และ บมจ. บ้านปู (BANPU) แต่หากราคาปรับเพิ่มขึ้น ก็ควรขายออกมาด้วย


ดัชนีหุ้นไทยในวันนี้ปิดร่วงลงต่อเนื่องอีก 15.38 จุด หรือ 2.51% มาอยู่ที่ 596.54 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ 25,439.36 ล้านบาท
- นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 1,628.55 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,162.84 ล้านบาท
- นักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 3,791.39 ล้านบาท



0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4