08 มิถุนายน 2552

ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ

ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ

บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย
จำกัด
รายงานบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (1-5 มิ.ย.) ว่า ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 604.57 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.88 จาก 560.41 จุดในสัปดาห์ก่อน และพุ่งขึ้นร้อยละ 34.36 จากสิ้นปี 2551 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้นร้อยละ 63.88 จาก 91,018.71 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 149,160.49 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นจาก 18,203.74 ล้านบาท ในสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 29,832.10 ล้านบาท

โดยภาพรวมตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 8,020.07 ล้านบาท และ 732.18 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 8,743.26 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 179.31 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.97 จาก 174.13 จุดในสัปดาห์ก่อน และพุ่งขึ้นร้อยละ 10.05 จากสิ้นปีก่อน

ในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ตลาดหุ้นไทยมีแรงซื้อที่มีเข้ามาอย่างหนาแน่นในหุ้นกลุ่มหลักอย่างพลังงานและธนาคาร หนุนให้ดัชนีหุ้นไทยปิดปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นถึงร้อยละ 3.49 ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 เดือนในวันจันทร์ โดยการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบและค่าระวางเรือเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นเดินเรือ และแม้จะมีแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานออกมาระหว่างสัปดาห์ วันศุกร์ ดัชนียังคงปิดบวก ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ดีดตัวขึ้น โดยแรงซื้อที่มีเข้ามาอย่างหนาแน่นในหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคาร ช่วยหนุนให้ดัชนีสามารถปิดยืนเหนือระดับ 600 จุด ได้เป็นครั้งแรกในปีนี้

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารยังได้ปัจจัยหนุนจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ว่า พ.ร.ก.ให้อำนาจคลังกู้เงินเพิ่ม 4 แสนล้านบาท ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ อีกด้วย ขณะที่การปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันสิ้นปีของโบรกเกอร์ต่างชาติ ได้ช่วยหนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน

สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์นี้ (8-12 มิ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยและบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีอาจผันผวนขึ้นต่อได้ จากแรงหนุนการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศ และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งทำให้นักลงทุนอาจยังมีความสนใจลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ การรายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค. ในวันที่ 11 มิ.ย. โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

ส่วนปัจจัยในต่างประเทศที่สำคัญ คงจะต้องติดตามความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งการปรับตัวของตลาดหุ้นภูมิภาค ตลอดจนการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด

คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 585 และ 570 จุด ขณะที่แนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 620 และ 666 จุด ตามลำดับ.

ที่มา:สำนักข่าวไทย

0 ความคิดเห็น:

Template by - Abdul Munir | Blogging4